WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRAบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

ทิศทางตลาด
  
  มีโอกาสปรับขึ้น? แต่คาดยังอยู่ในกรอบแคบ ภายใต้ตลาดต่างประเทศที่เคลื่อนไหวไร้ทิศทาง ตามปัจจัยภายในของแต่ละประเทศ ขณะที่คาดภาพรวมอยู่ระหว่างรอการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานเฟด ในการประชุม “Global Economic Issues” ที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งคาดว่าจะย้ำจุดยืนของเฟดในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป (การประชุมเฟดเหลืออีก 4 ครั้ง ถึงสิ้นปี’60) หรือ การเริ่มปรับลดงบดุล ปัจจุบันอยู่ที่ 4.5 ล้านล้านUSD อย่างไรก็ตามคาดการพิจารณาขึ้นกับตัวเลขเศรษฐกิจที่เฟดได้รับ
  
  ทางด้านราคาน้ำมัน ปรับขึ้นเกือบ 1USD หลังก่อนหน้านี้ลดลงไปอยู่ที่ ประมาณ 42.50USD ขณะที่คาดภาพรวมยังคงมีความกังวลต่อภาวะอุปทานที่เพิ่มขึ้นในตลาดโลก ซึ่งคาดยังส่งผลต่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน
  ส่วนทางด้านปัจจัยในประเทศ คาด Sentiment ในระยะสั้น ยังเป็นบวก จากการทำ Window Dressing (30/6/60) ของนักลงทุนสถาบัน ที่คาดช่วยชดเชยแรงขายสุทธิของต่างชาติ รวมถึงแรงเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q60โดยหุ้นที่คาดผลประกอบการ 2Q/60 ดีต่อเนื่อง เช่น TOP, SPALI , MTLS และ WORK เป็นต้นพร้อมแนะติดตามการประชุม กนง. (5/7/60)

และยังแนะจับตา
  (1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR และ CBG เป็นต้น
  (2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี ’60 เช่น KBANK และ SCBเป็นต้น
  (3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
  
  (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น และความต้องการในประเทศที่คาดดีขึ้น เช่น SCC
  (5) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดได้รับประโยชน์จากงานภาคเอกชน ที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น CK, STEC และ UNIQ เป็นต้น 
  
  (6) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น 
  (7) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK
  (8) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วง 2Q/60 เช่น AOT

SET SET50 SET100
1,585.61 +3.25 997.44 +1.18 2,254.64 +3.20

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
   (+/-) ตลาดต่างประเทศ DJIA +14.79, NASDAQ -18.10, S&P +0.77, FTSE +22.67, CAC +29.63 และ DAX +37.42 ภายใต้ปัจจัยหนุนจาก (1) หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มโทรคมนาคม ซึ่งเป็นกลุ่มที่สามารถต้านทานวัฏจักรทางเศรษฐกิจได้ดี (defensive stocks) และ (2) หุ้นกลุ่มการเงิน หลังประธานเฟด สาขานิวยอร์ก และซานฟรานซิสโก สนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีนี้ โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อทำให้นโยบายการเงินกลับสู่ภาวะปกตินั้น จะช่วยให้สามารถรักษาการขยายตัวของเศรษฐกิจในอัตราที่จะดำเนินไปอย่างยั่งยืนในระยะยาว
  
  อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นของดัชนีเป็นไปอย่างจำกัด หลังสหรัฐฯ เปิดเผย ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน – พ.ค. ลดลง 1.1% หลังลดลง 0.9% เมื่อเม.ย.
  
  ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยหนุน ภายใต้ประเด็นที่รัฐบาลอิตาลีเตรียมงบประมาณสูงถึง 1.7 หมื่นล้านยูโร เพื่อรองรับการปิดกิจการของธนาคาร 2 แห่งในอิตาลี (ธนาคารเวเนโต บังกา และธนาคารบังกา โปโปลาเร ดิ วิเซนซา) โดยเงินส่วนหนึ่งจะนำไปแปลงหนี้เสียของธนาคารท้องถิ่นขนาดกลางทั้ง 2 แห่ง และโยกย้ายสินทรัพย์ที่ดีที่สุดของธนาคารไปให้กับธนาคารอินเตซา ซานเปาโล
  นอกจากนี้ยังได้รับแรงหนุนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีที่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนมิ.ย. อยู่ที่ 115.1
  ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ส.ค. +US$0.37 อยู่ที่US$43.38 ต่อบาร์เรล ภายใต้คาดการณ์ การผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ อาจได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนที่ก่อตัวในอ่าวเม็กซิโก
  อย่างไรก็ตามยังมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด จากสหรัฐฯลิเบีย และไนจีเรีย ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น ในขณะที่กลุ่มโอเปกมีความพยายามปรับลดกำลังการผลิต เพื่อรักษาเสถียรภาพราคา 

P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
16.44 1.91 3.07

ที่มา : www.set.or.th

มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 36,632.60
สถาบัน 1,258.66
บัญชีหลักทรัพย์ 36.37
ต่างประเทศ -673.54
ในประเทศ -621.49

  ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.01 อยู่ที่ 2.14%(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) 
  ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.35 อยู่ที่ 10.40
  หุ้นแนะนำ : SPRC

นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร. 02-684-8788

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!