- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 22 June 2017 16:49
- Hits: 2869
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ไซด์เวย์
KGI คาด SET วันพฤหัสฯ ไซด์เวย์ ตามภาวะหุ้นโลกที่ยังไม่มีข่าวใหม่ และราคาน้ำมันลงต่อยังกดดันหุ้นพลังงาน (วานนี้ดัชนีฯ ลงในกรอบจำกัด ตามคาด) เมื่อคืนนี้ EIA รายงานว่าปริมาณผลิตน้ำมันของสหรัฐเพิ่มขึ้น 20,000 บาร์เรล สู่ระดับ 9.35 ล้านบาร์เรล/วันในสัปดาห์ที่แล้ว สูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี ส่งผลให้ราคาน้ำมัน WTi ลงปิดต่ำสุดรอบเกือบ 10 เดือน ส่งผลให้ตลาดหุ้นหลักๆ ส่วนใหญ่ปิดลบเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ ด้านฝั่งยุโรป ปัจจัยการเมืองเป็นลบมากขึ้นเล็กน้อย หลังจาก i) เริ่มมีกระแสว่า ส.ส. ในอังกฤษจำนวนมาก ตั้งเป้าคัดค้านข้อเสนอ Hard Brexit ของนายกฯ เทเรซา เมย์ ii) รมว.ยุติธรรมของฝรั่งเศส ซึ่งมีความใกล้ชิดกับ ปธน.มาครอง ประกาศลาออกกระทันหัน อย่างไรก็ดีทาง KGI มองประเด็นข่าวการเมืองยุโรปดังกล่าวไม่มีนัยสำคัญมากนัก ด้านปัจจัยภายใน...วันนี้รัฐบาลจัดงานสัมมนา Thailand’s Big Strategic Move ... คาดเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มที่เชื่อมโยงแนวนโยบายของภาครัฐฯ เช่นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร CPALL*, LPN*, SGF
CPALL* (เป้าพื้นฐาน 80 บาท) 1) ราคาหุ้นวานนี้ผ่านแนวต้านกรอบ Sideway 62.25 บาทได้ ประเมินมีโอกาสปรับขึ้น ทดสอบแนวต้าน 64 บาท และ 65.75 บาท ตามลำดับ (Stop loss 61 บาท) 2) ในเชิงพื้นฐานคาดแนวโน้มการบริโภคในประเทศจะฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะใน 4Q60 และ 1Q61
LPN* (เป้าพื้นฐาน 15 บาท) 1) ราคาหุ้น 1 – 2 ปี ที่ผ่านมา Underperform กลุ่มฯ เป็นผลจาก Backlog ที่ลดลงต่อเนื่องมาตลอด ตั้งแต่ต้นปี 2558 ล่าสุดจาก Backlog ที่เริ่มปรับขึ้นเป็นครั้งแรกใน 1Q60 (Backlog = 5 พันล้านบาท) คาดจะสะท้อนมายังราคาหุ้นให้ Outperform ได้ 2) เตรียมเปิดขายโครงการใหม่ “เดอะ ซีเล็คเต็ด เกษตร-งามวงศ์วาน” มูลค่าโครงการ 1 พันล้านบาท ในวันที่ 24 มิ.ย.นี้ คาดจะเป็น Sentiment บวกต่อราคาหุ้นในระยะสั้นได้ ... ฝ่ายวิจัยฯคาดผลตอบรับเชิงบวก 3) Valuation ยังไม่แพงด้วย PE ปี 2560 = 10.3 เท่า และ Dividend yield 5.4% (ค่าเฉลี่ย PE ย้อนหลัง 5 ปี = 12 เท่า) 4) ประเมินรูปแบบราคารอสัญญาณซื้อหากยืนเหนือแนวต้าน 12.7 บาทได้ มีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้าน 14.5 บาท แนวรับ 12.2 บาท(Stop loss 12 บาท)
SGF (ยังไม่มีเป้า Consensus) 1) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานจะเริ่มต้นเป็นขาขึ้น ตั้งแต่ 3Q60 โดยล่าสุด คาดยอดปล่อยสินเชื่อบุคคล “ใหม่” เดือน มิ.ย. ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับเดือนละ +100 ล้านบาท จากการเปิดสาขาใหม่แตะ 60 สาขา (ถึงเป้าทั้งปีตั้งแต่ 2Q60) อย่างไรก็ดีต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านพนักงานที่เพิ่มขึ้นใน 2Q60 จะยังกดดันกำไรสุทธิ แต่กำไรจะเริ่มเติบโตแบบไตรมาสต่อไตรมาสใน 3Q60 ต่อเนื่อง 4Q60 และเป็น “Snowball effect” ต่อเนื่องปีหน้า 2) D/E ratio ณ สิ้น 1Q60 ต่ำเพียง 0.03 เท่า เทียบกับ SAWAD* 2.2 เท่า / MTLS* 2.7 เท่า สามารถเร่งปล่อยสินเชื่อได้ ในอัตราเร่วที่สูงกว่า SAWAD*, MTLS* 3) ประเมินกำไรปี 2561 เบื้องต้นได้เท่ากับ ±250 ล้านบาท คิดเป็น PE เพียง ±17 เท่า สมมติฐาน i) สินเชื่อสินปีนี้แตะ 2 พันล้านบาท และปีหน้าแตะ 3 พันล้านบาท (จาก <900 ล้านบาทในปี 2559) ii) อัตรากำไรสุทธิเฉลี่ย 10% 4) แนะนำ “เก็งกำไร” แนวรับ 0.32 บาท / แนวต้าน 0.35 บาท รอสัญญาณซื้อต่อเนื่อง หากผ่านแนวต้านดังกล่าว มีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 0.40 บาท และ 0.45 บาท (Stop loss 0.30 บาท) ... ราคาหุ้น Laggard กลุ่มสินเชื่อบุคคล และเช่าซื้อ
หุ้นมีข่าว
(+) SEAFCO เจรจาเตรียมรับงานฐานรากรถไฟฟ้า 2 สาย แหล่งข่าวรายงาน SEAFCO อยู่ระหว่างเจรจากับบริษัทผู้รับเหมาหลักรายใหญ่เพื่อรับงานฐานรากโครงการรถไฟฟ้า 2 สายมูลค่าราว 1.7 พันลบ. โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ภายใน 4Q17นี้หากเจรจาสำเร็จลุล่วงและบริษัทได้รับงานจะทำให้ Backlog ของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นจากที่รายงานไว้ที่ราว 1.6 พันลบ.เมื่อสิ้นเดือนพ.ค.เป็นมากกว่า 3.2พันลบ.ทำตัวเลข Backlog สูงสุดเป็นประวัติการณ์ใหม่ต่อเนื่อง (ทันหุ้น) (+) มุมมองเรา: เรามองว่าหากSEAFCO เจรจาสำเร็จและได้รับงานจะเป็นบวกต่อบริษัทอย่างชัดเจนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เราได้เห็นบริษัทรายงาน Backlog แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใหม่ต่อเนื่องจากการรับงานของภาคเอกชน ที่ถือว่ามีเข้ามามากกว่าที่เราคาดไว้ ซึ่งงานฐานรากของภาคเอกชนส่วนมากมักจะสามารถก่อสร้างและรับรู้รายได้ภายในไม่กี่เดือนหรือภายในปีนั้นๆแต่งานใหม่จากโครงการรถไฟฟ้าของภาครัฐที่เริ่มเข้ามานี้จะทำให้บริษัทมี Backlog ที่สามารถทยอยรับรู้รายได้ยาวไปจนถึงปีหน้าได้ ซึ่งทำให้ภาพการเติบโตที่แข็งแกร่งของบริษัทที่เราได้ทำประมาณการณ์ไว้มีความชัดเจนและแน่นอนมากขึ้น ทั้งนี้เรามองว่าการเจรจารับงานรถไฟฟ้า 2 สายนี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของงานจากภาครัฐเท่านั้น ยังมีโครงการลงทุนจากภาครัฐอีกหลายโครงการที่คาดว่าจะเริ่มทยอยประมูลในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้และเริ่มก่อสร้างในปีได้อีกหลายโครงการ ซึ่งเป็นบวกต่อบริษัท SEAFCO เพราะงานฐานรากเป็นกระบวนการแรกของการก่อสร้าง
( - กลุ่มยานยนต์ และ กลุ่มส่งออก) อุตฯรับพิษบาทแข็ง ส่งออกรถยนต์วูบหลุดเป้า 1.2 ล้านคัน สอท.จี้รัฐออกมาตรการกระตุ้นครึ่งปีหลัง (โพสต์ทูเดย์) ดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรมต่ำสุดรอบ 7 เดือน พิษบาทแข็ง รถยนต์หลุดเป้า 1.2 ล้านคัน จี้รัฐเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมไทยในเดือน พ.ค. 2560 พบว่า ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอยู่ที่ 85.5 ลดลงจากเดือน เม.ย. 2560 อยู่ที่ 86.4 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนตั้งแต่เดือน ต.ค. 2559
(-) บอร์ด AOT* ล้มประมูล! ILINK ชวดได้งาน APM (ข่าวหุ้น) บอร์ด AOT* ลงมติยกเลิกประมูลงานระบบ APM สุวรรณภูมิ 2.8 พันล้านบาทเป็นครั้งที่ 2 เหตุ ILINK เสนอสูงกว่าราคากลาง 5% หวั่นเจอเช็กบิลย้อนหลัง จ่อเปิดประมูลรอบ 3 ในอีก 2 เดือน
(+ กลุ่มสินเชื่อบุคคล SAWAD*, MTLS*, SGF, ECL) ยอดหนี้นอกระบบหดตัว คนจนแจ้งปีนี้เหลือ 7 หมื่นล้าน เดินหน้านครนายกโมเดลแก้ไข (โพสต์ทูเดย์) คลังชี้ยอดลงทะเบียนคนจนปี 2560 พบลูกหนี้นอกระบบลดลง 2 หมื่นล้าน เหลือ 7 หมื่นล้าน เดินหน้าใช้นครนายกโมเดลนำร่องแก้ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า จากการลงทะเบียนเพื่อรับสวัสดิการรัฐ หรือลงทะเบียนคนจนในปี 2560 เบื้องต้นพบว่า ผู้ที่มาลงทะเบียนแจ้งว่ามีปัญหาหนี้นอกระบบอยู่ในระดับใกล้เคียงกับการลงทะเบียนปี 2559 คือ มีจำนวน 1.3 ล้านราย ขณะที่มูลหนี้นอกระบบพบว่าปีนี้มีจำนวน 7 หมื่นล้านบาท ลดลงจากยอดลงทะเบียนปีก่อนที่มียอดหนี้นอกระบบรวมกันราว 9 หมื่นล้านบาท หรือลดลง 22%
(+) CK* รับบริหารรถไฟฟ้า 1.9 หมื่นล. (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) ช.การช่าง ลงนามในสัญญารับจ้างบริหารโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย มูลค่ากว่า 1.9 หมื่นล้านบาท มีขอบเขตงานออกแบบ จัดหา และติดตั้ง ทดสอบการทำงานของอุปกรณ์งานระบบ งานเชื่อมต่อระบบสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายรวมถึงทดลองเดินรถไฟฟ้าให้เป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญาสัมปทาน อีกทั้งงานตรวจสอบ ทดลองเดินรถ และเปิดดำเนินการให้บริการอุปกรณ์งานระบบที่เกี่ยวข้อง
(+ กลุ่มพลังงานทดแทน เช่น GUNKUL*, EA, SPCG*, EGCO*, RATCH*) เปิดพีพีพีพลังงานทดแทน กฟผ.กางแผน 2 พันเมกะวัตต์ทุ่ม 1.5 แสนล. (โพสต์ทูเดย์) กฟผ.เล็งเปิดพีพีพีดึงเอกชนลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน 2,000 เมกะวัตต์ กว่า 1.5 แสนล้าน รอเคาะ ก.ค.นี้ นายสหรัฐ บุญโพธิภักดี รองผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า กฟผ.เตรียมเสนอร่างแผนผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 2,000 เมกะวัตต์ ต่อ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน เดือน ก.ค.นี้ เพื่อนำไปใช้ในการปรับแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก 2558-2579 (เออีดีพี 2015) โดยเบื้องต้นจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1.5 แสนล้านบาท
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
COM7* (เป้า Consensus 12.7 บาท ... สูงสุด 15 บาท) ประเมินราคาหุ้นแกว่งตัวบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน แบบ SMA และ EMA ในกรอบ 11.2 – 11.7 บาท รอสัญญาณซื้อเมื่อเบรกผ่านแนวต้านกรอบ Sideway ดังกล่าว โดยประเมิน แนวต้านถัดไปที่ 13 บาท เป็นเป้าหมาย (Stop loss 11.1 บาท) ... ประเมินกำไร 2Q60 โตเด่น YoY และมีโอกาสที่จะโตต่อเนื่องใน 3Q60 (มีธุรกิจใหม่ เริ่มปลาย 2Q60 เช่น การเข้าบริหารพื้นที่ในเทสโก้ โลตัส + ร้านใหม่ๆ + การขายเข้าองค์กรการศึกษา เป็นต้น) – 4Q (ผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Apple เช่น iPad 10.5”, MacBook, iPhone ใหม่, Home pod)
ECL (เป้าพื้นฐาน 3.64 บาท) ประเมินแนวรับ 3.44 บาท และ 3.34 บาท ตามลำดับ แนวต้าน 3.70 บาท และ 3.84 บาท ตามลำดับ ... ประมาณการฯและราคาเป้าหมายของเรายังไม่ได้รวมประเด็น Fix man และเป้าหมายสินเชื่อเราต่ำกว่าเป้าผู้บริหาร 20% (มีโอกาสปรับประมาณการฯและเป้าหมายขึ้น)
TAPAC (ยังไม่มีเป้า Consensus) ประเมินมีโอกาสแกว่งตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 23.6 บาท และปิดแก๊บราคาที่ 28 บาท แนวรับ 21.7 บาท (Stop loss 20 บาท) ... คาดผลการดำเนินงาน Bottom out ใน 2Q60 (ปิดงบ เม.ย. รายงานงบไปแล้ว) จะเริ่มเห็นภาพ Earnings momentum ที่โตเด่นในไตรมาสถัดไป ต่อเนื่อง 2 ไตรมาสติดๆ หลังการรับรู้รายได้จากธุรกิจ อสังหาฯ ใน 3Q60 – 4Q60 (ปิดงบปี ต.ค.)
GGC (เป้า Consensus 15.9 บาท) แนะนำ “เก็งกำไร” แนวรับ 14.2 บาท แนวต้านแรก 15.2 บาท (แนวต้านจิตวิทยา) หากผ่านได้ประเมินขึ้นทดสอบแนวต้าน Uptrend ที่ 16.8 บาท (Stop loss 14 บาท) ... ที่ประชุมคณะอนุกรรมการปาล์มน้ำมันวานนี้ มีมติให้ผู้ค้าน้ำมันเก็บสต๊อกน้ำมันไบโอดีเซล (บี100) เพิ่มขึ้นเป็น 90 ล้านลิตร/เดือน จากเดิม 50 ล้านลิตร/เดือน เป็น Sentiment บวกต่อผู้ประกอบการผลิตไบโอดีเซล
IHL (เป้า Consensus 10.5 บาท) แนะนำ “Let profit run” โดยประเมินแนวต้านถัดไปที่ 10.3 บาท และกำหนด Trailing Stop 9.15 บาท
MONO (เป้าพื้นฐาน 3.98 บาท) แนะนำ “Let profit run” โดยประเมินแนวต้านถัดไปที่ 3.8 บาท และกำหนด Trailing Stop 3.5 บาท
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
AMA แนะนำ “ถือ” (ปรับลดคำแนะนำ) เป้าพื้นฐาน 20.6 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 2Q60 = 65 ล้านบาท (+59% YoY, +14% QoQ) โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก YoY จะมาจากรายได้ของธุรกิจการขนส่งทางบกและทางทะเลที่เพิ่มขึ้นหลังจากที่บริษัทได้ซื้อเรือบรรทุกน้ำมันและสารเคมีเพิ่มขึ้นอีกสามลำ ระวางบรรทุกรวม 39,269DWT เพิ่มขึ้น 108% YoY และ ยังซื้อรถบรรทุกน้ำมันใหม่เพิ่มอีก 45 คัน เพิ่มขึ้นถึง 56% YoY ฝ่ายวิจัยฯขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย 1H61 ที่ 20.60 บาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 15.70 บาท และประเมินว่าหากบริษัทซื้อเรืออีกสองลำสำเร็จใน 2H60 ก็จะทำให้มี upside อีก 2.50 บาท/หุ้น อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยฯได้ปรับลดคำแนะนำจาก “ซื้อ” เป็น “ถือ” เนื่องจากยังไม่มีความแน่นอนว่าบริษัทจะซื้อเรือใหม่เพิ่มอีกในเร็วๆ นี้
กลุ่มธนาคารพาณิชย์ น้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาดฯ” ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินประเด็นสำคัญของงบดุลธนาคารในเดือน พ.ค. ได้แก่ i) สินเชื่อและเงินฝากของแต่ละธนาคารไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจน ii) มีการลงทุนในตราสารหนี้เพิ่มขึ้น แม้ว่าช่วงเลวร้ายจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่การฟื้นตัวก็ยังไม่ชัดเจน โดย re-entry NPL ยังคงเพิ่มขึ้นใน 2Q60 ในขณะที่สินเชื่อโดยรวมก็ยังไม่มีทิศทางการเติบโตที่ชัดเจน และแนวโน้มของกลุ่มธนาคารก็ยังเปราะบาง จึงแนะนำให้เลือกซื้อแค่ KBANK* เนื่องจากมีส่วนรองรับหนี้เสียที่จะรับมือกระแส NPL ใหม่ใน 2Q60 และ 3Q60 มากกว่าโดยไม่ต้องเพิ่ม credit cost สำหรับกลุ่มธนาคารขนาดเล็ก แนะนำ เก็งกำไร
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้ --- ยังอยู่นัยต้าน 1580 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นปิดเหนือนัยต้าน 1580 จุด อาจทรงราคาขึ้นในกรอบ 1580-1588 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงหรือปิด ต่ำกว่านัยต้าน 1580 จุดนั้น อาจรักษาแรงกดลงในกรอบ 1580-1559 จุด
แนวรับวันนี้: 1571/1565 แนวต้านวันนี้: 1582/1588
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]