- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 22 June 2017 00:10
- Hits: 5288
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดตลาดยืนบวกเล็กน้อยขยับขึ้นทำจุดสูงสุดของวันที่ 1584.15 จุด เพิ่มขึ้น 3.01 จุด ซึ่งเป็นแรงซื้อจากหุ้นในกลุ่มพลังงานเป็นหลักอย่าง PTT, PTTEP, TASCO ก่อนที่จะเผชิญแรงขายจากหุ้นในกลุ่มแบงก์ อาหารและขนส่งไหลลงเข้าสู่แดนลบ พร้อมกับแกว่งตัวผันผวนในกรอบแคบที่อยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยมีจุดต่ำสุดของวันที่ 1577.67 จุด ลดลง 3.47 จุด ทำให้ทั้งวันมีกรอบการเคลื่อนไหวที่ 6.48 จุด ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1578.62 จุด ลดลง 2.52 จุด (-0.16%) มูลค่าการซื้อขาย 35,925 ล้านบาท
ภาพตลาดวันนี้
ดัชนีวานนี้เริ่มกลับมาชะลอตัว หลังจากวันก่อนหน้าที่ขึ้นยืน 1580 จุด โดยในช่วงเช้าขยับขึ้นทำต่อ High ที่ 1584 จุด ก่อนที่จะอ่อนตัวลงมาทำจุดต่ำที่ 1577 จุด และทำปิดที่ใกล้จุดต่ำสุดของวันที่ 1578 จุด ซึ่งเป็นการกลับมาอยู่ใต้เส้นแนวโน้มระยะกลางที่เป็นขาลงเล็กน้อย หลังจากที่เพิ่งเบรกไปวันก่อนนหน้า บวกกับกราฟแท่งเทียนเริ่มเตือนในเชิงลบ ทำให้ดัชนีมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวในลักษระแกว่งตัวออกข้าง ที่ไม่ควรหลุด 1570 จุด ซึ่งเป็นแนวรับระดับรายสัปดาห์ เพื่อกลับขึ้นไปทดสอบใกล้ 1600 จุด ระยะสั้นมองแนวรับ 1570-1574 จุด แนวต้าน 1582-1586 จุด
แกว่งตัวผันผวน - พักเพื่อไปต่อ มีโอกาสเข้าใกล้ 1600 +/-
Support 1560 // 1550 จุด Resistance 1580-1590 จุด
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
Company Update & News Comment
(-) KSL : ปรับประมาณการลงจากภาพอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลง
(+) PYLON : งานภาครัฐมีความชัดเจน ปรับประมาณการขึ้น
ปัจจัยและทิศทางตลาดหุ้นไทย
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรป ที่ได้ผลบวกจากถ้อยแถลงของ Fed ต่อทิศทางดอกเบี้ยและเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่คืนที่ผ่าน ตัวแปรที่สำคัญและใกล้ตัวกว่า คือราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ร่วงลงไปแตะระดับ $43 เหรียญ เป็นผลจากความกังวลในเรื่องการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯ และผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อื่นๆ เช่น ลิเบีย จนเป็นผลให้จุดสมดุลระหว่างการผลิตน้ำมันและความต้องการใช้น้ำมันถูกเลื่อนไปอย่างเร็ว คือต้นปีหน้า (จากเดิม 3Q-17)
ค่าเงินดอลล่าร์ ยังมีแนวโน้มขึ้นต่อ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเงินสกุลยุโรป ทั้งนี้ Dollar Index เช้านี้ อยู่ที่ระดับ 97.7 จุด ฟื้นขึ้นจากจุดต่ำสุดของปีนี้ เมื่อ 14 มิ.ย. มาแล้ว 1.4% ซึ่งก็เป็นไปตามโอกาสที่ Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยและภาวะเศรษฐกิจ แต่อาจกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ที่ผกผันกับค่าเงินดอลล่าร์
ขณะที่การประกาศที่จะนำหุ้น A-Share ของจีน 222 ตัว ของจีนมาพิจารณาในการนำเข้าคำนวณดัชนี MSCI Emerging Market ที่จะเริ่มใช้ พ.ค.61 จะมีผลต่อความกังวลว่า สัดส่วนของหุ้นจีนที่จะเพิ่มขึ้นอีก 0.73% ในดัชนีฯ อาจดึงความสนใจของนักลงทุนเข้าไปสู่หุ้นจีนมากขึ้นในอนาคต สั้นๆ จะเป็นลบต่อตลาดหุ้นมากกว่า (Goldman Sachs ระบุในรายงานวันนี้ ว่า ตลาดหุ้นไต้หวัน เกาหลี และอินเดีย จะได้รับผลกระทบมากที่สุด)
ปัจจัยต่างประเทศ วันนี้ จะมีน้ำหนักในทางลบต่อตลาดหุ้นไทย ทั้งราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง และการนำหุ้นจีน เข้าคำนวณดัชนี MSCI
ปัจจัยในประเทศ การประกาศใช้ ม.44 ต่อการผลิตปิโตรเลียมและผลิตไฟฟ้าบนพื้นที่ สปก. ดูจะเป็นบวกต่อหุ้นที่เกี่ยวข้อง (PTTEP, EA , DEMCO, EGCO) และข่าว EARTH แจ้งข้อมูลผิดนัดชำระหนี้ตั๋วแลกเงิน เพิ่มเป็น 1.05 พันลบ. มีผลทางจิตวิทยาต่อตลาดเพียงเล็กน้อย ขณะที่การอ่อนค่าของเงินบาท เช้านี้ ขึ้นมาแตะ 34.0 บาท/ดอลล่าร์ จะเป็นบวกต่อหุ้นที่มีรายได้เป็นดอลล่าร์ นอกจากนี้ ในวันนี้ จะมีการรายงานตัวเลขยอดขายรถยนต์ของไทย เดือน พ.ค. ด้วย
ทิศทางตลาดหุ้น เราประเมินดัชนีฯจะแกว่งในกรอบแคบๆ และมีแนวโน้มด่อนตัวลง จากปัจจัยลบต่างประเทศ คือราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง และความกังวลต่อการนำหุ้นจีนเช้าคำนวณดัชนี MSCI ดังให้ตลาดหุ้นเอเซียหลายแห่งเป็นลบเช้านี้ และจะมีผลมาถึงตลาดหุ้นไทยด้วย
กลยุทธ์การลงทุน ช่วงสั้นๆ ตลาดจะผันผวนตามตลาดต่างประเทศ และแรงขายทำกำไรในตลาดหุ้นไทยอาจมีต่อเนื่องมาถึงวันนี้ จึงควรชะลอการลงทุนเพิ่อดูทิศทางตลาดก่อน .......... การเข้าลงทุนยังต้องเป็น Selective buy เน้นไปที่หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หุ้นอิงรายได้จากการลงทุนภาครัฐฯ (รับเหมาฯ+ รับงาน ICT) ....... สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิเช่น DELTA , BR , GPSC* , LST* , ILINK*
* เป็นหุ้นที่แนะนำในเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
ประเด็นสำคัญ
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (20 มิ.ย.) - SET Index ปิดที่ระดับ 1,578.62 จุด ลดลง 2.52 จุด -0.16% มูลค่าการซื้อขาย 35,925.04 ล้านบาท เนื่องจากนักลงทุนยังรอลุ้นประเด็นใช้ ม.44 ปลดล็อคใช้ที่ดิน ส.ป.ก.ซึ่งออกมาในทางบวก และประเด็น MSCI พิจารณาเพิ่มน้ำหนักหุ้น A-Shares ของจีนอาจส่งผลกระทบ Fund Flow
ตลาดหุ้นต่างประเทศ - ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด 21,467.14 จุด ลดลง 61.85 จุด หรือ -0.29% โดยตลาดได้รับปัจจัยลบจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงกว่า 2% อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งรวมถึงนายเอริค โรเซนเกรน ประธานเฟดสาขาบอสตัน เช่นเดียวกับ ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.7% ปิดที่ 389.21 จุด
ราคาน้ำมันดิบ WTI-สัญญาน้ำมันดิบ ลดลง 97 เซนต์ หรือ 2.2% ปิดที่ 43.23 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า การผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐ ลิเบีย และไนจีเรีย อาจจะขัดขวางความพยายามของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในการปรับลดกำลังการผลิต
เศรษฐกิจสหรัฐ - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มขึ้น 2.4% ในไตรมาส 1 สู่ระดับ 1.168 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ที่แตะ 1.192 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยก่อนหน้านี้ สหรัฐขาดดุลบัญชีเดินสะพัด 1.140 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว
เศรษฐกิจยุโรป - ธนาคารกลางยุโรป (ECB)เปิดเผยว่า ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของยูโรโซนปรับตัวลดลงในเดือนเม.ย. สู่ระดับ 2.22 หมื่นล้านยูโร จากระดับ 3.57 หมื่นล้านยูโรในเดือนมี.ค. เนื่องจากยอดเดินดุลการค้าสินค้าและบริการที่ลดลง โดยยอดเกินดุลการค้าสินค้าลดลงสู่ระดับ 2.51 หมื่นล้านยูโรในเดือนเม.ย. จากระดับ 3 หมื่นล้านยูโรในเดือนมี.ค. ขณะที่ยอดเกินดุลบริการลดลงแตะ 7.4 พันล้านยูโร จากระดับ 1.17 หมื่นล้านยูโร
เศรษฐกิจอังกฤษ - นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะริเริ่มหรือปรับเปลี่ยนเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้ว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจะลดลงก็ตาม และยังไม่มีความเร่งรีบที่จะคุมเข้มด้านนโยบายแต่อย่างใด แต่ยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการถอนตัวจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (Brexit)
เศรษฐกิจจีน - ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า ผลการสำรวจพบว่า ความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 2 โดยดีดตัวสู่ระดับ 65.4 จากระดับ 61.5 ในไตรมาส 1 และเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 5 ไตรมาส และยังพบว่า นายธนาคารจำนวน 30.1% เชื่อว่านโยบายการเงินค่อนข้างคุมเข้มในขณะนี้ โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 20.3% ในไตรมาส 1 การสำรวจดังกล่าวมีขึ้น ขณะที่ระบบธนาคารเผชิญภาวะสภาพคล่องตึงตัวในช่วงกลางปี อันเนื่องจากปัจจัยด้านฤดูกาล ซึ่งรวมทั้งการจ่ายภาษี, การทบทวนกฎระเบียบในช่วงปลายไตรมาส และการคุมเข้มการกำกับภาคการเงิน
คมนาคม - นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีนว่า การดำเนินงานแบ่งเป็น 2 ตอน คือ กรุงเทพ-นครราชสีมา และนครราชสีมา-หนองคาย โดยศึกษาออกแบบช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมาก่อน แบ่งงานเป็น 2 รายการคือ 1.สัญญาการก่อสร้าง ซึ่งจะใช้ผู้รับหมาไทย วัสดุในประเทศ สัดส่วน 75% 2.สัญญาออกแบบ ควบคุมการก่อสร้างและ งานระบบราง อาณัติสัญญา ตัวรถ ความเร็ว 250 กม. /ชม. ใช้เทคโนโลยีจีน สัดส่วน 25% ขณะนี้งานออกแบบได้ทำคู่ขนานไปแล้วมีความก้าวหน้า 95% คาดว่าจะลงนามสัญญาออกแบบกับจีนได้ภายในเดือนก.ค.นี้ ซึ่งตามคำสั่งมาตรา 44 ให้ยกเว้นพ.ร.บ.เรื่องการประกอบวิชาชีวิศวกรรมหรือวิชาชีพสถาปัตยกรรม
พื้นที่ สปก. - พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมร่วมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ใช้คำสั่งตามมาตรา 44 ในการปลดล็อกให้ 3 กิจการที่ได้ดำเนินการไปแล้วบนที่ดินของ ส.ป.ก. ให้สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ประกอบด้วย 1.การสำรวจและผลิตปิโตรเลียม 2.การวางกังหันลมเพื่อผลิตไฟฟ้า และ 3.การทำเหมืองแร่ โดยให้ถือว่าไม่เป็นการขัดกับวัตถุประสงค์ของ พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ที่ต้องการจะให้ใช้ที่ดิน ส.ป.ก.เฉพาะด้านการเกษตรและลดความเหลื่อมล้ำให้แก่เกษตรกรเท่านั้น
กลุ่มพลังงาน - นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการปาล์มน้ำมันได้หารือร่วมกับกรมธุรกิจพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาผลปาล์มสดให้แก่เกษตรกร โดยที่ประชุมมีมติให้ผู้ค้าน้ำมันเก็บสต็อกน้ำมันไบโอดีเซลเพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 90 ล้านลิตร จากปัจจุบันที่เก็บสต็อกเดือนละ 50 ล้านลิตร ซึ่งจะช่วยดึงผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ออกจากตลาดได้เพิ่มขึ้นเป็น 76,000 ตัน จากเดิมที่ 40,000-50,000 ตัน นอกจากนี้ กรมการค้าภายใน ยังได้กำหนดราคาแนะนำรับซื้อผลปาล์มสด เปอร์เซ็นน้ำมัน 17% ที่ กก.ละ 4.30 บาท มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย.60 ขณะที่ราคาผลปาล์มสด ณ วันที่ 20 มิ.ย.60 อยู่ที่ กก.ละ 4.10 บาท
News Release :
CSS มือทองคว้างาน DTAC ติดตั้งเสาโทรคมฯ 400 ต้น
+ 'CSS' มือทอง กวาดงานติดตั้งเสาโทรคมนาคม DTAC กว่า 400 ต้น มั่นใจมีลุ้นคว้างานเพิ่มอีก โชว์แบ็กล็อกแน่น 1,650 ล้านบาท หนุนรายได้ปี 60 โตแกร่งเข้าเป้า 5,000 ล้านบาท(ข่าวหุ้น)
GGC-EA-BCP-UAC เด้ง รัฐเพิ่มสต๊อกไบโอดีเซล
+ 4 หุ้นไบโอดีเซล 'GGC-EA-BCP-UAC' รับข่าวดี ภาครัฐสั่งเพิ่มจัดเก็บสต๊อกไบโอดีเซล หนุนความต้องการใช้ B7 พุ่งจับตาใช้ B7 ลากยาวถึงสิ้นปีนี้ หวังช่วยแก้ปัญหาปาล์มล้นตลาด(ข่าวหุ้น)
SUPER หุ้นเด้งดึ๋ง จริงจังหรือจิงโจ้ ประเดชโยนสนุก
+ SUPER ร้อนแรง! ราคาหุ้นเด้งดึ๋ง 4% รับข่าวดีเตรียมบุ๊คโซลาร์ฟาร์มในจีน Q3 จับตารอบนี้ราคาวิ่งจริงจังหรือจิงโจ้ หลังจากก่อนนี้เกือบ 20 วันราคาร่วงหนักต่อเนื่องกว่า 19% เหตุผู้ถือหุ้นใหญ่ "กลุ่มประเดช" ขายระหว่างกันเองต่ำกว่ากระดาน(ข่าวหุ้น)
D มั่นใจรายได้ปีนี้พุ่ง 15% เดินหน้าขยายสาขาเพิ่ม เชียร์ "ซื้อ" เป้า 10.40 บ.
+ D ย้ำเป้ารายได้ปีนี้โต 10-15% ทุ่มงบลงทุนขยายสาขา 50-60 ล้านบาท เน้นทำเลท่องเที่ยว และย่านเศรษฐกิจ ฟากโบรกฯ เชียร์ "ซื้อ" กำหนดราคาเป้าหมาย 10.40 บาท ลุ้นปี 60 กำไรแตะ 56 ล้านบาท(ข่าวหุ้น)
HFT ผลงาน Q2 ฟื้นคืนชีพ ออเดอร์นอกบ้านจ่อเสียบ
+ HFT มีลุ้นกำไรในไตรมาส 2/2560 กลับมาฟื้นตัวจากไตรมาสแรก คาดขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลง ส่งสัญญาณครึ่งปีหลังออเดอร์ทั้งใน-ต่างประเทศไหลเข้าเพียบ ไฮซีซันหนุนธุรกิจ เร่งอัพกำลังผลิต ขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่ม ดันรายได้รวมปีนี้เติบโต 8-10% (ทันหุ้น)
'CBG'ลุยเจาะตลาดอังกฤษโกยเงินเพียบซดมาร์จิ้น 40%
+ CBG เร่งเครื่องขยายตลาดต่างประเทศต่อเนื่อง รุกเจรจาผู้ประกอบการค้าปลีกในอังกฤษ 3-4 ราย คาดสรุปได้ภายในปีนี้ 2-3 ราย ซดมาร์จิ้น 35-40% พุ่งเป้าโกยออเดอร์ในอังกฤษและจีนกว่า 250-350 ล้านกระป๋อง โบรกเชื่อการรุกขยายตลาดหนุนผลงานในอนาคต พร้อมเชียร์ซื้อ เป้าหมาย 73 บาท(ทันหุ้น)
TSR จัดทัพรุกตลาดกัมพูชา ชูออนไลน์อัพพอร์ตโต 1 พันล.
+ TSR รุกตลาดกัมพูชา-เมียนมา-เวียดนาม หวังเขย่าฐานรายได้โตเด่น บิ๊ก "เอกรัตน์ แจ้งอยู่" แย้มงบไตรมาส 2/2560 สดใส เหตุเพิ่มโปรดักต์เครื่องใช้ไฟฟ้า หนุนยอดขายพุ่ง ชูแคมเปญเด็ด "ผ่อนสบาย" เพิ่มช่องจำหน่ายผ่านออนไลน์ หนุนพอร์ตโต 1 พันล้านบาท ซุ่มเจรจารายใหญ่อสังหา แถมออเดอร์ล็อตใหญ่ OEM เสียบ ลุยขยายสาขาทำเงิน ชี้รายได้โต 2 พันล้านบาท (ทันหุ้น)
TWPC ซุ่มซื้อกิจการ CLMV บินโรดโชว์ฮ่องกง-สิงคโปร์
+ TWPC รุกเจรจาซื้อกิจการใน CLMV 2-3 ดีล คาดสรุปภายในปีนี้ มั่นใจเงินทุนเพียงพอ โชว์เงินสดในมือกว่า 1.7 พันล้านบาท ส่วนรายได้ปีนี้คาดโต High Single Digit เตรียมบินโรดโชว์ ฮ่องกง-มาเลเซีย-สิงคโปร์ วางเป้า 3-5 ปีรายได้แตะ 1 หมื่นล้านบาท ล่าสุดมี พี/อี แค่ 1.3 เท่า โบรกชี้เป้าไกล 11.80 บาท(ทันหุ้น)
นักวิเคราะห์ : มงคล พ่วงเภตรา
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
License No: 001937 Tel: 02-648-1123
และทีมวิเคราะห์