WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

KTBบล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily

 

ภาพตลาดวันวาน
  ดัชนีมีทิศทางผันผวนด้วยการเปิดตลาดปรับตัวลงขยับลงทำจุดต่ำสุดของวันที่ 1573.53 จุด ลดลง 3.47 จุด ก่อนที่จะแกว่งตัวขึ้นมายืนบวกได้ทำจุดสูงสุดของวันที่ 1580.52 จุด เพิ่มขึ้น 3.52 จุด ก่อนที่จะเผชิญแรงขายจากหุ้นในกลุ่มพลังงานและแบงก์นำโดย PTT, PTTEP, KTB, BANPU, KBANK กดดดัชนีไหลลงเข้าสู่แดนลบจนถึงปิดตลาด ทำให้มีกรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันที่ 6.80 จุด ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1573.53 จุด ลดลง 3.47 จุด (-0.22%) มูลค่าการซื้อขาย 39,962 ล้านบาท

ภาพตลาดวันนี้
  ดัชนีวานนี้มีความพยายามไปต่อ ขยับขึ้นทำ High ที่ 1580 จุด ซึ่งแนวต้านของเส้นแนวโน้มขาลงที่กดอยู่ทำให้ไม่สามารถผ่านขึ้นได้ในครั้งแรก ก่อนที่จะอ่อนตัวลงมาทำปิดที่จุดต่ำสุดของวันที่ 1573 จุด จากภาพดังกล่าวดูเหมือนดัชนีส่งสัญญาณในเชิงลบ แต่ตราบใดที่ยังยืนเหนือ 1570 จุดได้ภาพของการขึ้นที่จะทดสอบ 1580-1590 จุดนั้นยังไม่เสีย มองแนวรับ 1567-1570 จุด แนวต้าน 1578-1580 จุด

พรรณนภา เขมะสุรัตน์ Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110 Tel 02- 6481124
Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell

 

Company Update & News Comment

(-) SMT : ปรับประมาณการรายได้และกำไรลงจากการ delay ของแผงโซลาร์


ปัจจัยและทิศทางตลาดหุ้นไทย
      แม้โอกาสที่ Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่สามในปีนี้จะมีน้อยลง (เงินเฟ้อไม่สูงอย่างต่อเนื่อง) แต่นักลงทุนมีความกังวลต่อการลดขนาดสินทรัพย์ของ Fed ที่ระบุมาเบื้องต้น เดือนละ $1.0 หมื่นล้านเหรียญ (และจะเพิ่มขึ้นทุกๆ 3 เดือน) ที่จะกระทบต่อปริมาณเงินในระบบ จึงเห็นได้ว่า ตลาดหุ้นและสินทรัพย์การเงินหลายตัว ยกเว้นเงินดอลล่าร์ ในวันที่ผ่านมา ตอบรับในทางลบหลังทราบผลประชุม FOMC
ตัวแปรอื่นๆ ที่มีผลต่อตลาด จะเป็นราคาน้ำมันดิบ ที่ลงมาแตะ $44 เหรียญ เป็นวันที่สอง จากความกังวลเรื่องภาวะ oversupply ที่ยังคงอยู่ในตลาด การตรวจสอบการแทรกแซงการเลือกตั้งของสหรัฐฯโดยรัสเซีย ยังมีเข้ามาในตลาด และตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ (การผลิตภาคอุตสาหกรรม , ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้าน) ปรับตัวลดลง ทั้งหมดนี้ เป็นตัวแปรที่ให้น้ำหนักในทางลบ


ประเมินปัจจัยต่างประเทศ ไม่เพียงแต่การปรับขึ้นดอกเบี้ยและการลดขนาดสินทรัพย์ของ Fed ที่นักลงทุนกังวล แต่ตัวแปรทั้งการเมืองสหรัฐฯ ตัวเลขเศรษฐกิจออกมาไม่ดี (แต่ดอกเบี้ยมีแนวโน้มสูงขึ้น) และราคาน้ำมันที่ร่วงต่ำกว่า $45 เหรียญ ทำให้นักลงทุนยังมุ่งหน้าเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ (พันธบัตรรัฐบาล) อยู่ต่อไป ในขณะที่ราคาสินค้าในกลุ่ม commodity จะได้รับผลกระทบ จากการแข็งค่าของเงินดอลล่าร์
ปัจจัยในประเทศ ตลาดจะกลับมาให้ความสนใจกับปัจจัยบวกภายในมากขึ้น อาทิแรงกระตุ้นการลงทุนภาครัฐฯและแนวโน้มผลประกอบการหุ้นเป็นรายตัว หลังปัจจัยต่างประเทศส่วนใหญ่ออกไปในทางลบ ทั้งนี้ ตัวแปรที่มีผลต่อตลาด จะเป็นหนี้ของ EARTH ที่ ธปท.ระบุว่าไม่มีผลในวงกว้าง ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง รวมทั้งค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาอีกครั้ง (เช้านี้ 33.9 บาท/ดอลล่าร์) ซึ่งจะมีผลลบต่อหุ้นในกลุ่มส่งออก (ที่มีรายรับเป็นเงินดอลล่าร์)


ทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดดัชนีฯในวันสุดท้ายของสัปดาห์ จะแกว่งกรอบแคบจากความไม่ชัดเจนของทิศทางตลาด และอาจมีแรงขายทำกำไรช่วงสั้น จากก่อนหน้าที่ดัชนีฯปรับตัวขึ้นมาระดับหนึ่งและขาดแรงหนุนให้เดินหน้าต่อ


กลยุทธ์การลงทุน ตลาดอาจมีการพักตัวสั้นๆ เพื่อรับกับแนวโน้มดอกเบี้ย+QE ของสหรัฐฯ กลยุทธ์ของเราจากเดิมที่ให้เป็น "ถือ" เราปรับเป็น เลือกขายทำกำไร โดยเลือกถือหุ้นตัวที่ยังมีปัจจัยบวกหนุน และคงเงินสดในพอร์ตไว้ 30% ...... กรอบเวลาการลงทุน ควรเป็นการเล่นสั้นๆ เน้นหุ้นเสี่ยงต่ำ และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวไว้ก่อน ………… สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิเช่น MTLS , CK , WICE, JMT
* เป็นหุ้นที่แนะนำในเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์

 

ประเด็นสำคัญ
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (15 มิ.ย.) - SET Index ปิดที่ระดับ 1,573.53 จุด ลดลง 3.47 จุด (-0.22%) มูลค่าการซื้อขาย 39,961.78 ล้านบาท เนื่องจากมีแรงกดดันจากกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันร่วง ส่วนกลุ่มแบงก์ก็กดดันดัชนีฯหลังกังวลการปล่อยกู้ EARTH ทำให้ต้องตั้งสำรองสูงขึ้น อีกเรื่องเป็นผลจากเฟดยอมรับเงินเฟ้อสหรัฐฯปรับลดต่ำจริง ซึ่งหลายประเทศทั่วโลกก็กำลังเผชิญกับเงินเฟ้อที่ต่ำลง


ตลาดหุ้นต่างประเทศ - ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด 21,359.90 จุด ลดลง 14.66 จุด หรือ -0.07% โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และจากความวิตกกังวลที่ว่าภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอาจไม่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐออกมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มที่เฟดจะปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หลังจากประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดย ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.4% ปิดที่ 386.05 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย.


ราคาน้ำมันดิบ WTI - สัญญาน้ำมันดิบ ลดลง 27 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 44.46 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยสัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด และจากการที่นักลงทุนไม่มั่นใจว่าการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะสามารถแก้ไขปัญหาน้ำมันล้นตลาดได้


เศรษฐกิจสหรัฐ - ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมร่วงลง 0.4% ในเดือนพ.ค. หลังจากที่พุ่งขึ้น 1.1% ในเดือนเม.ย. โดยการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ร่วงลงในเดือนพ.ค. ได้รับผลกระทบจากการลดลงของการผลิตรถยนต์ คอมพิวเตอร์ และเซมิคอนดักเตอร์
เศรษฐกิจสหรัฐ - สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านลดลง 2 จุด แตะระดับ 67 ในเดือนมิ.ย. และกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 8,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 237,000 ราย โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงสู่ระดับ 242,000 ราย โดยตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 119 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1970


เศรษฐกิจอังกฤษ - ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติด้วยคะแนนเสียง 5-3 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีกรรมการ 3 รายที่ตัดสินใจโหวตสวนมติเสียงส่วนใหญ่ ด้วยการสนับสนุนให้ BoE ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในระยะนี้ แต่กรรมการส่วนใหญ่ยังเต็มใจที่จะปล่อยให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้น โดยไม่ต้องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) ใกล้จะมีการเจรจาประเด็นแยกตัวออกจาก EU (Brexit) ซึ่ง BoE ไม่ต้องการให้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นปัจจัยเพิ่มความไม่แน่นอนในตลาด


BREXIT - กระทรวงฝ่ายกิจการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ของอังกฤษ แถลงว่า นายเดวิด เดวิส รัฐมนตรีฝ่ายกิจการ Brexit และนายมิเชล บาร์นิเยร์ หัวหน้าเจรจา Brexit ฝ่ายสหภาพยุโรป (EU) จะเริ่มต้นเจรจาในประเด็น Brexit ในวันที่ 19 มิ.ย.ตามที่กำหนดไว้
พื้นที่ ส.ป.ก. - นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในสัปดาห์หน้าจะเสนอให้มีการออกคำสั่งตามมาตรา 44 เพื่อเปิดทางให้สามารถใช้พื้นที่ ส.ป.ก.เพื่อประโยชน์ด้านอื่นนอกเหนือจากการทำเกษตรกรรม โดยเบื้องต้นจะมีการพิจารณาผ่อนปรนหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ใน 3 เรื่อง คือ 1.ด้านพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นพลังงานลม หรือพลังงานน้ำ 2.ทรัพยากรธรรมชาติ คือ แร่ น้ำมัน และก๊าซ และ 3.เรื่องสาธารณูปโภค ไม่ว่าจะเป็นถนน ทางรถไฟ หรือการวางระบบต่าง ๆ


ข้าว - นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า จากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ได้เห็นชอบให้คณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต็อกของรัฐออกประกาศจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ครั้งที่ 2/2560 ปริมาณ 2.20 ล้านตัน จำนวน 167 คลัง ซึ่งกรมฯ ในฐานะประธานคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต็อกของรัฐได้จัดให้มีการชี้แจงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขประกาศ (TOR) การจำหน่ายข้าวดังกล่าว เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2560 และเมื่อ 13 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านมาได้มีผู้สนใจยื่นซองเอกสารคุณสมบัติผู้เสนอซื้อ จำนวน 24 ราย

 

News Release :
NOK ยังไร้ข้อสรุปเพิ่มทุน การบินไทยยันไม่ทอดทิ้ง
+ "การบินไทย" กลับลำ ยันไม่ทอดทิ้ง NOK มั่นใจแม้สัดส่วนถือหุ้นลด ไม่กระทบอำนาจบริหาร พร้อมพิจารณาหากข้อเสนอเพิ่มทุนรอบสองถูกใจ พร้อมชงบอร์ดครั้งถัดไปอนุมัติแผนจัดหาเครื่องบิน 28 ลำในช่วง 5 ปี ฟาก NOK วานนี้ประชุมบอร์ดไร้ข้อสรุปแผนฟื้นฟูกิจการ-เพิ่มทุน(ข่าวหุ้น)

CHO เซ็นแล้วงานอีทิกเก็ต เริ่มทยอยบุ๊ครายได้ปีหน้า
+ "CHO" ฉลุย! จรดปากกาเซ็นรับงานอีทิกเก็ต 1,665 ล้านบาท คาดทยอยรับรู้รายได้ปี 2561 หลังติดตั้งครบ 2,600 คัน เฉลี่ย 27.75 ล้านบาทต่อเดือน พร้อมเข้ายื่นซองจัดซื้อรถเมล์ NGV 489 คัน หากไม่ใช้ราคากลาง "เบสท์ริน" (ข่าวหุ้น)

BBL ปล่อยกู้'สิทธิชัย' 2.2 พันล.ซื้อหุ้น MILL
+ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ปล่อยกู้ 2.2 พันล้าน ให้ "สิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล" รับซื้อหุ้นบริษัท มิลล์คอน สตีล ไม่เกิน 1.2 พันล้านหุ้น หรือไม่เกิน 29.99% ราคา 1.80 บาท สูงกว่าตลาด(ข่าวหุ้น)

DRT คงเป้ารายได้โต5% กระตุ้นยอดขายหลังคา สร้างทีมติดตั้ง+บริการ
+ "DRT" คงเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 5% เร่งกระตุ้นยอดขายผลิตภัณฑ์หลังคา "ตราเพชร" หวังอัพสัดส่วนรายได้หลังคาเป็น 50% พร้อมกางแผนสร้างทีมติดตั้งพร้อมบริการ(ข่าวหุ้น)

UNIQ งานใหม่ต่อคิวรอ Backlog ทะลัก 3 หมื่นล.
+ UNIQ ลุ้นคว้างานใหญ่ครึ่งปีหลัง จากการประมูลงานทั้งรถไฟฟ้า รถไฟรางคู่ สนามบินสุวรรณภูมิ มอเตอร์เวย์ หวังเติม Backlog จากเดิมมีอยู่ 3 หมื่นล้านบาท คาดรับรู้รายได้ยาวอีก 2 ปีข้างหน้า ครอง Top 4 ผู้รับเหมารายใหญ่ ลั่นรายได้ปีนี้โต 10% ไม่ต่ำกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท (ทันหุ้น)

THAI ย้ำผลงานติดลมบน หนุนไทยสมายล์พลิกบวก
+ THAI แย้มผลงาน Q2/2560 สดใส แม้เป็นช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว "อุษณีย์ แสงสิงแก้ว" เผยอัตราบรรทุกผู้โดยสารขยับสูงกว่า 80% ย้ำแผนเชื่อมเส้นทางการบินกับสายการบินไทยสมายล์แล้วเสร็จในเดือนสิงหาคมนี้ เชื่อช่วยหนุนไทยสมายล์กลับมามีกำไรได้ในปีนี้ ส่วนการเพิ่มทุน NOK ยังรอบอร์ดเสนอแผนฟื้นฟู (ทันหุ้น)

BEAUTY โฟกัสกลุ่มรีเทล เติมไซซ์มินิปูพรมเซเว่น
+ BEAUTY รู้ทางตลาด เล็งปรับสินค้าไซส์มินิลงร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น 1,100 สาขา ตอบโจทย์กำลังซื้อกลุ่มลูกค้ารีเทล จากเดิมเน้นไซซ์ใหญ่จับกลุ่มนักท่องเที่ยว ปูทางอนาคตกระจายครบทุกสาขาทั่วไทย แถมซุ่มศึกษาตลาดแดนมังกรมั่นใจผลงานโค้งหลังพีค อานิสงส์ไฮซีซันหนุน (ทันหุ้น)

CSP เข้าตาทุนใหญ่ ดอดจีบร่วมธุรกิจ ส่งซิกโค้งหลังแจ่ม
+ CSP เนื้อหอม! วงในเผยกลุ่มทุนในประเทศดอดจีบร่วมทุน บอสใหญ่ "วีรศักดิ์ ชัยสุพัฒน์" ฟุ้งครึ่งหลังปี 2560 โตเด่น อานิสงส์โครงการรัฐปลุกอุตสาหกรรมยานยนต์ฟื้นตัวหนุนดีมานด์กระฉูด มั่นใจดันรายได้ปีนี้โต 15% จากปีก่อนฟากนักวิเคราะห์จับสัญญาณทางเทคนิค แนะ "ซื้อเก็งกำไร" ลุ้นฝ่าแนวต้าน 4.00 บาท (ทันหุ้น)

นักวิเคราะห์ : มงคล พ่วงเภตรา
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
License No: 001937 Tel: 02-648-1123 และทีมวิเคราะห์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!