- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 16 June 2017 17:01
- Hits: 960
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> ซื้อเก็งกำไรรายตัว
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัว Sideways ตลอดทั้งวันโดยช่วงท้ายตลาดเริ่มมีแรงขายออกมากดดันมากขึ้นและปิดที่จุดต่ำสุดของวัน โดยตลาดตอบรับค่อนข้างเป็นกลางต่อผลการประชุม FOMC โดยสถาบันในประเทศขายสุทธิกว่า 600 ลบ. ส่วนนักลงทุนต่างชาติเริ่มขายน้อยลงในตลาดหุ้นและยังซื้อพันธบัตรต่อเนื่อง
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET index จะยังคงแกว่งตัว Sideways ต่อเนื่องในวันนี้ โดยปัจจัยสำคัญคือการปรับน้ำหนักหุ้นในดัชนี FTSE รวมถึงวันนี้ตลาดฯจะมีการประกาศหุ้นที่ถูกปรับเข้าออกใน SET50 และ SET100 เช่นกัน ขณะที่แนวโน้มกระแสเงินทุนต่างชาติเชื่อว่ายังมีโอกาสกลับไหลเข้าในอนาคต รวมถึงช่วงครึ่งหลังของเดือน มิ.ย.น่าจะเห็นการทำ Window Dressing ซึ่งเรามองว่าจะช่วยหนุนให้ดัชนีมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นต่อได้
กลยุทธ์ : ซื้อเก็งกำไรรายตัว โดยเฉพาะหุ้นที่คาดว่าจะถูกเข้าคำนวณใน SET50 และ FTSE Rebalancing
หุ้นเด่นเดือน มิ.ย. : FSMART, HANA, MGT, RS, TACC
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคเบาบาง US$2ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเวียดนาม US$11ล้าน และฟิลิปปินส์ US$10.5ล้าน ขณะที่ไหลออกจากอินโดนีเซีย US$20ล้าน และไทย US$6ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางกลับมาไหลเข้าภูมิภาคแต่อาจยังเบาบางตามกลุ่มพลังงานที่น่าจะยังถ่วงตลาดลงตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงมาต่ำสุดในรอบ 6 เดือนจากปัญหาอุปทานที่มากขึ้น
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> KAMART <<
แนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q17 ยังอยู่ในโมเมนตัมที่ดีจาก 1Q17 ที่โต 32%Q-Q และ 17%Y-Y โดยเราคาด 89 ลบ. +11%Q-Q, +44%Y-Y จากการเพิ่มช่องทางขายใน Modern Trade และร้านสะดวกซื้อ รวมถึงการขยายตลาดส่งออก ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนเพียง 5% ของรายได้รวม
ราคาซื้อขายบน PE2017 เพียง 24 เท่า ต่ำกว่า BEAUTY ที่ 35 เท่า ซึ่งเมื่อหักล้างกับความสามารถในการทำกำไรที่ต่ำกว่า โดย Net Margin ของ KAMART อยู่ที่ 18% ส่วน BEAUTY อยู่ที่ 25% เรามองว่า PE ที่เหมาะสมของ KAMART ไม่ควรต่ำกว่า 30 เท่า แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 10.80 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
(-) VIX Index ฟื้นตัว สะท้อนความกังวลในสินทรัพย์เสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้น จากผลการปรับลดขนาดงบดุลของเฟด แม้คาดเป็นลบต่อบ้านเราจำกัดเพราะมีปัจจัยบวกจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน แต่ระยะสั้นคงฝืนโมเมนตัมได้ยาก หุ้นปันผลดีมีโอกาสได้รับความน่าสนใจ เช่น KKP ASK AIT และ MBAX ที่ให้ปันผลสูง 7-8% ต่อปี
(+) จำนวนนักท่องเที่ยวเดือน พ.ค. เพิ่มขึ้น 4.6%Y-Y รวม 5M17 โต 3.2% Y-Y โดยนักท่องเที่ยวจีนกลับมาโต 3.2%Y-Y บวกครั้งแรกในรอบ 7 เดือนหลังจากถูกกระทบจากการปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ (ไม่นับเดือนม.ค.ที่บวกเพราะตรุษจีน) ขณะที่รัสเซียยังโตต่อเนื่อง 12.3%Y-Y ส่วนแนวโน้มกำไรของกลุ่มโรงแรม 2Q17 คาดเติบโตแข็งแกร่ง ซึ่งข้อมูล Rev Par ของทุกรายในเม.ย. 17 โตสูงกว่า 10%Y-Y ยังให้น้ำหนักมากกว่าตลาดและเลือก MINT เป็น Top Pick จากงบปีนี้ที่จะ Turnaround กลับมาโต 23.4%Y-Y
(+) ASAP คาดกำไรสุทธิปีนี้โต127%Y-Y จากการขยายกองรถเป็น 1.1 หมื่นคันจาก 7.5 พันคันในปีก่อน และโตต่ออีก 70%Y-Y ในปี 2018 จากการเปิด ASAP Auto Parking เพื่อเพิ่มกำไรให้กับธุรกิจขายรถมือสอง ก่อนจะกลับมาโตตามปกติที่ 20% ต่อปีในปี 2019-2021 อิง PEG 1 เท่า หรือ PE 20 เท่า ได้ราคาเป้าหมายปี 2018 เท่ากับ 8.20 บาท แนะนำซื้อ
(0) MSCI จะพิจารณานำหุ้นจีน A-share เข้าคำนวณใน MSCI EM ในวันที่ 20 มิ.ย. เราคาดว่าเป็นไปได้สูงเพราะจีนผ่อนคลายกฎเพื่อรองรับ MSCI ไปมากแล้ว แต่ผลลบจากการดึงเม็ดเงินออกจากตลาด EM ไปหา A-share มีจำกัด เพราะน้ำหนักในการคำนวณถูกเสนอให้ลดเหลือ 0.5% จากเดิม 1.1%
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
16 มิ.ย. - ญี่ปุ่น: BOJ meeting
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (พ.ค.)
-สหรัฐ: Housing starts & Building permits (พ.ค.)
21 มิ.ย. -สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (พ.ค.)
22 มิ.ย. - ฟิลิปปินส์: ธนาคารกลาง (BSP) ประชุม
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (มิ.ย.)
23 มิ.ย. - ไทย:ยอดขายรถ (พ.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (มิ.ย.)
26 มิ.ย. - ไทย:ดุลการค้า (พ.ค.)
28 มิ.ย. - ไทย:กกพ.ประกาศผลการจับฉลากโซลาร์ฟาร์ม เฟส 2
29 มิ.ย. - ไทย:ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมและการใช้กำลังการผลิต (พ.ค.)
- สหรัฐ: 1Q17 GDP (ตัวเลขครั้งสุดท้าย)
- ยูโรโซน: Economic Confidence (มิ.ย.)
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนปิดลบเล็กน้อยโดยถูกถ่วงจากหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี หลังเริ่มมีความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจไม่แกร่งพอในการรับมือการขึ้นดอกเบี้ยและการลดขนาดงบดุลของ FED
(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดในแดนลบเช่นกันโดยตอบรับผลการประชุมธนาคารกลางทั้งสหรัฐฯ อังกฤษและสวิตเซอร์แลนด์
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวผสมโดยมีประเด็นที่ต้องติดตามคือการประชุม BoJ
(0) ค่าเงินบาทยังคงแกว่งตัว Sideway แต่เริ่มมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง ล่าสุดเคลื่อนไหวในแถว 33.90-34 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ค. ลดลง 0.27 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 44.46 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลาดยังกังวลเกี่ยวกับอุปทานที่ยังล้นตลาด และเริ่มไม่มั่นใจว่าการร่วมมือกันปรับลดกำลังการผลิตของ OPEC จะสามารถแก้ปัญหาได้
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ร่วงแรง 21.30 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,254.60 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าหลังจากที่ FED ขึ้นดอกเบี้ยและจะเริ่มใช้มาตรการลดขนาดงบดุล
Contact person : Jitra Amorntham
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: fss_research