- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 15 June 2017 17:25
- Hits: 2175
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
'เลือกซื้อ/ถือต่อ'
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : GFPT (จากซื้อเป็นถือ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ SET Index ปรับขึ้นต่อ 4.64 จุดปิดที่ 1577.00 นำโดยแบงค์เล็ก โรงกลั่น ไฟแนนซ์ นิคมฯ เป็นต้น สถาบันในประเทศซื้อสุทธิต่อ 2.8 พันล้านบาท ส่วนอีก 3 กลุ่มขายสุทธิ
• สหรัฐ : เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด ปรับลดอัตราว่างงาน & เงินเฟ้อ โดยคาดว่าจะบรรลุระดับ 2% ในปี 61 และทยอยลดงบดุล
• ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ขยับขึ้นเล็กน้อยหลังจบการประชุมเฟด เช้านี้อยู่ที่ 96.9 จากต่ำสุดวานนี้ที่ 96.3 ทั้งนี้แม้ดอกเบี้ยสหรัฐจะปรับขึ้นแต่เรื่องนี้ก็สะท้อนในตลาดไปก่อนหน้าแล้ว จึงมีน้ำหนักต่อตลาดเงินและทุนไม่มาก
- ราคาน้ำมันดิบร่วงกว่า 3% จากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดน้อยกว่าคาด และ IEA ระบุว่ากลุ่มโอเปก (โดยลิเบีย & ไนจีเรีย) ผลิตน้ำมันเพิ่มสู่ระดับสูงสุดปีนี้ที่ 32.08 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนพ.ค. การผลิตของโลกอยู่ที่ 96.69 ล้านบาร์เรล/วัน (+1.25 ล้านบาร์เรล/วันเมื่อเทียบ YoY)…กดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยคาดว่าโรงกลั่นจะมีขาดทุนจากสต็อกใน 2Q60 ถ้าราคาน้ำมันดิบสิ้น 2Q60 อยู่บริเวณปัจจุบัน
+ TISCO : คาดดีลซื้อ SCBT จะแล้วเสร็จสิ้น 3Q60 และจะโอนสินเชื่อ&เงินฝากเข้ามา ทำให้สินเชื่อสิ้นปี 60 โตได้ 10% แนะซื้อ TP 82 บาท
+ LH : ขาย Grande Centre Point ราชดำริที่ 3.7 พันล้านบาท บันทึกกำไร 1.05 พันล้านบาทหลังภาษี ปรับเพิ่มกำไรปี 60F 12% เป็น 1 หมื่นล้นบาท แนะซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 11.10 บาท (SOP) คาดปันผลปีนี้ 0.68 บาท/หุ้น คิดเป็น Yield 6.9%
+ UTP : Test run เครื่อง Co-gen ตั้งแต่ 8 มิ.ย.60 คาดจะผลิตด้วย 2 เครื่องจักรได้ตั้งแต่ 20 มิ.ย.60 ยังผลให้กำไรใน 2H60 จะเพิ่มโดดเด่นจากกำลังผลิตที่เพิ่มจาก 2.5 แสนตัน/เดือนปัจจุบันเป็น 3.5 แสนตัน/เดือน คาดกำไรปี 60-61 โต 86% และ 38% แนะซื้อ ให้ TP 9.50 บาท
- BA (ราคาปิด 18.90 บาท) : TAA เปิดเส้นทางบินกรุงเทพ-มัลดีฟท์เข้ามาแข่งขันในราคาต่ำกว่ามาก จากก่อนหน้า BA ผูกขาดอยู่รายเดียว
สำหรับหุ้นกลยุทธ์พื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น TISCO
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ แนวต้าน 1580-1590 แนะพอร์ตที่มีเงินสดน้อย Stop loss ถ้าหลุด 1565 แนวรับ 1550, 1530-1520 เน้นซื้อตามค่าบวก สำหรับการ SCAN หุ้น New High พบว่าที่เข้ามาใหม่เป็น KKP, STEC, ROJNA, BDMS ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List เป็น UTP, SPALI, RCL, BCPG, TIPCO หุ้นที่หลุด List คือ MC ส่วนหุ้นที่อยู่ในพื้นที่ Take Profit ได้แก่ UNIQ, RS, PSL, BR, IHL
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
• สหรัฐ : เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด ปรับลดอัตราว่างงาน & เงินเฟ้อ ทยอยลดงบดุล
# คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติด้วยคะแนนเสียง 8-1 เสียง เห็นพ้องให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.00-1.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ (14 มิ.ย.) ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
# เฟดระบุว่าจะยังคงใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย เพื่อสนับสนุนความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน และผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อกลับสู่ระดับ 2% อย่างยั่งยืน โดยกล่าวว่าในระยะใกล้เงินเฟ้อยังต่ำกว่าเป้าหมาย แต่จะบรรลุได้ในระยะกลาง (ภายในปี 61)
# กรรมการเฟด 12 ใน 16 รายคาดว่าเฟดจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้งในปีนี้ และกรรมการจำนวนเท่ากันคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 61
# เฟดปรับลดคาดการณ์อัตราว่างงานปี 60-61 เป็น 4.3% และ 4.2% (เดิม 4.5% ทั้งสองปี) และปรับอัตราเงินเฟ้อปีนี้เป็น 1.6% (เดิม 1.9%) แต่ปรับเพิ่มจีดีพีปี 60 เป็นเติบโต 2.2% (เดิม 2.1%) ปี 61 คงไว้ที่ 2.1% และปี62 คงไว้ระดับ 1.9%
# เฟดจะเริ่มปรับลดงบดุลในปี 60 ถ้าเศรษฐกิจมีการปรับตัวตามที่เฟดคาดการณ์ (โดยการลดการถือครอง
พันธบัตร และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ที่เฟดได้เข้าซื้อในตลาดในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ) โดยในเบื้องต้นจะลดการถือครองพันธบัตรที่ 6 พันล้านดอลลาร์/เดือน และจะลดเพิ่ม 6 พันล้านดอลลาร์ในทุกๆ ไตรมาสในช่วงระยะเวลา 12 เดือน จนกระทั่งแตะระดับ 3 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน ด้าน MBS จะเริ่มลดที่ 4 พันล้านดอลลาร์/เดือน แล้วลดเพิ่มอีก 4 พันล้านดอลลาร์ในทุกๆ ไตรมาสในช่วงเวลา 12 เดือน จนแตะระดับ 2 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน ซึ่งจะทำให้งบดุลของเฟดลดลงเป็น 2.0-2.5 ล้านล้านดอลลาร์ได้ (จากปัจจุบันที่ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์)
- สหรัฐ : CPI เดือนพ.ค.ลดลงเกินคาด
# ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) -0.1%MoM ในเดือนพ.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะ +0.2%MoM
# สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ -0.2%MoM ในเดือนเม.ย. เป็นการลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนต.ค.59
+จีน : เผยยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.+10.7%YoY
# ยอดค้าปลีกโดยรวมเดือนพ.ค. +10.7%YoY ส่วนในช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ยอดค้าปลีกโดยรวม +10.3%YoY ส่วนยอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคในช่วง 5 เดือนแรก +10.3%YoY ทั้งนี้ยอดชอปปิ้งออนไลน์เพิ่มสดใส ช่วง 5 เดือนแรก +32.5%YoY
+จีน : ภาคบริการเดือนพ.ค.ขยายตัวต่อเนื่อง
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่าดัชนีการผลิตภาคบริการปรับตัวขึ้น 8.1% ในเดือนพ.ค.เมื่อเทียบเป็นรายเดือน การบริการด้านการขนส่ง สต็อกสินค้า บริการไปรษณีย์ บริการรับ-ส่งข้อมูลข่าวสาร ริการด้านซอฟท์แวร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ ยังคงขยายตัวในระดับสูง
• ตลาดหุ้นสหรัฐ : ผลประชุมเฟดไม่ได้ Surprise ตลาด
# ดัชนี DJIA ปิด +46.09 จุด ดัชนี S&P500 ปิด -2.43 จุด หรือ -0.10% และดัชนี Nasdaq -25.48 จุด หรือ -0.41% ทั้งนี้ผลประชุมเฟดออกมาตามคาด โดยเพิ่มดอกเบี้ย 0.25% เป็น 1.25% และทยอยลดงบดุล อย่างไรก็ดี การอ่อนลงของหุ้นกลุ่มพลังงานจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงน้อยกว่าที่ประเมินไว้ และกลุ่มเทคโนโลยีนำโดย UPS ซึ่งถูกกดดันตลาดจากเหตุยิงกราดที่โรงงานของบริษัทในซานฟรานซิสโก และมีผู้เสียชีวิต 4 คน
- สัญญาน้ำมันดิบ : ร่วงแรงหลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงน้อยกว่าคาด
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ร่วงลง 1.73 ดอลลาร์ หรือ -3.7% ปิดที่ 44.73 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 1.72 ดอลลาร์ หรือ -3.5% ปิดที่ 47.00 ดอลลาร์/บาร์เรล
# EIA เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 1.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.7 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่ม 2.1 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่ม 328,000 บาร์เรล
# สำนักงานพลังงานสากล (IEA) เปิดเผยรายงานประจำเดือนมิ.ย.ระบุว่าการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกเพิ่มขึ้น 290,000 บาร์เรล/วันในเดือนพ.ค. สู่ 32.08 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งสูงสุดในปีนี้ อันเนื่องจากการกลับมาผลิตน้ำมันของไนจีเรีย และลิเบีย ซึ่งได้รับการยกเว้นจากข้อตกลงลดกำลังการผลิตของโอเปก ส่วนปริมาณน้ำมันในตลาดโลกเพิ่ม 585,000 บาร์เรล/วันในเดือนพ.ค.สู่ระดับ 96.69 ล้านบาร์เรล/วัน (เพิ่ม 1.25 ล้านบาร์เรล/วันเมื่อเทียบ YoY)
ปัจจัยในประเทศ และหุ้นเด่น
+ TISCO (ราคาปิด 77 บาท) : ดีลซื้อกิจการ SCBT จะแล้วเสร็จในสิ้นก.ย.60
# การเข้าซื้อกิจการธุรกิจรายย่อยของสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ส (ประเทศไทย) หรือ SCBT จะแล้วเสร็จในสิ้นก.ย.60โดย SCBT มีพอร์ตสินเชื่อราว 4.1 หมื่นล้านบาท เงินฝาก 3.6 หมื่นล้านบาท และมีสินทรัพย์สุทธิประมาณ 5-5.5 พันล้านบาท ด้าน NPL Ratio อยู่ที่ 3% และ Coverage ratio สูงกว่า 100% เล็กน้อย หลังซื้อกิจการแล้วคาดว่าจะมีการโอนสินเชื่อและเงินฝากเข้ามาใน TISCO ประมาณ 50-70% ยังผลให้พอร์ตสินเชื่อจะเติบโตจากการซื้อกิจการ 10% ขณะที่สินเชื่อของตัว TISCO เองคาดว่าจะทรงตัวถึงบวกเล็กน้อยในปีนี้
# ภายหลังเข้าซื้อกิจการคาดว่า TISCO ไม่ได้มีแรงกดดันเรื่องการกันสำรองฯเพิ่มขึ้นเท่าใดนัก เพราะธนาคารได้ดำเนินการไว้ล่วงหน้าแล้ว โดย ณ สิ้นมี.ค.60 มี NPL ratio 2.7% และมี Coverage ratio สูงถึง 164% สูงสุดที่สุดในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทย (หลังรวมกับ SCBT แล้ว Coverage ratio จะถูก Weight ให้ลดลงไปบ้างแต่ไม่มาก)
# เราชอบ TISCO ที่จะมีธุรกิจที่ครอบคลุมไปยังลูกค้ารายย่อยมากขึ้น ขณะที่ธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว ด้วยสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มลูกค้าดีลเลอร์รถยนต์จำนวนมาก ฐานะเงินกองทุนแข็งแกร่ง แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 82 บาท และ ณ ราคาหุ้นปัจจุบัน คาดว่าจะได้
Dividend Yield ปี 60 เท่ากับ 4.9%
- BA (ราคาปิด 18.90 บาท) : TAA เปิดเส้นทางบินกรุงเทพ-มัลดีฟท์เข้ามาแข่งขันในราคาต่ำกว่ามาก
# ทาง Thai AirAsia (TAA) ประกาศเปิดเส้นทางการบิน กรุงเทพ-มัลดีฟท์ เริ่ม 11 ส.ค.60 เป็นต้นไป
# ความเห็น DBSV Retail Research : เป็นข่าวลบกับ BA เพราะก่อนหน้าที่มีเพียง BA ผูกขาดเส้นทางการบินนี้และการเข้ามาของ TAA จะทำให้ราคาตั๋วเครื่องบินจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจาก TAA เป็นสายการบินโลว์คอสต์ที่ใหญ่ที่สุด ทั้งนี้ TAA ในช่วงแรกที่ต้องทำตลาด ได้เสนอราคาตั๋วเที่ยวเดียว (One-way fare) รวมภาษีและค่าธรรมเนียมที่ 1,990 บาท เทียบกับราคาตั๋วเครื่องบินไป-กลับ (Round-trip fare) ของ BA ที่ 20,400 บาท และก่อนหน้านี้ TAA ก็เปิดเส้นทางการบินไปดานัง เวียดนาม แข่งขันกับ BA ไปแล้ว
• กกพ.ประกาศผลการเป็นเจ้าของโครงการโซลาร์ฟาร์มราชการ-สหกรณ์รอบแรก 639 ราย
# นายวีรพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงานในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า มีผู้ผ่านขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติการเป็นเจ้าของโครงการผลิตไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มราชการ-สหกรณ์เฟส 2 จำนวนทั้งสิ้น 639 ราย หรือคิดเป็นปริมาณการเสนอขายไฟฟ้ารวมทุกเขตพื้นที่เป็นจำนวน 3,119.34 MW จากหน่วยงานที่ยื่นเรื่องเข้ามาทั้งสิ้น 720 ราย รวม 3,510.46 MW สำหรับขั้นตอนต่อไปกกพ.กำหนดวันจับสลากคัดเลือกผู้ที่ผ่านคุณสมบัติวันที่ 26 มิ.ย.60 เพื่อยื่นคำร้องเสนอขายไฟฟ้าต่อไป
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]