- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 15 June 2017 17:09
- Hits: 1144
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
ปรับฐานย่อย? แม้ว่าประเด็นการขึ้นดอกเบี้ยของ FED อีก 0.25% จะเป็นที่คาดการณ์ไว้แล้ว (ก่อนหน้านี้ FED Fund futures สะท้อนโอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้ที่ 95%) แต่ด้วยราคาน้ำมันที่มักจะเป็นปัจจัยชี้นำสินทรัพย์เสี่ยง ปรับฐานหนักเกือบ 4% วานนี้ โดยเป็นผลจากทั้งสต๊อกน้ำมันสำเร็จรูปที่อยู่ในระดับสูง สะท้อน Demand ที่ยังไม่แข็งแรงนัก ประกอบกับข้อมูลของ IEA ที่ออกมาเป็นลบ สำทับว่า ปริมาณผลิตเชลออยล์สหรัฐ ปรับตัวขึ้นตลอด 7 เดือนที่ผ่านมา
ประกอบกับจิตวิทยาตลาดที่จะเริ่มเปราะบางขึ้น เมื่อดัชนีเริ่มเข้าใกล้ 1,600 จุด อย่างไรก็ตามการปรับฐานในรอบนี้เราเชื่อว่าจะเป็นเพียงการปรับฐานย่อย ในระดับไม่ลึกนัก พิจารณาจาก Sentiment ของตลาดที่ยังเป็นบวกอยู่ แม้ FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ย และมีแผนการลดขนาดของสินทรัพย์ที่ชัดเจนขึ้น แต่ก็ยังมีความหวังกันว่า FED อาจจะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปี จากตัวเลขเงินเฟ้อในเดือน พ.ค. ที่ออกมา ติดลบ 0.1% โดยล่าสุด FED Fund futures สะท้อนโอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยรอบ ก.ย. นี้ที่เพียง 17% (ก่อนหน้านี้ 28%)
ทั้งนี้ คาดยังได้รับปัจจัยกดดันจาก Fund Flow ซึ่งมีความผันผวนอยู่ แต่แนะติดตาม Window Dressing – 2Q/60 (30/6/60) รวมถึงหุ้นที่คาดผลประกอบการ 2Q/60 ดีต่อเนื่อง เช่น TOP, SPALI และ WORK เป็นต้น
พร้อมติดตามกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นและกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง จากการเปิดประมูลโครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางหัวหิน – ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84 กม. มูลค่า 7,305 ล้านบาท ซึ่งกำหนดเปิดซองราคาในวันที่ 27/7/60 คาดมีแรงเก็งกำไรในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจนถึงวันประมูล โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ซื้อซองราคา เช่น ITD, CK, STEC, NWR, UNIQ และ PLE เป็นต้น
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR และ CBG เป็นต้น
(2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี ’60 เช่น KBANK และ SCB เป็นต้น
(3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น และความต้องการในประเทศที่คาดดีขึ้น เช่น SCC
SET SET50 SET100
1,577.00 +4.64 993.15 +1.91 2,244.99 +6.16
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+/-) ตลาดต่างประเทศ DJIA +46.09, NASDAQ -25.48, S&P -2.43, FTSE -26.04, CAC -18.45และ DAX +40.97
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวแบบผสมผสาน กล่าวคือ DJIA ปิดบวก หลังจาก FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ตามตลาดคาดการณ์ พร้อมกับส่งสัญญาณการปรับลดงบดุลบัญชีของเฟดในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่ร่วงลงกว่า 3% และข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยเฉพาะยอดค้าปลีกที่ปรับตัวลงสวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ ได้ฉุดS&P และ NASDAQ ปิดในแดนลบ
ด้านตลาดหุ้นหุ้นยุโรปปิดแบบ ผสมผสานเช่นกัน ท่ามกลางกลุ่มพลังงานดิ่งลงตามราคาน้ำมันดิบ และหุ้นกลุ่มธนาคารได้รับแรงกดดัน หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจในแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED ในช่วงที่เหลือของปี
(-) ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.ค. -US$1.73 ดอลลาร์ หรือ 3.7% มาปิดที่ 44.73 ดอลลาร์ ต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 14 พ.ย. ปีก่อน โดยเป็นผลจากตัวเลขสต็อกน้ำมันเบนซินที่พุ่งขึ้นสูงเกินคาด พร้อมกันนี้ สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ระบุว่า อุปทานน้ำมันดิบทั่วโลกอาจเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2018 โดยได้รับแรงหนุนจากปริมาณการผลิตในบราซิล, แคนาดา และสหรัฐ ในขณะที่อุปสงค์น้ำมันดิบอาจปรับขึ้นเพียง 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2018
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ส.ค. +US$7.30 ดอลลาร์ +0.6 % สู่ 1,275.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยตลาดทองคำยังมีความหวังว่า FED อาจจะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปี หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจออกมาอ่อนแอ
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
16.36 1.90 3.08
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 39,506.41
สถาบัน 2,822.75
บัญชีหลักทรัพย์ -504.13
ต่างประเทศ -1,212.70
ในประเทศ -1,105.92
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -1,213 ล้านบาท สะสม YTD +8,967 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ปี’59 ซื้อสุทธิสะสม 77,927 ล้านบาท)
ประเด็นที่ต้องติดตาม 15 - 16 มิ.ย. 2560
15/6/60 สหรัฐฯ เปิดเผย
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
ดัชนีการผลิตของรัฐนิวยอร์คเดือนมิ.ย.
ราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ค.
ผลสำรวจดัชนีกิจกรรมการผลิตเขตมิด-แอตแลนติกเดือนมิ.ย.
ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังผลิตเดือนพ.ค.
ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมิ.ย.
ข้อมูลเงินทุนไหลเข้าสุทธิและปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐของต่างชาติเดือนเม.ย.
16/6/60 สหรัฐฯ เปิดเผย
ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ค.
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐช่วงต้นเดือนมิ.ย.
(5) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดได้รับประโยชน์จากงานภาคเอกชนที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น SQ เป็นต้น
(6) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ IRPC, TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น
(7) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK
(8) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วง 2Q/60 เช่น AOT
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.069 อยู่ที่ 2.138%
(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.22 อยู่ที่ 10.64
หุ้นแนะนำ : LIT
นักวิเคราะห์ : พลเทพ วงษ์นาค โทร .02-684-8796