- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 12 June 2017 16:55
- Hits: 2067
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> ทยอยซื้อในช่วงอ่อนตัว
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET เมื่อวันศุกร์ปิดลบเล็กน้อย โดยถูกกดดันจากแรงขายในหุ้นกลุ่มแบงก์ ตามความกังวลในการผิดนัดชำระหนี้ตัว B/E ของ EARTH รวมถึงการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบที่ยังกดดันหุ้นกลุ่มพลังงานให้อ่อนตัวลงต่อเนื่อง ขณะที่ ต่างชาติกลับมาขายหุ้นหนาแน่นสุดในรอบ 6 วันทำการที่ 1,148 ล้านบาท และ Net Short ใน Index Futures 4,662 สัญญาหรือราว 900 ล้านบาท
แนวโน้มตลาดวันนี้ : คาดว่า SET index จะยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบ และเป็นไปได้ที่จะถูกกดดันตามบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบในช่วงแรก โดยกระแสเงินมีแนวโน้มชะลอการไหลเข้าเพื่อรอดูผลประชุม FOMC วันที่ 13-14 มิ.ย. 17 และผลประชุม BOE รวมถึง BOJ ในวันที่ 15-16 มิ.ย. 17 แต่คาดว่า Downside ของ SET จะจำกัด เพราะผลประชุมธนาคารกลางข้างต้นไม่น่าต่างจากที่ตลาดคาดไว้ และเมื่ออิงพฤติกรรมในอดีตของ SET ก็มักปรับตัวขึ้นได้หลังเฟดขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ การปรับพอร์ตเพื่อรองรับการปรับหุ้นเข้า-ออกของดัชนีทั้ง FTSE และ SET50/SET100 จะทำให้มีแรงกำไรในหุ้นที่คาดว่าจะถูกนำเข้าคำนวณหนาแน่นด้วย
กลยุทธ์ : ระยะสั้น ซื้อเก็งกำไรในช่วงอ่อนตัว ระยะกลาง-ยาว ทยอยซื้อหุ้นพื้นฐานดีตามแนวรับ
หุ้นเด่นเดือน มิ.ย. : CPF, GLOBAL, SYNEX, TACC, THANI
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$58ล้าน นำโดยไต้หวัน US$104ล้าน อินโดนีเซีย US$77ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$34ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$137ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคและอาจจะยังชะลอตัวอยู่เพื่อรอผลการประชุม FOMC ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> MTLS <<
นักวิเคราะห์เราปรับกำไรสุทธิปีนี้ขึ้น 7% เป็น 2.3 พันลบ. และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 39 บาทจาก 36 บาท จากสินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมที่โตแรงกว่าคาด
คาดกำไรสุทธิ 2Q17 ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 584 ลบ. +88%Y-Y
PE2017 อยู่ที่ 31 เท่า และจะลดลงเหลือเพียง 22 เท่า ในปีหน้าจากคาดการณ์การเติบโตของกำไรสุทธิปี 2018-2020 ที่สูงถึง 35% ต่อปี
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) คาด SET ปรับขึ้นหลังทราบผล FOMC ความน่าจะเป็นในการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 1.25% ของ FedWatch ล่าสุดสูงถึง 97% ถ้าอิงการปรับขึ้นดอกเบี้ยเมื่อ 14 ธ.ค. 16 และ 15 มี.ค. 17 พบว่าเงินบาทอ่อนค่า 0.2% ใน 5 วันทำการหลังทราบผลประชุม แต่ต่างชาติกลับซื้อหุ้นเฉลี่ย 2 พันลบ. และ SET ขึ้น 0.4% ในช่วงเวลาเดียวกัน กลุ่มที่โดดเด่น คือ เกษตรอาหาร(+1.4%) ยานยนต์(+1.3%) ท่องเที่ยว(+0.6%) ส่วนแบงก์และพลังงานบวก 0.6% เมื่อพิจารณาร่วมกับตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯที่ชะลอ คาดว่าเฟดจะยังไม่ส่งสัญญาณลดขนาดงบดุล SET จึงมีโอกาสปรับตัวขึ้นหลังทราบผล FOMC
(-) ผลเลือกตั้งในอังกฤษได้รัฐบาลผสม โดยพรรคอนุรักษ์นิยมได้ 319 ที่นั่ง ต่ำกว่ากึ่งหนึ่งที่ 326 ที่นั่งและต่ำกว่าเดิมที่ 330 ที่นั่ง ทำให้ต้องตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคในไอร์แลนด์เหนือที่มี 10 ที่นั่ง ประเด็นการเจรจา Brexit จึงยังกดดัน Sentiment ฝั่งยุโรป (-) ราคาน้ำมันแค่ฟื้นระยะสั้น โดยยังถูกกดดันจากจำนวนแท่นขุดเจาะในสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 21 และการกลับมาส่งออกน้ำมันของไนจีเลียและลิเบีย
(0) ผลเลือกตั้ง สส.ฝรั่งเศสรอบแรก พรรคอองมาร์ชของนายมาครง และพรรคโมเดม (Democratic Movement) ซึ่งเป็นพรรคแนวร่วมรัฐบาล ได้คะแนนเสียงเป็นอันดับ 1 ที่ 32.32% ติดตามการเลือกตั้งรอบ 2 ในวันที่ 18 มิ.ย. โพลล์ชี้นายมาครงและแนวร่วมอาจได้ที่นั่งสูงถึง 400 จากทั้งหมด 577 ที่นั่ง
(-) EARTH แนะนำหลีกเลี่ยง เพราะหากบริษัทผิดนัดชำระหนี้ครบ 500 ล้านบาท ผู้ถือหุ้นกู้สามารถเรียกชำระคืนหุ้นกู้ทั้งหมด 5.5 พันล้านบาทโดยทันที และข่าวนี้อาจกดดัน KTB ซึ่งมีเงินให้กู้กับ EARTH ราว 3 พันล้านบาท กรณี Worst case ตั้งสำรองเต็ม 100% จะกระทบกำไรสุทธิ 12% กระทบราคาพื้นฐาน 1 บาทจาก 24 บาทเป็น 23 บาท เรายังแนะนำซื้อลงทุน KTB เพราะราคาหุ้นปัจจุบันยังต่ำกว่า Book value ส่วน KBANK มีเงินให้กู้ 2 พันล้านบาท กระทบกำไรเพียง 2% ยังแนะนำซื้อ KBANK เช่นกัน
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
13-14 มิ.ย. -สหรัฐ: FOMC meeting (ตลาดคาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25%)
13 มิ.ย. - ยูโรโซน: ZEW Survey (มิ.ย.)
14 มิ.ย. -จีน: ยอดค้าปลีก, Fixed assets, Industrial production (พ.ค.)
-สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ (พ.ค.)
15 มิ.ย. - อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI)ประชุม
16 มิ.ย. - ญี่ปุ่น: BOJ meeting
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (พ.ค.)
-สหรัฐ: Housing starts & Building permits (พ.ค.)
22 มิ.ย. - ฟิลิปปินส์: ธนาคารกลาง (BSP) ประชุม
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (มิ.ย.)
23 มิ.ย. - ไทย:ยอดขายรถ (พ.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (มิ.ย.)
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากผลการเลือกตั้งอังกฤษ และ คำให้การของ FBI ต่อประเด็นทรัมป์ ทำให้ดัชนีพุ่งขึ้นแตะระดับนิวไฮ ทั้งนี้ ภายหลังมีแรงขายทำกำไรจากกลุ่มเทคโนโลยีหลังตลาดมองว่าราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมามาก
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก เนื่องจากผลการเลือกตั้งที่อังกฤษทำให้ต้องจัดตั้งรัฐบาลผสม ส่งผลให้ตลาดคาดว่ากระบวนการ Brexit จะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดลบโดยตลาดเฝ้าจับตาการเลือกตั้งรอบแรกที่ฝรั่งเศสในวันนี้ และ การประชุมเฟดกลางสัปดาห์นี้
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้แกว่งตัว Sideway ผันผวนในกรอบกว้าง ล่าสุดเคลื่อนไหวในช่วง 34.01-34.06 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ค. ปิดบวก 0.19 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 45.83 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากมีข่าวว่าท่อขนส่งน้ำมันที่ไนจีเรียเกิดรอยรั่วทำให้ต้องหยุดดำเนินการกะทันหัน
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ปิดลบ 8.10 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,271.40 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยมีแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับค่าเงินปอนด์เนื่องจาผลการเลือกตั้งอังกฤษทำให้ต้องจัดตั้งรัฐบาลผสม
Contact person : Jitra Amorntham
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: fss_research