- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 06 June 2017 16:43
- Hits: 1769
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Today’s Report : Energy Sector, SAPPE, Commodities WoW, DW Report
Our Portfolio Jun 17 : FSMART, HANA, MGT, RS, TACC
ยังเน้น Trading ในกรอบ
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ปรับตัวบวกได้ค่อนข้างดีในช่วงเช้าก่อนที่จะมีแรงเทขายออกมาในช่วงบ่ายในตัว PTTEP และ PTT มีข่าวเรื่องการหยุดผลิตน้ำมันชั่วคราวในพื้นที่ ส.ป.ก. ซึ่งกดดันบรรยากาศการลงทุนในภาพรวม โดยแรงขายส่วนใหญ่มาจากสถาบันในประเทศเกือบ 2 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังซื้อในตลาดหุ้นเล็กน้อย แต่ขายในตลาดพันธบัตรและฟิวเจอร์สรวมกันราว 4.5 พันลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET index จะยังคงแกว่งตัวในกรอบ 1560-1573 จุด โดยนักลงทุนยังให้น้ำหนักและจับตาดูการเลือกตั้งของอังกฤษและการประชุม ECB ในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ รวมถึงการประชุม FED ในสัปดาห์หน้า ส่วนประเด็นการเมืองต่างประเทศทั้งเรื่องการก่อการร้ายและชาติอาหรับที่ตัดสัมพันธ์ทางการฑูตกับกาตาร์เป็นอีกปัจจัยกดดัน ขณะที่ด้านเทคนิคดัชนียังคงไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้าน 1570-1573 จุด ทำให้ยังมีแนวโน้มเคลื่อนไหวออกข้างต่อไป อย่างไรก็ตามเชื่อว่ากระแสเงินทุนต่างชาติยังมีโอกาสไหลเข้าตลาดเกิดใหม่รวมถึงไทยที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า โดยล่าสุดค่าเงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่องและเริ่มเห็นจังหวะหลุดต่ำกว่า 34 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ
กลยุทธ์ : ระยะสั้น Trading ในกรอบ ระยะกลาง-ยาว ทยอยซื้อหุ้นพื้นฐานตามแนวรับ
แนวรับ 1563-1560 , 1555 จุด
แนวต้าน 1570-1573 , 1575 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : TWPC, MC, TKN (short)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$378ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$292ล้าน และไต้หวัน US$66ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลเข้า US$14ล้าน ขณะที่ไหลออกจากอินโดนีเซีย US$13ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคแต่อาจเบาบางลงตามความกังวลก่อนการเลือกตั้งนายกฯอังกฤษที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 8 มิ.ย. นี้ซึ่งล่าสุดนางเทเรซา เมย์ ได้รับความนิยมลดลงหลังเกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) กลุ่มพลังงานกดดันตลาด ซาอุฯ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิยิปต์ และบาห์เรน ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกาตาร์ ซึ่งอาจกระทบต่อข้อตกลงลดกำลังการผลิตของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันที่เพิ่มขยายเวลาออกไป ล่าสุดสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ห้ามเรือขนส่งน้ำมันที่จะเข้าออกกาตาร์ผ่าน่านน้ำของประเทศแล้ว ราคาน้ำมันปรับลง กลุ่มพลังงานกดดันตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้
(+) ธปท.ผ่อนคลายหลักเกณฑ์ เพิ่มความสะดวกให้ภาคเอกชนและนักลงทุน เกณฑ์ใหม่ของธปท.ไม่มีวัตุประสงค์ควบคุมเงินทุนไหลเข้า แต่เปลี่ยนเกณฑ์ให้ทันสมัย เพิ่มความสะดวกในการโอนเงิน (การค้าตามชายแดนได้ประโยชน์) การทำธุรกรรมระหว่างประเทศ เพิ่มทางเลือกแก่นักลงทุน (บล.ซื้อขายเงินตราต่างประเทศได้ ทำให้ยืดหยุ่นมากขึ้นในการให้บริการลูกค้า) เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาให้บริการซื้อขายเงินตราต่างประเทศได้ ทั้งหมดนี้ ช่วยเสริมศักยภาพให้ภาคธุรกิจไทย ไม่กระทบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท
(-) ราคาน้ำตาลปรับลงต่ำสุดในรอบ 15 เดือน เหลือ 13.74 เซนต์ต่อปอนด์ -33% YTD จากคาดการณ์ผลผลิตน้ำตาลโลกปี 2018 สูงขึ้น ทำให้ภาวะน้ำตาลโลกจะกลับมาเกินดุลหลังขาดดุลในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แม้ไม่กระทบกำไรในปีนี้เพราะล็อกราคาขายล่วงหน้าไปแล้ว แต่กระทบกำไรปี 2018 ซึ่งโรงงานน้ำตาลส่วนใหญ่ล็อกราคาขายไปเพียง 20% เราชอบกลุ่มน้ำตาลน้อยลงเพราะราคาหุ้นกลุ่มนี้จะสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกับราคาน้ำตาล มากกว่าผลประกอบการในปีปัจจุบัน ข่าวดีระยะสั้นมีเพียง KSL ที่กำไร 2Q17 (ส่งงบ 13-14 มิ.ย.) จะดีมากและเป็นจุดสูงสุดของปี
(-) PTTEP หยุดผลิตในแหล่ง S1 เฉพาะส่วนที่อยู่ในพื้นที่ ส.ป.ก. ชั่วคราวตั้งแต่ 3 มิ.ย. 2017 กรณี Worst case ถ้าไม่สามารถผลิตปิโตรเลียมจากพื้นที่นี้ได้อีกและเกิดการด้อยค่าราว US$50 ล้าน คาดกระทบกำไรสุทธิและราคาพื้นฐาน 13% จาก 103 บาทเหลือ 90-95 บาท ราคาหุ้นต่ำกว่า Worst case แต่ราคาน้ำมันดิบโลกปรับลง และยังมีความไม่ชัดเจนทั้งขั้นตอนและกรอบเวลา แนะนำเก็งกำไรอย่างระมัดระวัง สำหรับ BCP ซื้อนำมันดิบจากแหล่งนี้เพียง 5-6% สามารถหาจากแหล่งอื่นได้ แม้จะแพงขึ้นแต่กระทบกำไรเพียง 1% เรายังแนะนำซื้อ BCP ราคาพื้นฐาน 40 บาท
(0) SAPPE แนวโน้มผลประกอบการจะค่อยๆฟื้นตัวใน 2Q17 หลังเปลี่ยน Distributor ในประเทศแล้วเสร็จ ส่วนตลาดต่างประเทศ ลูกค้าอินโดนีเซียกลับมา Stock สินค้าหลังผ่านช่วงน้ำท่วม และในช่วง 2H17 จะมีสินค้าใหม่ออกมาต่อเนื่อง แต่จากผลกำไรที่อ่อนแอใน 1Q17 เราปรับลดกำไรสุทธิปี 2017 ลง 15% เป็น -9.5% Y-Y (เดิมคาด +6.3% Y-Y) หากไม่รวมกำไรพิเศษขายเงินลงทุนในปีก่อน คาดกำไรปกติปีนี้ -1.6% Y-Y (เดิมคาด +15.6% Y-Y) ราคาพื้นฐานจึงลดลงเป็น 28 บาท จากเดิม 33 บาท แต่ยังแนะนำซื้อ เพราะ upside ที่มากกว่า 10%
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
6 มิ.ย. - ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (พ.ค.)
7 มิ.ย. - ยูโรโซน: 1Q17 GDP
8 มิ.ย. -จีน: ดุลการค้า (พ.ค.)
- ญี่ปุ่น: 1Q17 GDP
- อังกฤษ:เลือกตั้งทั่วไป
- ยูโรโซน: ECB Meeting
9 มิ.ย. -จีน: อัตราเงินเฟ้อ (พ.ค.)
13-14 มิ.ย. -สหรัฐ: FOMC meeting (ตลาดคาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25%)
13 มิ.ย. - ยูโรโซน: ZEW Survey (มิ.ย.)
14 มิ.ย. -จีน: ยอดค้าปลีก, Fixed assets, Industrial production (พ.ค.)
-สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ (พ.ค.)
15 มิ.ย. - อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI)ประชุม
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนปิดลบ เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับประเด็นการเมือง และ เหตุการณ์ก่อการร้าย
(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบโดยนักลงทุนยังมีความกังวลเกี่ยวกับการก่อการร้ายที่อังกฤษช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประกอบกับการซื้อขายยังเบาบางก่อนการประชุม ECB และ การเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษ ในวันที่ 8 มิ.ย. นี้
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดลบตามทิศทางตลาดโลกจากความกังวลต่อสถานการณ์ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างชาติอาหรับ
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้ยัง Sideway มีโดยกรอบการเคลื่อนไหวในช่วง 33.98-34.03 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ค. ปิดลบ 0.26 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 47.40 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังตลาดกังวลว่าการตัดความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างชาติอาหรับกับกาตาร์จะส่งผลกระทบด้านลบต่อการปรับลดการผลิตของผู้ผลิตน้ำมัน
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ปิดบวก 2.50 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,282.70 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากตลาดมีความกังวลต่อสถานการณ์ความไม่สงบทั่วโลกทั้งเหตุการณ์ก่อการร้าย และ ปัจจัยการเมือง
Contact person : Jitra Amorntham
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: fss_research