- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 05 June 2017 17:22
- Hits: 917
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'เน้นซื้อด้วยค่าบวก/ถือเมื่อ SET เหนือ 1560'
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ปิดบวก 4.49 จุดที่ 1567.60 แต่การซื้อขายยังค่อนข้างซบเซา สัปดาห์นี้ต้องลุ้นกันต่อว่าดัชนีจะสามารถขึ้นไปยัง 1570 แล้วยืนเหนือได้อย่างมั่นคงหรือไม่
World Bank คงคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้ +2.7% ในรายงานเดือนมิ.ย.60 ซึ่งดีขึ้นจากปีก่อนที่ +2.4% นำโดยสหรัฐ, ญี่ปุ่น ส่วนไทยประเมินของปี 60 ไว้ที่ +3.2% เท่าปีก่อน
สหรัฐ : ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรพ.ค.สหรัฐออกมา 1.38 แสนรายต่ำกว่าคาด แต่ตลาดยังมองว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 14 มิ.ย.นี้
- สหรัฐ : ขาดดุลการค้าเพิ่ม 5.2% ในเดือนเม.ย. ซึ่งอาจกระตุ้นทรัมป์ออกมาตอบโต้ทางการค้ากับประเทศที่เกินดุลรอบใหม่ ซึ่งมีไทยด้วย
- เบเกอร์ ฮิวจ์ เปิดเผยว่าแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐเพิ่มต่อเนื่องเป็น Week ที่ 20 อีก 11 แท่นเป็น 733 แท่น...กดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน
+ ROJNA : ปี 60 ได้ประโยชน์จากยอดขายที่ดินดีขึ้น โดยเฉพาะใน EEC, ค่า Ft ไฟฟ้าเพิ่ม, มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มใน 2H60 อีก 110MW ประเมินกำไรปีนี้เติบโต 391% และปี 61 ขยายตัวต่อ 25% แนะนำซื้อ
ประเด็นติดตามเดือนมิ.ย. : 1) เลือกตั้งอังกฤษ 8 มิ.ย. เชื่อนางเมย์จะชนะเลือกตั้งแบบไม่ทิ้งห่างคู่แข่งมาก, 2) ประชุมเฟด 13-14 มิ.ย. โอกาสที่ปรับขึ้นยัง >80% , 3) ปัญหาคาบสมุทรเกาหลี, 4) ค่าเงินบาท และการฟื้นตัวภาคส่งออกไทย, 5) ความคืบหน้าโครงการรัฐ
+ หุ้นกลยุทธ์สำหรับเดือนมิ.ย.60 เราเลือกเป็น AMATA, SEAFCO, TISCO ส่วน Dark Horse คือ BIG, WHAUP (สำหรับเดือนพ.ค.60 หุ้นกลยุทธ์เราให้ Return +8.6% ดีกว่าตลาดที่ -0.2%) สำหรับหุ้นกลยุทธ์พื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น ROJNA
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ แนวต้าน 1570 หรือ 1575-1580 แนวรับ 1550, 1530-1520 เน้นซื้อตามค่าบวก
สำหรับ การ SCAN หุ้น New High พบว่าที่เข้ามาใหม่เป็น KKP, JAS, ESSO, LST, BR ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List เป็น UTP, ROJNA, ANAN, BTS, SAMART หุ้นที่หลุด List เป็น BRR, WICE, HMPRO, TWP, CM ส่วนหุ้นที่อยู่ในพื้นที่ Take Profit คือ SAMTEL, PTG
นักกลยุทธ์&นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค& Reseach Team - [email protected]
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
เวิลด์แบงก์คงคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้ +2.7%
ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) คงคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2560 ที่ระดับ 2.7% และคงคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2561 ที่ระดับ 2.9% โดยระบุว่าการค้าและภาคการผลิตทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวขึ้น (คาด +4% ปีนี้ เพิ่มจาก +2.5% ปี 2559) ขณะที่ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจดีขึ้นเช่นกัน สำหรับความเสี่ยง คือ การที่หลายประเทศหันมาดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้า และความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจทรัมป์
สำหรับไทย ธนาคารโลกคาดการณ์การเติบโตของปี 2560 ไว้ที่ 3.2% และปีหน้า 3.3% ใกล้เคียงกับปี 2559 ที่ 3.2%
ญี่ปุ่น : ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคพ.ค.ดีขึ้น แต่ยังต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าผู้มองลบยังมากกว่าบวก
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.อยู่ที่ 43.6 เพิ่มขึ้นจาก 43.2 เมื่อเดือนเม.ย. ดีกว่าคาดเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงผู้ที่มีมุมมองที่เป็นลบนั้นมีจำนวนมากกว่าผู้ที่มีมุมมองเป็นบวก
สหรัฐ : ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรพ.ค.น้อยกว่าคาด
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 138,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 174,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.3% จากระดับ 4.4% ในเดือนเม.ย. ทั้งนี้นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขจะเพิ่ม 185,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. และอัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.4%
- สหรัฐ : ขาดดุลมากขึ้น 5.2%ในเดือนเม.ย.
ตัวเลขขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น 5.2% ในเดือนเม.ย. สู่ระดับ 4.76 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.60 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะขาดดุลการค้าที่ 4.61 หมื่นล้านดอลลาร์
ความเห็น DBSV Retail Research : ปัจจัยนี้อาจกระตุ้นให้ทรัมป์ออกมากล่าวถึงมาตรการตอบโต้ทางการค้ากับประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐรอบใหม่ ซึ่งไทยจัดอยู่ในกลุ่มดังกล่าวด้วย
สหรัฐ : ตลาดยังเชื่อว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในวันที่ 14 มิ.ย.นี้
นักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม13-14 มิ.ย.นี้ แม้ตัวเลขจ้างงานเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้นน้อยกว่าการคาดการณ์ก็ตาม โดย CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงถึงเกือบ 94% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้
สหรัฐ : ติดตามการลงมติกฎหมายปฎิรูปการเงิน
นักลงทุนจับตาสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐซึ่งจะลงมติกฎหมายปฎิรูปการเงินในสัปดาห์หน้า โดยคาดว่ากฎหมายดังกล่าวจะมีการยกเลิกเนื้อหาส่วนใหญ่ในกฎหมายดอดด์-แฟรงค์ปี 2010 และคาดว่าจะผ่านสภาล่างได้ แต่ความต้องการเสียงสนับสนุนจากสมาชิกพรรคเดโมแครตที่มีท่าทีคัดค้านในสภาสูงทำให้มีความไม่แน่นอน
- อังกฤษ : คะแนนนิยมเทเรซา เมย์นำคู่แข่งเหลือเพียง 5 จุด
ผลการสำรวจของ Ipsos MORI บ่งชี้ว่า คะแนนนิยมของพรรคอนุรักษ์นิยมของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ที่นำหน้าพรรคแรงงาน ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านนั้น ได้ลดลงเหลือเพียง 5 จุด จาก 15 จุดเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : บวกได้แม้ตัวเลขจ้างงานฯต่ำกว่าคาด หุ้นเทคโนโลยีนำตลาด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,206.29 จุด เพิ่มขึ้น 62.11 จุด หรือ +0.29% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,439.07 จุด เพิ่มขึ้น 9.01 จุด หรือ +0.37% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,305.80 จุด เพิ่มขึ้น 58.97 จุด หรือ +0.94% นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
- สัญญาน้ำมันดิบ : ลดลงเพราะกังวลอุปทานสหรัฐเพิ่ม
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ร่วงลง 70 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 47.66 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ลดลง 68 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 49.95 ดอลลาร์/บาร์เรล เบเกอร์ ฮิวจ์ เปิดเผยว่าแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐเพิ่มอีก 11 แท่น สู่ระดับ 733 แท่น โดยเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 20 ติดต่อกัน และสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับระดับ 325 แท่นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
+ สัญญาทองคำ : ปรับขึ้น 0.8%
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. พุ่งขึ้น 10.1 ดอลลาร์ หรือ 0.80% ปิดที่ 1,280.20 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากค่าเงิน US$ อ่อนลงเมื่อตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรพ.ค.ต่ำกว่าคาดและสหรัฐขาดดุลการค้ามากกว่าที่คาดการณ์ในเดือนเม.ย.60
ปัจจัยในประเทศ และหุ้นเด่น
+ Wealth Perspective Equity เดือนมิ.ย.60
หุ้น Stock Picks เดือนพ.ค.60 ของเราให้อัตราผลตอบแทน 8.6%MoM ดีกว่าตลาดรวมที่ -0.2%MoM ส่วนผลตอบแทนสะสมงวด 5M60 ของหุ้นที่เราเลือกเท่ากับ 9% ขณะที่ตลาดบวกราว 1%
ปัจจัยจับตาเดือนมิ.ย.60 ในส่วนปัจจัยภายนอกเป็น ผลการเลือกตั้งอังกฤษ 8 มิ.ย.60 (ตลาดคาดว่านายกรัฐมนตรี คือ นางเทเรซา เมย์จะชนะเลือกตั้ง) และการประชุม FOMC วันที่ 13-14 มิ.ย.60 (โอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยยัง > 80% จากการฟื้นตัวภาคแรงงานที่บรรลุเป้าหมายและเต็มศักยภาพ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อปรับขึ้นใกล้เป้าหมายระยะยาว โดยราคาบ้านในสหรัฐเพิ่มขึ้นกว่า 5%YoY), นโยบายและมาตรการของทรัมป์ ส่วนปัจจัยภายใน เป็นเรื่องของค่าเงินบาทและการฟื้นตัวของภาคส่งออก & ภาคท่องเที่ยว (ค่าเงินบาทยังมีโอกาสที่จะยืนแข็งค่าเพราะ CTBC ไต้หวันจะเพิ่มทุนให้กับ LHBANK ในเดือนก.ค.นี้ 16.6 พันล้านบาท หรือราว 488 ล้านUS$), ความคืบหน้าของโครงการลงทุนภาครัฐ และคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์
คาดว่า SET Index จะยัง Sideways ในกรอบ 1530-1580 จุด หากไม่มี Surprise ในปัจจัยสำคัญต่างๆ ส่วนดัชนีเป้าหมายปี 60 ยังคงให้ไว้ที่ 1,650 จุด โดยคาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ที่ 6%
หลักทรัพย์ Top Picks เดือนมิ.ย.60 เป็น AMATA SEAFCO, TISCO ส่วน Dark Horse คือ BIG, WHAUP
# AMATA : ได้รับประโยชน์จาก EEC ทำให้ยอดขายที่ดินจะพลิกฟื้นได้ คาดงวด 2Q60 โอนรับรู้รายได้เพิ่ม YoY และ QoQ กำไรจากบริษัทร่วมแข็งแกร่ง (โดยหลักมาจากธุรกิจไฟฟ้า) บริษัทมีที่ดินพร้อมขายในไทย 1.4 หมื่นไร่ ถือว่าธุรกิจมั่นคงดีในระยะยาว
# SEAFCO : คาดว่าจะได้งานฐานรากรถไฟฟ้าสายสีขมพู & เหลืองจาก CK และ STEC ที่ผ่านครม.แล้ว ซึ่งจะหนุนให้กำไร 2H60 เพิ่มแข็งแกร่ง ธุรกิจเสี่ยงต่ำกว่าผู้รับเหมาอื่นเพราะระยะเวลาก่อสร้างสั้น คาดกำไรปีนี้โต 51%YoY ฐานะการเงินดี
# TISCO : สินเชื่อมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นใน 2H60 ทั้งที่เป็นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อเพื่อการลงทุน ซึ่งเป็นไปตามความคืบหน้าของโครงการรัฐ การซื้อกิจการ SCBT คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 2H60 ซึ่งจะทำให้พอร์ตสินเชื่อโตขึ้นราว 10% ด้าน NPL ratio ลดลงเป็น 2.7% ในสิ้นมี.ค.60 และคาดว่าจะทรงๆระดับนี้ในสิ้นปี Coverage ratio แกร่งที่ 164%
# BIG : กำไรปี 59 เป็นฐานต่ำเพราะในช่วง 3Q59 มีแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น สินค้ารุ่นใหม่ออกมาล่าช้า และ 4Q60 มีเหตุการณ์ไว้อาลัย ขณะที่ปี 60 กลับสู่ภาวะปกติ และจะมีกล้องรุ่นใหม่ออกมาทำตลาด บวกกับการขยายสาขา คาดกำไรปีนี้โตได้ 25%
# WHAUP : ธุรกิจมั่นคง (สาธารณูปโภค&ไฟฟ้า) ปีนี้ได้ประโยชน์จากค่า Ft เพิ่ม และโครงการ EEC ก็หนุนในระยะต่อไปด้วย การเติบโต 1-3 ปีข้างหน้ามาจากไฟฟ้าเป็นหลัก กำลังผลิตเพิ่มจาก 350 MW ปัจจุบันเป็น 538 MW ในต้นปี 62 นิคมเหมราชใช้สาธารณูปโภค เพิ่มต่อเนื่อง คาดกำไรปีนี้โตกว่าเท่าตัวจากฐานต่ำปี 59 บริษัทจะแตกพาร์เพิ่มสภาพคล่องซื้อขายด้วย
+ ROJNA (ราคาปิด 5.90 บาท) : คาดกำไร 2H60 จะเพิ่มขึ้นมากหลังรับรู้รายได้โรงไฟฟ้า SPP3
# เราคาดว่ายอดขายที่ดินในนิคมจะดีขึ้นในปีนี้ โดยเฉพาะใน EEC ซึ่งบริษัทมีนิคมอยู่ 2 แห่งที่รองรับโครงการระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก คือ ที่บ่อวิน และแหลมฉบัง จำนวน 2 พันไร่ (เป็นพื้นที่ขาย 1.5 พันไร่) และกำไรจากโรงไฟฟ้าจะดีขึ้นเพราะ 1. ค่า Ft สูงขึ้น และ 2. ใน 2H60 จะมีรายได้จากโรงไฟฟ้า SPP3 เข้ามาอีก 110 MW ในเดือนก.ค.60 จากปัจจุบันที่มีอยู่แล้ว 430 MW + โซลาร์ 3 บล็อกรวม 24 MW ประมาณการว่ากำไรสุทธิปี 60 ของ ROJNA จะเติบโต 391% และปี 61 ขยายตัวต่อ 25% แนะนำซื้อ
BJC จะทำเทนเดอร์ฯ BIGC รอบสุดท้ายก่อนออกจากตลาดฯที่ราคา 225 บาท/หุ้น
ทาง BJC จะเพิกถอนหุ้น BIGC ออกจากตลาด คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนก.ย.นี้ ซึ่งบริษัทจะมีการจัดประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 16 มิ.ย. 60 เพื่อขออนุมัติผู้ถือหุ้นในการทำคำเสนอซื้อหุ้น BIGC ในสัดส่วนที่เหลืออีก 2.06% หรือคิดเป็นจำนวน 17 ล้านหุ้น ที่ราคา 225 บาทต่อหุ้น คาดว่าจะต้องใช้เงินจำนวน 3.8 พันล้านบาท ซึ่งมีแหล่งเงินทุนมาจากกระแสเงินสดในมือและเงินกู้ยืมจากสถาบันทางการเงิน
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]