WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRAบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 


ทิศทางตลาด
  ตามตลาดต่างประเทศ? คาดมีโอกาสปรับขึ้นตามตลาดต่างประเทศ แต่คาดยังอยู่ในกรอบแคบ (+) ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้เพิ่มความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯ (-) เพิ่มน้ำหนักต่อประเด็นที่เฟดพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 13 – 14//60 รวมถึงประเด็นที่เฟด
  ส่งสัญญาณทยอยลดงบดุล ปัจจุบันที่ 4.5 ล้านล้านUSD ภายในปีนี้ ที่คาดมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นหลังจากนี้ไป (-) Fund Flow จากแรงขายสุทธิล่าสุดของต่างชาติ ยังแนะติดตามค่าเงินบาท ล่าสุด 34.18 – 34.19 บาท ซี่งยังมีทิศทางแข็งค่าเมื่อเทียบกับประมาณ 34.50 บาท เมื่อช่วงต้นพ.ค.’60
  ขณะที่ราคาน้ำมันยังทรงตัว อย่างไรก็ตามคาดยังถูกกดดันจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสหรัฐฯ ซึ่งคาดยังส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน
  พร้อมแนะติดตาม ประเด็นต่างประเทศ (1) การประชุม ECB ในวันที่ 8/6/60 ที่คาดมีส่งการสัญญาณทิศทางมาตรการ QE อย่างไรก็ตามล่าสุดประธาน ECB ระบุว่ายังมีความจำเป็นใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและ (2) การเลือกตั้งในอังกฤษ วันที่ 8/6/60 
  นอกจากนี้ยังแนะติดตามประเด็นที่สหรัฐฯ ระบุว่าไทยเป็น 1 ใน 16 ประเทศ ที่ทำให้สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า ล่าสูงสุดในรอบ 3 ปี มูลค่า 18,920 ล้านUSD หรือประมาณ 650,000 ล้านบาท และคาดสหรัฐฯ อาจมีมาตรการตอบโต้ออกมา (เช่น มาตรการด้านภาษี) ภายใน 90 วัน หรือประมาณต้น 3Q/60 โดยเฉพาะต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน รวมถึงประมง เป็นต้น
  ส่วนทางด้านปัจจัยกดดันจากความไม่แน่นอนในการเปิดประมูลของภาครัฐ ซึ่งส่งผลต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น จากการขายซองประมูลราคา โครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางหัวหิน – ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84 กม. มูลค่า 7,305 ล้านบาท ซึ่งกำหนดเปิดซองราคาในวันที่ 27/7/60 คาดมีแรงเก็งกำไรในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจนถึงวันประมูล โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ซื้อซองราคา เช่น ITD, CK, STEC, NWR, UNIQ และ PLE เป็นต้น
SET SET50 SET100
1,563.11     +1.45 987.79     +1.71 2,227.45     +1.86

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
  (+) ตลาดต่างประเทศ DJIA +135.53, NASDAQ +48.31, S&P +18.26, FTSE +23.82, CAC +35.04 และ DAX +49.86
DJIA, S&P 500 และ Nasdaq ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ภายใต้ปัจจัยหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ทำให้มีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ โดย (1) ตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชน – พ.ค. เพิ่มขึ้น 253,000 ตำแหน่ง ต่อเนื่องจากที่เพิ่มขึ้น 174,000 ตำแหน่ง เมื่อเม.ย. และดีกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 185,000 ตำแหน่ง ส่งผลให้มีการปรับเพิ่มคาดการณ์ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร – พ.ค. (เปิดเผยในวันนี้) เป็น 175,000 ตำแหน่ง จากคาดการณ์ก่อนหน้าที่ 165,000 ตำแหน่ง และคาดอัตราการว่างงานยังคงทรงตัวที่ระดับ 4.4% และ (2) ดัชนีภาคการผลิตของ ISM – พ.ค. อยู่ที่ 54.9 เพิ่มขึ้นจาก 54.8 เมื่อเม.ย. และดีกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 54.5 
อย่างไรก็ตามจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ล่าสุด เพิ่มขึ้น 13,000 ราย อยู่ที่ 248,000 ราย สูงกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 239,000 รายแต่ตัวเลขดังกล่าว ยังต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 117ติดต่อกัน ซึ่งนานที่สุดนับตั้งแต่ปี’13
  ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยบวกเพิ่มจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของยูโรโซน – พ.ค. อยู่ที่ 57.0 เพิ่มขึ้นจาก 56.7 เมื่อเม.ย.
  ขณะที่ยังมีความกังวลว่ากรีซอาจผิดนัดชำระหนี้ หากเจ้าหนี้ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือทางการเงินครั้งใหม่ หลังรมต.คลังกลุ่มยูโรโซน (ยูโรกรุ๊ป) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และรัฐบาลกรีซ ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินเพื่อบรรเทาวิกฤตหนี้กรีซ ในการประชุมเมื่อ 22/5/60 ที่ผ่านมา และคาดจะเลื่อนการประชุมเพื่อตัดสินใจเรื่องดังกล่าวออกไปเป็นช่วงกลางเดือนมิ.ย.นี้ (15/6/60) และจับตาการประชุม ECB ในวันที่ 8/6/60 เพื่อหาทิศทางมาตรการ QE ในการประชุมดังกล่าว

P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
16.20 1.88 3.11
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 41,117.43
สถาบัน  +3,199.03
บัญชีหลักทรัพย์  +84.99
ต่างประเทศ  -1,510.05
ในประเทศ  -1,773.96

  ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.ค. +US$0.04 อยู่ที่US$48.36 ต่อบาร์เรล หลัง EIA เปิดเผย สต็อกน้ำมันดิบ ล่าสุดลดลง 6.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล
  อย่างไรก็ตามคาดมีความกังวลต่อปริมาณผลิตที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสหรัฐฯ
  ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ส.ค. -US$5.3 อยู่ที่ US$ 1,270.1 ต่อออนซ์ จากเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดแข็งแกร่ง ทำให้เพิ่มน้ำหนักต่อกระแสคาดการณ์ว่าเฟด จะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ (13 – 14/6/60)
  (-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -1,501 ล้านบาท สะสม YTD +12,106 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ปี’59 ซื้อสุทธิสะสม 77,927 ล้านบาท)

ประเด็นที่ต้องติดตาม 2 มิ.ย. 2560 
2/6/60 สหรัฐฯ เปิดเผย
   ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.
   ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนเม.ย.
   ดัชนีการผลิตรัฐนิวยอร์คเดือนพ.ค. 


และยังแนะจับตา
  (1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR และ CBG เป็นต้น
  (2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี ’60 เช่น KBANK และ SCB เป็นต้น
  (3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
  (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น และความต้องการในประเทศที่คาดดีขึ้น เช่น SCC
  (5) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาคเอกชนที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น SQ เป็นต้น
  (6) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ IRPC, TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น 
  (7) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK  
  (8) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วง 2Q/60 เช่น AOT

ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.02 อยู่ที่ 2.22%
(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) 
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.52 อยู่ที่ 9.89

หุ้นแนะนำ : MTLS 
 นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์      โทร .02-684-8788

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!