- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 31 May 2017 17:39
- Hits: 1518
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
คาดยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบ? แม้คาดราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานได้รับปัจจัยลบจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง ภายใต้ความกังวลต่อภาวะอุปทานที่คาดยังอยู่ในระดับสูง หลังปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ เพิ่มต่อเนื่อง แต่คาดได้รับการชดเชยจาก Fund Flow หลังล่าสุดต่างชาติซื้อสุทธิสูงกว่า 4,800 ล้านบาท ขณะที่ยังแนะติดตามค่าเงินบาท ล่าสุด 34.12 –34.14 บาท ทรงตัวจากวานนี้ แต่ยังมีทิศทางที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับประมาณ 34.50 บาท เมื่อช่วงต้นพ.ค. ที่ผ่านมา
ขณะที่แนะติดตาม ประเด็นต่างประเทศ (1) การประชุม ECB ในวันที่ 8/6/60 ที่คาดมีส่งการสัญญาณทิศทางมาตรการ QE อย่างไรก็ตามล่าสุดประธาน ECB ระบุว่ายังมีความจำเป็นใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (2) การเลือกตั้งในอังกฤษ วันที่ 8/6/60 และ (3) การประชุมเฟด 13 –14/6/60 ต่อประเด็นการพิจารณาขึ้น / ไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด คาดเป็นปัจจัยที่สร้างความผันผวนให้กับภาพรวมตลาดจนถึงวันประชุม แม้ เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่จากผลสำรวจล่าสุด พบว่า มีโอกาสสูงถึง 83% ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันที่ 13 –14/6/60 รวมถึงประเด็นที่เฟดส่งสัญญาณทยอยลดงบดุล ปัจจุบันที่ 4.5 ล้านล้านUSD ภายในปีนี้ รวมถึงจับตาสถานการณ์เกาหลีเหนือ ที่อาจมีน้ำหนักกดดันภาพรวมตลาดมากขึ้น หลังมีการทดสอบขีปนาวุธต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังแนะติดตามประเด็นที่สหรัฐฯ ระบุว่าไทยเป็น 1 ใน 16 ประเทศ ที่ทำให้สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า ล่าสูงสุดในรอบ 3 ปี มูลค่า 18,920 ล้านUSD หรือประมาณ 650,000 ล้านบาท และคาดสหรัฐฯ อาจมีมาตรการตอบโต้ออกมา (เช่น มาตรการด้านภาษี) ภายใน 90 วัน หรือประมาณต้น 3Q/60 โดยเฉพาะต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน รวมถึงประมง เป็นต้น
ส่วนทางด้านปัจจัยกดดันจากความไม่แน่นอนในการเปิดประมูลของภาครัฐ ซึ่งส่งผลต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น จากการขายซองประมูลราคา โครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางหัวหิน – ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84 กม. มูลค่า 7,305 ล้านบาท ซึ่งกำหนดเปิดซองราคาในวันที่ 27/7/60 คาดมีแรงเก็งกำไรในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจนถึงวันประมูล โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ซื้อซองราคา เช่น ITD, CK, STEC, NWR, UNIQ และ PLE เป็นต้น
SET SET50 SET100
1,568.57 +0.40 991.49 -0.38 2,236.99 -0.58
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดต่างประเทศ DJIA -50.81, NASDAQ -7.00, S&P -2.91, FTSE -21.12, CAC -26.53 และ DAX -30.27ภายใต้ปัจจัยลบ (1) ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ลดลง และส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน หลังโกลด์แมน แซคส์ ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันในปีนี้ จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานพลังงานที่สูงเกินไป และ (2) หุ้นกลุ่มสายการบิน หลังมีรายงานว่าสหรัฐอาจจะขยายมาตรการห้ามผู้โดยสารพกพาแล็ปท็อปขึ้นเครื่องบิน โดยครอบคลุมเที่ยวบินระหว่างประเทศทั้งหมดที่เข้าและออกจากสหรัฐฯ
ขณะที่ได้รับปัจจัยบวกเข้ามาบ้างจาก ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ (1) ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศ – มี.ค. เพิ่มขึ้น 5.8% ซึ่งปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 33 เดือน และ (2) การใช้จ่ายของผู้บริโภค – เม.ย. เพิ่มขึ้น 0.4% ซึ่งปรับขึ้นมากที่สุดในรอบ 4 เดือน
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยกดดันเพิ่มจาก (1) ความไม่แน่นอนทางการเมืองในยุโรป หลังอิตาลีจะจัดการเลือกตั้งในวันเดียวกับเยอรมนี (24/9/60) จากเดิมอิตาลีกำหนดเลือกตั้ง พ.ค.’61 และ (2) ความกังวลว่ากรีซอาจผิดนัดชำระหนี้ หากเจ้าหนี้ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือทางการเงินครั้งใหม่ หลังรมต.คลังกลุ่มยูโรโซน (ยูโรกรุ๊ป) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และรัฐบาลกรีซ ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินเพื่อบรรเทาวิกฤตหนี้กรีซ ในการประชุมเมื่อ 22/5/60 ที่ผ่านมา และคาดจะเลื่อนการประชุมเพื่อตัดสินใจเรื่องดังกล่าวออกไปเป็นช่วงกลางเดือนมิ.ย.นี้
ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 8/6/60 เพื่อหาทิศทางมาตรการ QE ในการประชุมดังกล่าว รวมถึงการเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษ ในวันที่ 8/6/60 โดยผลการสำรวจล่าสุด ระบุว่า คะแนนนิยมของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ที่เคยนำหน้าพรรคฝ่ายค้าน ได้ลดลงอย่างมาก นับแต่เกิดเหตุการโจมตีในเมืองแมนเชสเตอร์
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
16.28 1.88 3.13
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 33,633.73
สถาบัน -345.71
บัญชีหลักทรัพย์ 503.22
ต่างประเทศ 4,829.31
ในประเทศ -4,986.82
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.ค. -US$0.14 อยู่ที่US$49.66 ต่อบาร์เรล หลังโกลด์แมน แซคส์ ลดคาดการณ์ราคาน้ำมัน WTI ในปี’60 ลงสู่ระดับ 52.39 ดอลลาร์/บาร์เรล จากคาดการณ์ก่อนหน้าที่ 54.80 ดอลลาร์/บาร์เรล เช่นเดียวกับคาดราคาเฉลี่ยของน้ำมันดิบเบรนท์ปี’60 อยู่ที่ 55.39 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลงจากคาดการณ์ก่อนหน้าที่ 56.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
และคาดเมื่อกลุ่มโอเปกสิ้นสุดช่วงเวลาปรับลดกำลังการผลิต การผลิตน้ำมันของโอเปกและสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้น 1.0-1.3 ล้านบาร์เรล/วัน ระหว่างปี’61 - 63
นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยกดดันหลัง จากจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมัน ที่มีการใช้งานของสหรัฐฯ ล่าสุดเพิ่มขึ้น 2 แท่น อยู่ที่ 722 แท่น ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่เม.ย.’58 และเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 19 ติดต่อกัน
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ส.ค. -US$5.7 อยู่ที่ US$ 1,265.7 ต่อออนซ์ ส่วนหนึ่งจากการขายทำกำไร ก่อนการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร - พ.ค. ศุกร์นี้ (2/6/60) ซึ่งคาดเพิ่มขึ้น 185,000 ตำแหน่ง
อย่างไรก็ตามการปรับลดลงอยู่ในกรอบจำกัด ภายใต้ความไม่แน่นอนทางการเมืองในยุโรป และความเสี่ยงที่กรีซอาจผิดนัด
ชำระหนี้
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +4,829 ล้านบาท สะสม YTD +13,677 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาทและ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ปี’59 ซื้อสุทธิสะสม 77,927 ล้านบาท)
ประเด็นที่ต้องติดตาม 31 พ.ค. –2 มิ.ย. 2560
31/5/60 สหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนพ.ค.ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย(pending home sales) เดือนเม.ย.
1/6/60 สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐเดือนพ.ค.
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนพ.ค.
ค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนเม.ย.
ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนพ.ค.
สต็อกน้ำมัน
2/6/60 สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.
ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนเม.ย.
ดัชนีการผลิตรัฐนิวยอร์คเดือนพ.ค.
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR และ CBG เป็นต้น
(2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี ’60 เช่น KBANK และ SCBเป็นต้น
(3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น และความต้องการในประเทศที่คาดดีขึ้น เช่น SCC
(5) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาคเอกชน ที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น SQ เป็นต้น
(6) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ IRPC, TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น
(7) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK
(8) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วง 2Q/60 เช่น AOT
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.03 อยู่ที่ 2.22%
(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.57 อยู่ที่ 10.38
หุ้นแนะนำ : WORK
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788