- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 31 May 2017 17:31
- Hits: 1486
บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์การลงทุน
Thailand Future Fund เดินหน้า ดีต่อ KKP ในฐานะที่ถือหุ้นใหญ่ บล. ภัทร ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน แต่อาจกดดันตลาดหุ้นเพราะจะทำให้เม็ดเงินหายไปจากตลาดบางส่วน ทำให้ดัชนีหุ้นไทยยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่า 1,600 จุดไปอีกระยะหนึ่ง กลยุทธ์มุ่งไปยังหุ้นรายตัวที่มีผลกำไรเด่นนับจาก 2Q60 และต่อเนื่องในงวด 2H60 พร้อมมี P/E ต่ำ และเงินปันผลอยู่ในระดับปานกลาง (VNG, GFPT, HANA, AH) วันนี้แนะนำ HANA(FV@B57) และ KKP([email protected])
Thailand Future Fund เกิดบวกต่อ KKP เพราะถือหุ้นใหญ่ใน บล.ภัทร
วานนี้คณะรัฐมนตรี อนุมัติกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund หรือ TFF) เพื่อระดมทุนมูลค่า 1 แสนล้านบาท มาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่วางแผนไว้เบื้องต้น 2 โครงการ วงเงิน 4.48 หมื่นล้านบาท คือ
1. ทางด่วนพิเศษ พระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอก มูลค่า 3 หมื่นล้านบาท
2. ทางด่วนขั้น 3 สายเหนือ เกษตรนวมินทร์ – มอเตอร์เวย์ วงเงิน 1.4 หมื่นล้านบาท
ส่วนที่เหลือยังไม่เปิดเผยรายละเอียด ทั้งนี้การระดมทุน 1 แสนล้านบาทจะจัดตั้งเป็นกองทุนปิด (ไม่จำกัดอายุลงทุน) โดยการนำสินทรัพย์ดำเนินการ และมีรายได้แล้ว คือ ทางด่วนพิเศษฉลองรัฐ (รามอินทรา-อาจณรงค์) และทางด่วนบูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี) (เป็นการขายกระแสเงินสด ให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน และเป็นหลักประกันแก่ผู้ถือกองทุน โดยจะโอนกระแสเงินสดราว 45% ของที่เก็บได้ทั้งหมด ระยะเวลา 30 ปี)
ในเบื้องต้นกระทรวงการคลังจะลงทุน 1 หมื่นล้านบาท ที่เหลือ 9 หมื่นล้านบาท ขายกับประชาชน กำหนดผลตอบแทนเบื้องต้น 7-8% ต่อปี ทั้งนี้แหล่งข่าวเปิดเผยว่า จะสามารถจำหน่ายให้กับนักลงทุนไตรมาส 3 ซึ่งน่าจะแบ่งขายราว 2-3 รอบ ทั้งนี้ผู้ที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินคือ บล.ภัทร ซึ่งถือหุ้นโดย ธนาคารเกียรตินาคิน (KKP) เกือบทั้งหมด 99.98% คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ค่าที่ปรึกษา นับจากงวด 2H60 และรับรู้รายได้จากการขาย (placement) ในปีถัดไป ถือว่าเป็นประเด็นบวกต่อ KKP([email protected]) ราคาหุ้นยังมี upside 15.4% และ Dividend 8.82% และ มี P/E 10.4 เท่า แนะนำเป็น Top pick หุ้นขนาดเล็ก
แต่อย่างไรก็ตามข้อด้อยของการเกิด TFF น่าจะทำให้เม็ดเงินหายไปจากตลาดหุ้นเช่นกัน ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสของนักลงทุน แต่อาจจะเป็นอุปสรรคต่อดัชนีหุ้นไทย
ให้น้ำหนักต่อกำไรรายหุ้นงวด 2Q60-2H60: HANA, GFPT, VNG
ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ASPS ได้นำเสนอแนวโน้มผลการดำเนินงาน 2Q60 ของบริษัทจดทะเบียนบางกลุ่มที่มีแนวโน้มดีขึ้นเมื่อเทียบกับงวดที่ผ่านมา นำโดย กลุ่มเกษตร-อาหาร คาดว่าจะเริ่มเข้าสู่ขาขึ้น และทำระดับสูงสุดของปีในงวด 3Q60 ตามฤดูกาลส่งออกไก่ กุ้งและทูน่า และราคาเนื้อหมูเริ่มฟื้นตัว หลังจากตกต่ำในงวด 1Q60 ชื่นชอบ GFPT (FV@B21) ตามด้วย กลุ่มยานยนต์ คือ AH (FV@B28) ใช้กลยุทธ์การซื้อกิจการในต่างประเทศเพื่อหนุนการเติบโตในอนาคต กลุ่มบันเทิง คือ WORK (FV@B73) โดดเด่นมากจากการปรับขึ้นค่าโฆษณาตามเรตติ้งที่ดีขึ้นต่อเนื่อง และ Utilization Rate ที่เพิ่มขึ้น, กลุ่มค้าปลีก งวด 2Q60 ดีขึ้นจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่กระเตื้องขึ้นหนุนยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ยังชอบ BJC (FV@B50)
ส่วน กลุ่มธนาคารพาณิชย์ และ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง งวด 2Q60 มีแนวโน้มทรงตัวจาก 1Q60 แต่จะเห็นการเติบโตน่าจะเกิดขึ้นในช่วง 2H60 จากการเกิดขึ้นของโครงการลงทุนขนาดใหญ่ หนุนความต้องการใช้สินเชื่อและความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างเพิ่มมากขึ้น
ส่วนวันนี้ จะนำเสนอ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นอีกกลุ่มที่คาดผลการดำเนินงานงวด 2Q60 เติบโตได้จากการเริ่มเข้าช่วง high season ของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนฯ หนุนให้ลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ทยอยเพิ่มคำสั่งซื้อมากขึ้น อีกทั้งหลายบริษัทมีการเปิดสายการผลิตใหม่ หนุนให้ Gross Margin ปรับตัวดีขึ้น และราคาต้นทุนลดลง ซึ่งแนวโน้มการเติบโตนี้จะต่อเนื่องจนถึง 3Q60 ก่อนที่จะชะลอตัวลงใน 4Q60 หลังผ่านช่วงฤดูกาลไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นในกลุ่มฯ ที่ฝ่ายวิจัยศึกษา ราคาปรับขึ้นแรงจนไม่เหลือ upside หรือมี upside ที่จำกัด คือ KCE (ขาย : FV@B90), DELTA (ขาย : FV@B81) ยกเว้น SVI ยังคงแนะนำ ซื้อ Fair Value อยู่ที่ 6.50 บาท แต่ราคาหุ้นปรับขึ้นแรงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จน upside เหลือราว 11.1% จึงแนะนำทยอยสะสมเมื่อราคาอ่อนตัว
และล่าสุด นักวิเคราะห์ ASPS ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไร และคำแนะนำของ HANA เป็นซื้อ จากเดิม switch เพราะได้รับข้อมูลเชิงบวกหลังเข้าพบผู้บริหารวานนี้ ทำให้มั่นใจว่า HANA สามารถปรับตัวรองรับกับกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลง เริ่มจากการที่ปรับ product mix (จากเดิมที่มีชิ้นส่วนใน computer จาก 26% ลดลงเหลือ 10% และ ไปเพิ่มชิ้นส่วน Telecom เป็น 29% จากเดิม 13%, sensor telecom เพิ่มเป็น 8% จาก 6% และเพิ่มชิ้นส่วนเกี่ยวกับ Medical เป็น 2% จากเดิมที่ไม่มี) ตามมาด้วยความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น หลังจากที่คู่แข่งขันที่มีการรวมกิจการกัน ทำให้ลูกค้าหันมาซื้อสินค้าจาก HANA ขึ้นเพื่อกระจายความเสี่ยง ทำให้โครงสร้างตลาดส่งออกเปลี่ยนแปลง โดย HANA ส่งออกไปยังมาเลเซีย มากสุดราว 33% ของรายได้ ตามด้วยจีน ฮ่องกง สหรัฐ และสิงคโปร์ ที่ 17%, 12%, 11% และ 10% ตามลำดับ และน่าจะเป็นเกราะป้องกันที่ดีเมื่อสหรัฐใช้มาตรการกีดกันทางการค้า ฝ่ายวิจัยจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2560-61 ขึ้น 30% และ 12% จากเดิม โดยคาดกำไรสุทธิปี 2560 จะเติบโตถึง 42% yoy ได้ Fair Value ใหม่ เป็น 57 บาท (เดิม 42 บาท) ขณะที่มีจุดเด่นคือ Dividend Yield สูงกว่า 4%
รัฐเตรียมเก็บภาษีที่ดินใกล้รถไฟฟ้า แต่น่าจะเกิดยาก
ตามที่เป็นข่าววานนี้ว่ากระทรวงการคลัง เตรียมพิจารณาร่างกฎหมายการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ปลูกสร้างใกล้โครงสร้างพื้นฐาน (ระบบขนส่งมวลชน เช่น รถไฟฟ้า และทางด่วน เป็นต้น)ภาครัฐ หรือ เอกชน ที่ตั้งระยะ 2-3 กิโลเมตร จากเดิมไม่เคยเก็บ ในอัตราไม่เกิน 5% ของมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง แต่จะมุ่งเน้นไปเฉพาะโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ หรือมีการเปลี่ยนมือหรือซื้อขาย
ทั้งนี้หากพิจารณาหุ้นกลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย ที่ฝ่ายวิจัย coverage รวมทั้งหมด 13 บริษัท พบว่ามีราว 6 บริษัทหลักๆ ที่เน้นสัดส่วนโครงการจากคอนโดมิเนียม และติดรถไฟฟ้าเกือบทั้งหมด อาทิ ANAN, SENA, ORI, PACE, LPN เป็นต้น โดยผู้ที่เน้นกลุ่มลูกค้าใกล้ทำเลรถไฟฟ้ามากที่สุด รายละเอียด :
ANAN (FV@B6) ซึ่งเน้นโครงการคอนโดมิเนียมเป็นหลัก สะท้อนจากโครงการทั้งหมดของบริษัท 30 โครงการมูลค่ารวม 9.93 หมื่นล้านบาท ซึ่งคอนโดมิเนียมสัดส่วนสูงสุด 88.5% ของมูลค่าโครงการรวม (อาทิ โครงการ IDEO 16 โครงการ) ที่เหลืออีก 15 % เป็นบ้านและทาวน์โฮม ซึ่งทำเลไม่ไกลจากทางด่วน อาทิ โครงการ Arden พระราม3 (ห่างจากทางด่วนพิเศษเฉลิมมหานคร 2.2 กิโลเมตรเป็นต้น), SENA([email protected]) มีโครงการรวมทั้งหมด 20 โครงการมูลค่ารวม 1.41หมื่นล้านบาท สัดส่วนคอนโดมิเนียม 68%ของมูลค่าโครงการรวม ส่วนใหญ่ใกล้รถไฟฟ้า อีก 32% เป็นบ้านและทาวน์โฮม
PACE([email protected]) 100 %เป็นโครงการคอนโดฯ หลักๆ คือ คอนโดฯ โครงการมหานคร มูลค่ารวม 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งติดสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี นอกจากนี้ยังมีโครงการนิมิตหลังสวน 8 พันล้านบาท
และ ORI ([email protected]) เกือบ 100% โครงการเป็นคอนโดมิเนียม ขณะที่ LPN([email protected]) แม้สัดส่วนโครงการ 100% จะเป็นคอนโดมิเนียม อย่างไรก็ตามทำเลที่ตั้งของโครงการส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ทำเลห่างไกลจาก BTS คาดว่าจะกระทบไม่มากนัก
อย่างไรก็ ปัจจุบันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น และฝ่ายวิจัยประเมินว่าร่างกฎหมายภาษีดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนในรายละเอียด เช่น ความซ้ำซ้อนในการจัดเก็บภาษีที่ดิน หลังจากภาครัฐได้บังคับใช้ พรบ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างซึ่งจะมีผลปี 2561 ซึ่งได้สะท้อนการจัดเก็บภาษีไปอยู่แล้ว , ทั้งนี้หากกรณีที่กระทรวงการคลังบังคับใช้ร่างกฎหมายภาษีดังกล่าวขึ้นจริง เชื่อว่าผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่มีโครงการบริเวณแนวโครงการรถไฟฟ้า จะต้องปรับแผนหรือนโยบายในการพัฒนา อาทิ การเปลี่ยนทำเลในการพัฒนา , การปรับราคาเพิ่มขึ้น โดยรวมเชื่อว่าโอกาสจะเกิดขึ้นยาก
Fund Flow ไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคเล็กน้อย และยังไม่มากพอที่จะผลักดันตลาดฯ
วานนี้ตลาดหุ้นไต้หวันยังคงหยุดทำการอีก 1 วัน แต่ตลาดหุ้นอื่นๆเปิดทำการเป็นปกติ โดยภาพรวมแล้วต่างชาติสลับมาซื้อสุทธิหุ้นในภูมิภาคราว 167 ล้านเหรียญ (หลังจากขายสุทธิเพียงวันเดียว) และเป็นการซื้อสุทธิเกือบทุกประเทศ ยกเว้นตลาดหุ้นอินโดนีเซียเท่านั้นที่ถูกขายสุทธิราว 11 ล้านเหรียญ (ขายสุทธิเป็นวันที่ 3) ส่วนตลาดหุ้นที่เหลืออีก 3 แห่ง ต่างชาติยังคงซื้อสุทธิติดต่อกันเป็นวันที่ 2 คือ เกาหลีใต้ถูกซื้อสุทธิอีกราว 25 ล้านเหรียญ, ฟิลิปปินส์ 11 ล้านเหรียญ และไทยถูกซื้อสุทธิสูงถึง 142 ล้านเหรียญ หรือ 4.8 พันล้านบาท อย่างไรก็ตามวานนี้มีบิ๊กล็อตหุ้น BJC มูลค่าราว 4.8 พันล้านบาท แล้วถ้าแรงซื้อดังกล่าวเกิดจากต่างชาติ ดังนั้นภาพรวมตลาดหุ้นไทยวานนี้อาจถูกต่างชาติซื้อหรือขายสุทธิเพียงเล็กน้อย ส่วนสถาบันในประเทศที่สลับมาขายสุทธิเล็กน้อยราว 346 ล้านบาท (หลังจากซื้อสุทธิติดต่อกันกว่า 10 วัน)
ส่วนทางด้านตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนสถาบันฯซื้อสุทธิราว 1.1 หมื่นล้านบาท ต่างกับนักลงทุนต่างชาติที่ขายสุทธิเล็กน้ 2.3 พันล้านบาท (หลังจากซื้อสุทธิติดต่อกัน 5 วัน)
ภรณี ทองเย็น เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ภราดร เตียรณปราโมทย์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 087636