- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 15 August 2014 18:10
- Hits: 2531
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ไม่หลุด 1530 ยังเลือกซื้อ & Let Profit Run”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ภาพตลาดวันก่อน : แกว่งแคบ เมื่อวานนี้ SET Index แกว่งในกรอบ 1538-1552 จุด ปิดตลาดอยู่ที่ 1541.97 (-2.58 จุด) ทั้งนี้นักลงทุนมีการขายทำกำไรหุ้นที่ปรับขึ้นแรงสลับออกมาบ้าง โดยปัจจัยที่มีน้ำหนักต่อตลาด ยังคงเป็นรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/57 ของบริษัทจดทะเบียน อย่างไรก็ตาม การอ่อนตัวที่ไม่มากโดยไม่หลุด 1530 จุด ทำให้ภาพตลาดยังอยู่ในโมเมนตัมบวก นักลงทุนสถาบันในประเทศ & ต่างชาติ & รายย่อยขายสุทธิ ส่วนพอร์ตบล.ซื้อสุทธิ 2.9 พันล้านบาท
ปัจจัยและกลยุทธ์ : อาจผันผวนในช่วงสั้น ตลาดยังอยู่ในช่วงรายงานกำไร 2Q57 ซึ่งในระยะสั้นควรระวังความผันผวนจากแรงขายทำกำไรเนื่องจากมีการซื้อหุ้นดักก่อนหน้ามาพอสมควร แต่ยังมีหลายปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นต่อ เช่น โมเมนตัมของเศรษฐกิจและผลประกอบการภาคธุรกิจของไทยที่จะดีขึ้นใน 6-12 เดือนข้างหน้า โดยล่าสุดคสช.ด้านเศรษฐกิจได้อนุมัติงบประมาณปี 58 + งบคงค้างของปี 57 วงเงินรวม 9.9 หมื่นล้านบาทเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมในปี 58 แล้ว ซึ่งเป็นบวกกับกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน เช่น รับเหมาก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง ธนาคารพาณิชย์ เครื่องจักร วัสดุ อุปกรณ์ และฐานราก ซึ่งหุ้นเด่นในกลุ่มดังกล่าว คือ CK, STEC, SCC, BBL, KTB เป็นต้น, Asset Class อื่นๆ ให้อัตราผลตอบแทนที่ยังไม่จูงใจมากนัก, ความกังวลสถานการณ์ความขัดแย้งในยูเครน, อิรัก และฉนวนกาซาผ่อนคลายลง, ความวิตกว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วชะลอตัวหลังจากตัวเลขภาคแรงงานออกมาอ่อนกว่าคาดและอัตราเงินเฟ้อสหรัฐอยู่ในระดับต่ำ เป็นต้น
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ซื้อใหม่เน้นซื้อตามค่าบวก ค่าลบหรือต่ำกว่า 1530 จุดดูไม่ดี โดยมีสิทธิอ่อนตัวไปที่ 1500, 1480 จุด นักลงทุนที่มีหุ้นเยอะและมีเงินสดเหลือน้อยควรลดพอร์ตตาม ส่วนการปรับขึ้นต่อมีแนวต้านระยะสั้น 1550-1560 จุด หุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อวันนี้เป็น KTB
Fundamental Pick
KTB แนะนำซื้อราคาปิด 23.10 บาท เป้าหมาย 30 บาท
* ความคืบหน้าของการลงทุนในโครงการภาครัฐที่จะมากขึ้นในช่วง 2H57 เป็นตัวกระตุ้นราคาหุ้นที่ดี โดยล่าสุดคสช.ทางด้านเศรษฐกิจได้อนุมัติงบประมาณปี 58 และงบประมาณคงค้างของปี 57 วงเงินรวม 9.9 หมื่นล้านบาทเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมในปี 58 แล้ว ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นสินเชื่อของธนาคารในปลายปี 57 และปี 58 ให้เติบโตดีขึ้น
* การเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียม และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเป็นอีก Key growth ของ KTBเนื่องจากฐานรายได้ส่วนนี้ของธนาคารยังต่ำเมื่อเทียบกับธนาคารขนาดใหญ่อื่นๆ ดังนั้นจึงมีRoom ที่จะขยายได้อีก ทั้งนี้เครือข่ายสาขาของธนาคารที่กระจายอยู่จำนวนมาก 1.18 พันสาขาทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเป็นปัจจัยหนุนรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่ดี
* Valuation จูงใจ ณ ราคาปัจจุบัน ซื้อขายที่ P/E ปี 57-58 เท่ากับ 9 เท่า และ 8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 12 เท่าและ 10 เท่า ตามลำดับ คาดการณ์ Dividend Yield ปี 57-58 ที่4.4% และ 5% ตามลำดับ แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 30 บาท อิงกับ P/BV ปี 58 ที่ 1.7 เท่า ซึ่งเทียบเท่ากับ P/E เป้าหมาย 10.2 เท่า
ปัจจัยต่างประเทศและโภคภัณฑ์
+ ยูเครน & อิสราเอล : ความตึงเครียดทางการเมืองผ่อนคลายลง
* สถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองในต่างประเทศมีทิศทางดีขึ้น โดยประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ปูติน ของรัสเซีย กล่าวว่ารัสเซียจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยยุติความขัดแย้งในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครนอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และมีรายงานว่าอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสยอมตกลงขยายเวลาหยุดยิงเพิ่มขึ้น 5 วันตามข้อเสนอของอียิปต์
+ อิรัก : อดีตนายกฯ ถอนการร้องเรียนและจะสละตำแหน่งให้นายกฯคนใหม่
* นายนูรี อัล-มาลิกี อดีตนายกรัฐมนตรีของอิรักจะถอนการร้องเรียนต่อประธานาธิบดี และพร้อมสละตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้แก่นายไฮดาร์ อัล-อาบาดี ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นผ่านการไกล่เกลี่ยโดยคนกลางคือนายคุดแฮร์ อัล-คูซาอี รองประธานาธิบดีอิรัก และอดีตนายกรัฐมนตรีอิบราฮิม อัล-จาฟารี ซึ่งเป็นผู้นำพรรค National Alliance ฝ่ายชีอะห์ที่มีอิทธิพลของอิรัก
- สหรัฐ : จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานฯเพิ่มเกินคาด
* รายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 9 ส.ค. เพิ่มขึ้น 21,000 ราย สู่ระดับ 311,000 ราย ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับเพียง 295,000 ราย
+ สหรัฐ : คาดเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ...ความวิตกเรื่องเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วอ่อนลง
* คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐยังอยู่ในระดับต่ำ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่าราคานำเข้าสินค้าเดือนก.ค.ปรับตัวลง 0.2%MoM เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมปรับตัวลดลง
* อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ ทำให้กระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดผ่อนคลายลง
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปรับขึ้นต่อ
* ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,713.58 จุด เพิ่มขึ้น 61.78 จุด หรือ +0.37% ดัชนีNASDAQ ปิดที่ 4,453.00 จุด เพิ่มขึ้น 18.87 จุด หรือ +0.43% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,955.18จุด เพิ่มขึ้น 8.46 จุด หรือ +0.43% โดยความตึงเครียดด้านการเมืองต่างประเทศผ่อนคลายลงเป็นปัจจัยกระตุ้น
- สัญญาน้ำมันดิบ : ร่วงแรงหลังความตึงเครียดในยูเครนและฉนวนกาซาคลี่คลายลง
* สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 2.01 ดอลลาร์ ปิดที่ 95.58 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ร่วงลง 2.27 ดอลลาร์ปิดที่ 102.01 ดอลลาร์/บาร์เรล เพราะมีสัญญาณบ่งชี้ว่าสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครนและฉนวนกาซาเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดี
• สัญญาทองคำ COMEX : ขยับขึ้นเล็กน้อย
* สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 1.2ดอลลาร์ หรือ 0.09% ปิดที่ 1,315.7 ดอลลาร์/ออนซ์
* สภาทองคำโลก (WGC) เปิดเผยในรายงานประจำไตรมาสว่าอุปสงค์ทองคำทั่วโลกร่วงลงในไตรมาส 2/57 เนื่องจากแรงซื้อของประเทศผู้ใช้ทองคำรายใหญ่อย่างจีนและอินเดียเริ่มกลับสู่ระดับที่ทรงตัวมากขึ้น ทั้งนี้อุปสงค์ทองคำในช่วงเดือนเม.ย.- มิ.ย.57 รวมทั้งหมดอยู่ที่ 964 ตันลดลง 16%YoY ซึ่งอุปสงค์ใน 2Q56 อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,148 ตัน
* รายงานของ WGC ระบุว่าธนาคารกลางในหลายประเทศได้ซื้อทองคำสุทธิ 118 ตัน เพิ่มขึ้น28%YoY โดยธนาคารกลางรัสเซียและคาซัคสถานเป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ที่สุดในไตรมาสนี้บ่งชี้ว่าความต้องการป้องกันความเสี่ยงจากเงินดอลลาร์สหรัฐมีมากขึ้น
ปัจจัยในประเทศ
+ งบลงทุนโครงสร้างพื้นฐานปี 58 อยู่ที่ 9.9หมื่นล้านบาท (งบใหม่ปี 58 + งบคงค้างปี57)
* คณะกรรมการยุทธศาสตร์พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งอนุมัติงบประมาณพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในปี 58 เท่ากับ 6.7 หมื่นล้านบาท เมื่อรวมกับงบประมาณคงค้างปี 57 ที่ 3.2หมื่นล้านบาท แล้วจะมีงบลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในปีหน้า 9.9 หมื่นล้านบาท โดยร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 58 จะเข้าสู่สภานิติบัญญัติภายในสัปดาห์หน้านี้
* โครงการลงทุนจะเน้นไปที่การก่อสร้างรถไฟรางคู่ 2 เส้นทาง (จิระ-ขอนแก่น และประจวบ-ชุมพร), สร้างถนน, ท่าเรือในแม่น้ำ และขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง* ความเห็น Retail Research DBS : การเร่งเดินหน้าลงทุนในโครงการพื้นฐานของรัฐบาล จะช่วยหนุนเศรษฐกิจ เพราะเป็นตัวตั้งที่จะทำให้อุตสาหกรรมที่อยู่ใน Supply Chain มีการฟื้นตัวดีตามไปด้วย เช่น รับเหมาก่อสร้าง, วัสดุก่อสร้าง, ธนาคารพาณิชย์, เครื่องจักรอุปกรณ์, ขุดเจาะฐานราก ฯลฯ ซึ่งหุ้นเด่นในกลุ่มดังกล่าวได้แก่ CK, STEC, SCC, BBL, KTB เป็นต้นนอกจากนั้นการขยายสนามบินเป็นบวกกับ AOT ซึ่งจะมี Capacity ที่จะรองรับผู้โดยสารได้มากขึ้นในอนาคตด้วย
• JAS : รอศาลตัดสินในช่วงเดือนก.ย.นี้ ถ้าไม่คุ้มครองชั่วคราว ก็จะเดินหน้าตั้งกองทุนIFF ต่อ
* ผู้บริหารและที่ปรึกษากฎหมาย JAS ชี้แจงข่าวต่างๆ ดังนี้
1. บริษัทปฏิเสธข่าวลือที่ว่าต้องการรับซื้อหุ้นคืนที่ราคา 5.60 บาท,
2. คดีฟ้องร้อง 2 คดียังไม่ส่งผลกระทบระยะสั้น เพราะน่าจะใช้เวลาต่อสู้ในกระบวนการศาล 7-10 ปี,
3. คดีเจ้าหนี้สถาบันการเงินต่างประเทศฟ้องร้องบริษัท มีวงเงินเสียหายที่คำนวณออกมาแล้วที่1,343 ล้านบาท (ประเมินราคาสินทรัพย์ตามราคาตลาดหักเงินบางส่วนที่ได้ชำระไปแล้ว) ไม่ได้เป็นระดับหมื่นล้านบาทอย่างที่เป็นกระแสข่าว,
4. กรณี TT&T ยื่นฟ้องบริษัท อคิวเมนท์ ขอให้ศาลบังคับให้อคิวเมนท์โอนหุ้นทริบเปิลทรี บรอดแบนด์จำนน 867.99 ล้านหุ้นให้กับผู้ถือหุ้น TT&T นั้น บันทึกข้อตกลงได้สิ้นสุดไปแล้วเมื่อ 19มิ.ย.2551,
5. รอศาลตัดสินว่าจะคุ้มครองชั่วคราวกรณี TT&T ขอให้ศาลคุ้มครองชั่วคราวการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (IFF) ซึ่งปัจจุบันก.ล.ต.กำลังพิจารณา โดยคาดว่าจะศาลจะตัดสินในเดือนก.ย.57 นี้ หากไม่มีการคุ้มครองชั่วคราว ก็จะเดินหน้าตั้ง IFF ต่อไป
• STA : กลับรายการด้อยค่าในสต็อก และกำไรจาก Hedging ช่วยหนุนผลประกอบการ2Q57
* กำไรสุทธิลดลง 49%YoY และ 61%QoQ เป็น 161 ล้านบาท โดยมีกำไรจาก Hedging 286ล้านบาทช่วยหนุน
* ยอดขาย 2Q57 ลดลง 18%YoY โดยหลักมาจากราคาขายเฉลี่ยที่ต่ำลง 25% แต่ปริมาณขายเพิ่มขึ้น 8% เป็น 2.85 แสนตัน เพราะอุปสงค์ในตลาดจีนยังคงเติบโตดี (+10%)
* อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเป็น 3.7% จาก 4.4% ใน 2Q56 แต่เพิ่มขึ้นจาก 2.6% ใน 1Q57 เพราะในไตรมาสนี้มีการกลับรายการสำรองด้อยค่าในสินค้าคงคลังเป็นรายได้ 587 ล้านบาท
* นักวิเคราะห์ DBS เห็นว่าราคายางพาราอยู่ในระดับที่ต่ำและมี Downside น้อยแล้ว โดยคาดว่าราคายาง TSR (Technically specified rubber) มีโอกาสจะลดลงไม่มาก เพราะปัจจุบันอยู่ที่ต่ำที่ 1.7 US$/กก.แล้ว ประเมินแย่สุดที่ 1.5 US$/กก.ซึ่งเท่ากับในช่วงวิกฤตแฮมเบอเกอร์ ราคาน้ำยางพาราที่ทรงตัวในเกณฑ์ต่ำน่าจะเป็นสิ่งที่ดีกับผู้ผลิตขั้นกลางอย่าง STA ในระยะต่อไปเพราะจะมีต้นทุนวัตถุดิบที่ไม่สูงและไม่ผันผวนทำให้บริหารสินค้าคงคลังได้ง่าย ส่วนในระยะกลาง-ยาวคาดว่าจะได้ประโยชน์จากการที่ราคายางพาราค่อยๆ ขยับขึ้น
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]