- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 25 May 2017 18:31
- Hits: 2909
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ผ่านและยืนเหนือ 1570 ได้ถือต่อ/ไม่ได้ขายก่อน
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ขยับขึ้นต่อเล็กน้อย ปิดตลาดที่ 1566.15 (+1.46 จุด) นักลงทุนยังใช้กลยุทธ์เลือกซื้อเป็นรายบริษัท ขณะที่ตลาดรวมออกแนว Sideways รอข่าวใหม่ ปัจจัยที่ต้องระวังมากขึ้นในภาพใหญ่ คือ SET Index ขึ้นมาบริเวณแนวต้าน 1570+/- แล้วจากที่ลงไปต่ำสุดประมาณ 1530+/- ในรอบนี้ ถ้าหากไม่ผ่านและยืนเหนือ 1570 ก็อาจมีการแกว่ง/อ่อนตัวอีกรอบ ส่วนกลยุทธ์ลงทุน-ยังเน้นการเลือกซื้อ/ถือเป็นรายตัว การเก็งกำไรตามรอบ-เลือกซื้อขายหมุนไป โดยไม่หวัง Gap กำไรมากนัก
สหรัฐ : รายงานการประชุมเฟดครั้งก่อนระบุว่ากรรมการส่วนใหญ่หนุนให้ปรับขึ้นดอกเบี้ย การชะลอตัวศก.เป็นเพียงชั่วคราว CME FedWatch ระบุโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 14 มิ.ย.นี้ เพิ่มเป็น 83% ส่วน Dollar Index ทรงๆอยู่ที่ 97+/-
ราคาน้ำมัน : รอผลประชุมวันนี้ (25 พ.ค.) เพื่อดูว่าจะขยายเวลาลดการผลิตออกไปถึงกลางปี 61 อย่างที่ตลาดคาดไว้หรือไม่
กนง.คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ตามคาด กรรมการระบุเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวค่อยเป็นค่อยไป ปัจจัยเสี่ยงส่วนใหญ่เป็นภายนอก
+ SYNEX : บริษัทได้เป็นตัวแทนขายสินค้าใหม่ๆ เข้ามาต่อเนื่อง (1Q60 มี 3 รายการ) และกำลังเจรจาคาดว่าจะสรุปได้ในใน 2Q60 อีก 2 รายการ รวมทั้งกำลังเร่งหาตัวแทนจำหน่ายสินค้าในกัมพูชา คาดกำไรปีนี้โต 20-25% ขณะที่ P/E ยังต่ำกว่าเฉลี่ยของกลุ่ม แนะนำซื้อ
+ TMT : ราคาเหล็กเดือนพ.ค.เริ่มนิ่ง หลังลดลงในเดือนเม.ย. ผู้ซื้อเริ่มกลับมาสะสมสต็อก ผลประกอบการ 2Q60 ของกลุ่มอ่อนลง QoQ เพราะมาร์จิ้นตก แต่คาดว่าจะดีขึ้นใน 2H60 หลังใช้วัตถุดิบราคาต่ำเต็มไตรมาส ประเมินปันผลปีนี้ 1.1 บาท/หุ้น ให้ Yield สูงถึง 7.6%
สำหรับหุ้นกลยุทธ์พื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น SYNEX
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก ต้าน 1570, 1580 ต่ำกว่า 1550 ลดพอร์ตตาม
สำหรับการ SCAN หุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ SYNEX, PTG, WICE, GCAP ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ INTUCH, MALEE, STAR, THANI, BR, UTP หุ้นแนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะ Take Profit คือ AMATA หุ้นหลุด List คือ BRR, SQ
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
สหรัฐ : กรรมการเฟดส่วนใหญ่เห็นว่าเศรษฐกิจที่ชะลอเป็นเพียงชั่วคราว และหนุนให้ปรับขึ้นดอกเบี้ย
# กรรมการส่วนใหญ่ระบุว่าเป็นเรื่องเหมาะสมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ หากเศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และรายงานระบุถึงอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงเมื่อเร็วๆนี้ ว่าเกิดขึ้นจากปัจจัยชั่วคราว และการใช้จ่ายผู้บริโภคจะฟื้นตัวขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เมื่อพิจารณาจากตัวเลขการจ้างงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รายได้และความมั่งคั่งของภาคครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ฟื้นตัวขึ้น
# นอกจากนี้รายงานการประชุมครั้งนี้ยังระบุว่ากรรมการเฟดได้หารือกันเกี่ยวกับแผนการปรับลดงบดุลบัญชีของเฟดซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งกรรมการเฟดเกือบทั้งหมดเห็นพ้องต้องกันว่า เฟดควรจะเริ่มปรับลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาล และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ในปีนี้
- สหรัฐ : ยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย.ลดลงเกินคาด
# ยอดขายบ้านมือสองร่วงลง 2.3%MoM ในเดือนเม.ย. สู่ระดับ 5.57 ล้านยูนิต มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.1% หลังรายงานยอดขายบ้านใหม่ว่าลดลง 11.4%MoM ไปเมื่อวันก่อนหน้านี้
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปรับขึ้นต่อ
# ดัชนี DJIA ปิดที่ 21,012.42 จุด เพิ่มขึ้น 74.51 จุด หรือ +0.36% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,404.39 จุด เพิ่มขึ้น 5.97 จุด หรือ +0.25% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,163.02 จุด เพิ่มขึ้น 24.31 จุด หรือ +0.40% หนุนโดยรายงานการประชุมเฟดที่กรรมการส่วนใหญ่หนุนให้ปรับขึ้นดอกเบี้ย
สัญญาน้ำมันดิบ : แกว่งแคบ ปิดอ่อนเล็กน้อย
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 11 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 51.36 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ลดลง 19 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 53.96 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่การประชุมโอเปกและผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกจะมีขึ้นในวันนี้ (25 พ.ค.) ซึ่งจะหารือเกี่ยวกับข้อเสนอในการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตออกไปอีก 12 เดือนจนถึงเดือนมิ.ย.61
สัญญาทองคำ : ปิดลดลงแต่ยังไม่หลุด 1250 US$/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 2.4 ดอลลาร์ หรือ 0.19% ปิดที่ระดับ 1,253.10 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ และหุ้นเด่น
กนง.มีมติเอกฉันท์คงดอกเบี้ยนโยบาย 1.5% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
# ที่ประชุมกนง.วานนี้ (24 ก.ค.) วันนี้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ทั้งนี้เศรษฐกิจไทยเติบโตขึ้น จากรายได้ภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้น การท่องเที่ยวฟื้นตัว ภาคส่งออกกลับมาเติบโต การลงทุนภาคเอกชนยังไม่กระเตื้องเร็ว ภาคอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวลง แต่ยังมีการลงทุนในโทรคมนาคม อิเลคทรอนิกส์ เป็นต้น ด้านอัตราเงินเฟ้อปรับขึ้นช้าโดยเฉพาะเงินเฟ้อจากฝั่งอุปสงค์
# ความเสี่ยงในประเทศเป็นเรื่อง NPL โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้า SME ส่วนปัจจัยเสี่ยงในต่างประเทศยังคงมีอยู่ เช่น นโยบายเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจจีน และความขัดแย้งทางการเมืองในต่างประเทศ เป็นต้น
+ รัฐบาลมั่นใจ EEC คึกคัก...เอกชน 30 รายจ่อเข้าลงทุน
# นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) เปิดเผยว่าหลังนายกรัฐมนตรีใช้อำนาจตาม ม.44 ปลดล็อกกฎหมายเกี่ยวกับขั้นตอนการลงทุนเชื่อว่าจะทำให้มีภาคเอกชนตัดสินใจเข้ามาลงทุนในพื้นที่ EEC ประมาณ 30 รายภายใน 1Q61 เบื้องต้นมีเอกชน 6 ราย แสดงความสนใจเข้ามาลงทุนแล้ว กิจการที่สนใจลงทุนเป็น 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น กลุ่มอากาศยาน ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซรถยนต์ไฟฟ้า อุปกรณ์การแพทย์ครบวงจร รวมถึงหุ่นยนต์และชิ้นส่วน
# นับเป็นบวกกับกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เช่น AMATA, ROJNA และ WHA ซึ่งมีพื้นที่นิคมอยู่ในภาคตะวันออก อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นได้ปรับขึ้นมาพอควร จึงควรระวังการแกว่งในช่วงสั้น
+ SYNEX (ราคาปิด 11.70 บาท) : ปี 60 เติบโตดี และ Valuation ต่ำกว่าเฉลี่ยของกลุ่ม
# SYNEX เป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าไอทีรายใหญ่ของไทย โดยช่วง 1Q60 มีธุรกิจใหม่เข้ามา คือ D-Link ซึ่งเป็นผู้นำผลิตภัณฑ์เครือข่ายชั้นนำระดับโลกประกาศแต่งตั้งให้ SYNEX เป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครือข่ายอย่างเป็นทางการ, เปิดตัวสินค้าใหม่ คือ "โดรน" จาก DJI และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการให้เป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้ากลุ่ม Apple (ยกเว้นกลุ่ม Smartphone)
# บริษัทกำลังเจรจาร่วมลงทุนกับพันธมิตรที่ทำธุรกิจไอทีอีก 2 ราย เพื่อที่จะร่วมกันจัดจำหน่ายสินค้า คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 300 ล้านบาท และข้อสรุปเรื่องร่วมทุนได้ภายใน 2Q60 และอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรท้องถิ่นในกัมพูชาเพื่อแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายของบริษัทอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้เพื่อขยายตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีรายได้จากต่างประเทศเพียง 5% ของรายได้รวมเท่านั้น
# การ Diversify กลุ่มสินค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้นจากเดิมที่เน้นเฉพาะ Smart Phone, การขยายตลาดไปต่างประเทศ และการให้บริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพ ทำให้มีโอกาสที่จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า
# กำไร 1Q60 เติบโต 50%YoY แต่ถ้าไม่รวมรายการกำไร FX จะเติบโต 46%YoY ส่วนทั้งปี 60 คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิจะขยายตัวได้ 20-25% ซึ่งมาจากยอดขายที่เติบโตขึ้น และประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ณ ราคาปัจจุบัน ซื้อขายที่ P/E ปีนี้ 19 เท่า ต่ำกว่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมค้าปลีกไอทีที่ 25 เท่า ยังผลให้ราคาหุ้นยังมี Upside ทั้งจากการเติบโตของกำไรและ Valuation ที่ต่ำกว่ากลุ่ม หากให้ P/E เป้าหมายอยู่ที่ 23-25 เท่า พบว่าราคาเป้าหมายจะเป็น 13.8.15.00 บาท/หุ้น ซึ่งมี Upside จากปัจจุบัน 18%-28%
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
(นวพร เชื้อเมืองพาน เรียบเรียง ;โทร.02-276-5976 อีเมล์: [email protected] )