- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 25 May 2017 18:04
- Hits: 1306
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวโน้มขึ้นทดสอบ 1575-1580 แนวรับ 1560
SET Index: 1570.86 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในระยะสั้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 1570 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง จึงทำให้การปรับตัวเพิ่มขึ้นยังมีความเสี่ยงในการถูกขายทำกำไร โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 1575-1580 จุด และมีแนวรับสำคัญที่ 1550 จุด ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขายทางเทคนิคไปทดสอบแนวรับที่ 1530 จุด
แนวต้าน : 1570 และ 1574
แนวรับ : 1568 และ 1565
SUPER = 1.70 / 1.74, DTAC = 43.00 / 44.00, BDMS = 18.20 / 18.60, BANPU = 18.20 / 18.40, PTG = 20.80 / 21.50
Master Ad (MACO TB; THB 1.36) – ซื้อ
แนวต้าน : 1.45 และ 1.50
แนวรับ : 1.36 และ 1.34
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวเทคนิคต่อเนื่อง พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นกลับขึ้นไปเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ MACO โดยมีแนวรับที่ 1.36 และ 1.34 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1.45 และ 150 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 1.30 ลงไป
Eureka Design (UREKA TB; THB 1.14) – ซื้อ
แนวต้าน : 1.22 และ 1.30
แนวรับ : 1.14 และ 1.12
ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างสูง หลังจากปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับของกรอบแนวโน้มขาลงแล้วสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 50
แนะนำซื้อ UREKA โดยมีแนวรับที่ 1.14 และ 1.12 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1.22 และ 1.30 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 1.08 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET…รอผลการประชุม OPEC
วันนี้เราคงจะทราบผลการประชุมของกลุ่ม OPEC ในช่วงเย็นๆ หากเป็นไปตามคาดคือ มีการขยายเวลาในการลดกำลังการผลิตออกไปอีก 6-9 เดือน ราคาน้ำมันน่าจะทรงๆ ตัวหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่หากเกิดลดกำลังการผลิตเพิ่มเข้าไปด้วยหรือผลการประชุมไม่มีอะไร คาดราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้นและลงแรง หากมาดูปฎิกริยาของบรรดา Hedge fund ก่อนการประชุม OPEC คือ สิ้นสุด ณ. วันที่ 16 พ.ค.จะพบว่าบรรดา Hedge fund กลับมา Long ราคาน้ำมันล่วงหน้าเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ถือเป็นสัญญาณในเชิงบวกช่วงสั้นกับตลาดน้ำมัน ดูรูปด้านซ้าย ส่วนข่าวที่ทางรัฐบาลสหรัฐจะขายน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ที่ประมาณ 270 ล้านบารเรล์ (จากทั้งหมด 688 ล้านบาร์เรล) ภายในเวลา 10 ปี คาดจะไม่ส่งผลอะไรกับราคาน้ำมัน (คิดเป็นการจำหน่ายเฉลี่ยต่อวันแค่ 0.1% ของปริมาณการใช้ต่อวันที่ประมาณ 96-97 ล้านบาร์เรล)
หากผลการประชุมเป็นไปตามคาด แล้วส่งผลให้ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น หุ้นพลังงานของไทยอย่าง PTTEP และ PTT น่าจะดีดตัวขึ้นรับข่าว จากรูปด้านขวา เราแสดงการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันเบรนท์ เทียบราคาหุ้น PTTEP นับตั้งแต่ปี 2007 พบว่าหากราคาน้ำมันขึ้นไปที่บริเวณ 55-60ดอลลาร์ต่อบารเรล์ ราคาหุ้น PTTEP จะแกว่งในกรอบ 100-105 บาทได้ ส่วนกรอบล่างหากผิดหวังผลการประชุมน่าจะลงมาที่ 90+/- บาท ดูจากเส้น Best fit line
ดัชนี SET ที่สามารถขึ้นมายืนเหนือ 1560 จุดได้ในทางเทคนิค ถือว่าดีเพราะขึ้นมาเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25 และ 75 วัน โดยตอนนี้ตลาดให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ที่เข้ามากระทบทั้งเชิงบวกและลบ โดยปัจจัยในเชิงลบที่เคยกดดดันตลาด อย่าง ผลการดำเนินงาน Q1/17 ของกลุ่มธนาคารหรือกลุ่มโรงพยาบาล ตลาดได้ย่อยไปหมดแล้ว จึงเหลือแต่รอปัจจัยทางพื้นฐานใหม่ๆ ที่คาดว่าไม่น่าจะมีอะไรที่เลวร้ายกว่าเดิม หากมีตอนนี้ก็เหลือแค่ประเด็นภัยก่อการร้าย และแนวโน้มการปรับฐานของตลาดหุ้นสหรัฐ
ประเด็นที่จะหนุนตลาดในตอนนี้ คงเหลือแค่การประเมินความถูกความแพงของตลาดและตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือน มากกว่าปัจจัยหนุนทางพื้นฐานของตลาด เพราะอยู่ในช่วงปลอดข่าวจนกว่าจะมีการประกาศงบ Q2/17 ของหุ้นกลุ่มในสถาบันการเงินในกลางเดือน ก.ค. โดยตอนนี้เราอาจได้เห็นทั้งแรงซื้อและขายของนักลงทุนต่างชาติชัดเจนขึ้น จากการเริ่มปรับตำแหน่งในการลงทุน หลังมีสัญญาณว่ากำไรของตลาดหุ้นไทย (EPS) น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน Q1/17 ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป
ตลาดช่วงปลายเดือนหลังขึ้นมาต่อเนื่อง น่าจะกลับมาทรงๆ เพื่อย่อยข่าวใหม่ๆ ที่เข้ากระทบ ทั้งทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ ราคาน้ำมันและตัวเลขเศษฐกิจภายใน โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่เรามองว่าจะยังพอเล่นได้และจะเป็นปัจจัยหนุนตลาดหลังจากนี้ คือ หุ้นในกลุ่มพลังงาน ค้าปลีกโรงพยาบาล โยงท่องเที่ยว อาหาร-เครื่องดื่มและธนาคารพาณิชย์ หุ้นในกลุ่มเหล่านี้ยังคงเน้นการเล่นแบบ Selective buy ไปก่อน จนกว่าจะเห็นการฟื้นตัวของกำลังซื้อภายใน และทิศทางราคาน้ำมัน โดยหุ้นในกลุ่มที่โตจากภายใน เราแนะนำ ซื้อเพิ่ม CPALL
วันนี้มองหุ้นในกลุ่มพลังงานน่าจะคึกคักขึ้นมา เพื่อเก็งผลการประชุมของกลุ่ม OPEC นอกจากนั้นน่าจะเริ่มเห็นแรงซื้อหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์เพิ่มมากขึ้นหลัง กนง. คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% โดยวันนี้คาดทิศทางดัชนี SET น่าจะยังสามารถแกว่งตัวขึ้นต่อหลังยังไม่มีปัจจัยในเชิงลบ ประกอบกับตลาดในต่างประเทศยังเล่นในแดนบวก โดยมีแนวต้านที่ 1570-1575 และแนวรับที่ 1564-1560 จุด และแนะนำเก็งกำไร CPALL SC LH และ ซื้อเพิ่ม SPALI
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,570.86 จุด เพิ่มขึ้น 4.71 จุด (+0.30%) มูลค่าการซื้อขาย16,926.53 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับขึ้นในกรอบแคบในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศหลังรายงานการประชุมเฟด (วานนี้) ส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ หากเศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง ขณะที่นักลงทุนยังจับตาการประชุมโอเปก (คืนนี้)
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย แกว่งขึ้นต่อเนื่อง เรามองว่าน่าจะเห็นเม็ดเงินเก็งกำไรทยอยเข้าซื้อโดยเฉพาะในกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นช้ากว่าตลาดน่าจะเริ่มทยอยฟื้นตัว โดยเรามองว่ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์น่าจะมีแรงฟื้นตัวโดยมีปัจจัยหนุนจากการทยอยเปิดตัวโครงการใหม่ๆในครึ่งปีหลัง เราแนะนำ SC SIRI SPALI สำหรับ SET Index เรามองแนวต้านที่ 1575จุด แนวรับ 1560 จุด
Technical Pick (PM) ...
Master Ad (MACO TB; THB 1.36) – ซื้อ
Eureka Design (UREKA TB; THB 1.14) – ซื้อ
Cash Balance Preview : คาดหลักทรัพย์ที่มีโอกาสจะติด Cash Balance สัปดาห์หน้า : ECF*, KOOL* (* ดูรายละเอียดของเงื่อนไขในบทวิเคราะห์ และกรณีหุ้นแม่ติด ฯ Warrant ทุกตัวของหุ้นนั้นจะติดตามด้วย)
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 – [email protected]/ [email protected]