- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 24 May 2017 18:37
- Hits: 3131
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
'เลือกซื้อค่าบวก/ถือเมื่อ SET เหนือ 1550'
- หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : TTCL (จากถือเป็น Fully Valued)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้บวกต่อ 6.96 จุดปิดที่ 1564.69 นำโดยแบงค์ใหญ่ หุ้นถ่านหิน นิคมอุตสาหกรรม รวมทั้งหุ้นกลาง-เล็กที่มีแนวโน้มกำไรดี นักลงทุนสถาบันในประเทศ & ต่างชาติซื้อสุทธิเพิ่มแบบมีนัยสำคัญ
- UK : นายกฯประกาศยกระดับการเฝ้าระวังภัยก่อการร้ายสู่ระดับสูงสุด หลังเกิดเหตุระเบิดที่แมนเชสเตอร์ อารีน่า เมื่อวานนี้
+ EU : เศรษฐกิจดีขึ้น ใน 1Q60 จีดีพีเยอรมนี +0.6% และมีโมเมนตัมดีต่อเนื่องใน 2Q60 แต่ยังน่าจะใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายถึงสิ้นปีนี้
• US : ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนพ.ค.ค่อนข้าง Mixed ภาคที่อยู่อาศัยชะลอลงแรง, ติดตาม 1. ร่างงบประมาณใช้จ่ายปี 61 มูลค่า 4.1 ล้านล้าน US$ ว่าจะได้รับอนุมัติจากสภาคองเกรสหรือไม่ หลังรัฐบาลทรัมป์ยื่นไปแล้วเมื่อวานนี้ 2. รายงานประชุมเฟดรอบก่อนที่จะออกมาวันนี้
-/• น้ำมัน : มีข่าวว่าทรัมป์จะทยอยขายน้ำมันจากคลัง SPR หากจริงก็จะกดดันราคาน้ำมันในระยะยาว จับตาผลประชุมโอเปก 25 พ.ค.60...ระวัง Sell on fact ถ้าผลประชุมออกมาตามคาด
• ไทย : การประชุมกนง.วันนี้ (คาดว่าจะคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% และคงระดับนี้ไว้ถึงสิ้นปี 60 คาดกลุ่มแบงค์ปีนี้กำไรโตเพียง 1-2%
+ TKN : คาดกำไร 2Q60 จะฟื้นตัวดีขึ้น QoQ และดีขึ้นชัดเจนใน 2H60 เพราะการผลิตโรงงานใหม่ดีขึ้นเป็นลำดับ ทำให้ต้นทุนคงที่ต่อหน่วยลดลงและมาร์จิ้นดีขึ้น ส่วนยอดขายต่างประเทศยังเติบโตสูง คาดกำไรช่วงปี 60-61-62 จะ +35% ต่อปี แนะนำซื้อ ให้ TP 27 บาท
+ THAI : ไม่เพิ่มทุนใน NOK ซึ่งมีข้อดี คือ 1. THAI ไม่ต้องหาเงินเพิ่ม เพราะบริษัทก็มี D/E สูงมากอยู่แล้ว ณ สิ้นมี.ค.60 อยู่ที่ 6.7 เท่า และ 2. รับรู้ส่วนแบ่งผลขาดทุนจาก NOK เข้ามาน้อยลง ในปี 59 NOK ขาดทุนสุทธิ 2.8 พันล้านบาท และ 1Q60 ขาดทุนสุทธิ 296 ล้านบาท
สำหรับหุ้นกลยุทธ์พื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น ROJNA
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก ต้าน 1570, 1580 ต่ำกว่า 1550 ลดพอร์ตตาม
สำหรับการ SCAN หุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ THANI, SQ, AMATA, BR, UTP ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ BRR, INTUCH, MALEE, STAR หุ้นแนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะ Take Profit คือ TCAP, TWPC, ANAN, RS, WINNER, SEAFCO, KSL หุ้นหลุด List -ไม่มี-
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
- อังกฤษ : เกิดเหตุรระเบิดที่แมนเชสเตอร์ อารีนา
# เมื่อวานนี้เกิดเหตุลอบวางระเบิดที่แมนเชสเตอร์ อารีนา ซึ่งเป็นสถานที่จัดการแสดงคอนเสิร์ตของนักร้องสาวอาเรียนา แกรนเด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 22 ราย และมีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 59 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุตัวมือระเบิดชื่อ ซัลแมน รามาดอน อาเบดี ได้แล้ว โดยระบุว่าเป็นการระเบิดเพื่อฆ่าตัวตาย
# นายกรัฐมนตรีอังกฤษประกาศยกระดับการเฝ้าระวังภัยก่อการร้ายจากระดับ "severe" (เข้มงวด) สู่ระดับ "critical" (วิกฤต) ซึ่งเป็นระดับสูงสุด หลังเกิดเหตุระเบิดโจมตีแมนเชสเตอร์ อารีนา
+ สหภาพยุโรป : ตัวเลขเศรษฐกิจดีขึ้น
# สำนักงานสถิติเยอรมนีรายงานว่า GDP ไตรมาส 1/60 ขยายตัว 0.6%YoY โดยได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งของยอดส่งออก รวมทั้งการลงทุนในอุตสาหกรรมเครื่องจักรและการก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้น และมีโมเมนตัมดีต่อเนื่องในไตรมาส 2/60
# มาร์กิตรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนพ.ค.ของเยอรมนี ขยายตัวสู่ระดับ 59.4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 48 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 58.0
# ดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นเดือนพ.ค.ของฝรั่งเศสขยายตัวเป็น 58.0 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 56.8
• สหรัฐ : รัฐบาลยื่นเสนองบประมาณประจำปี 61 ให้สภาคองเกรสพิจารณาแล้ว
# รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของปธน.ทรัมป์ได้ยื่นเสนองบประมาณประจำปี 2018 วงเงิน 4.1 ล้านล้านดอลลาร์ต่อสภาคองเกรสเมื่อวานนี้ (23 พ.ค.) โดยคาดว่างบประมาณดังกล่าวจะกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการขยายตัว 3% ต่อปี จากการใช้จ่ายของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น และการปรับลดภาษีทำให้การอุปโภคบริโภคดีขึ้น ซึ่งงบประมาณดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ต.ค.60
# ตามแผนสหรัฐจะมีการตัดงบประมาณราว 3.6 ล้านล้านดอลลาร์ออกจากโครงการสวัสดิการต่างๆ ในช่วง 10 ปี ข้างหน้า หรือราว 8% ซึ่งรวมถึงการยกเลิกและทดแทนกฎหมายประกันสุขภาพโอบามาแคร์, การยกเลิกการชดเชยเงินกู้เพื่อการศึกษา, การตัดงบสำหรับแสตมป์อาหาร และสวัสดิการบำนาญสำหรับข้าราชการ ส่วนการจัดเก็บภาษี จะมีการปรับลดขั้นบันไดในการคิดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จากปัจจุบัน 7 ขั้น เหลือเพียง 3 ขั้นโดยผู้มีรายได้ในขั้นสูงสุดจะเสียภาษีในอัตรา 35% ส่วนอีก 2 ขั้น เสียภาษีในอัตรา 25% และ 10% ซึ่งจะมีการถกรายละเอียดในการอภิปรายในสภาคองเกรส
- สหรัฐ : ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนพ.ค.ค่อนข้าง Mixed
# มาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นรวมภาคการผลิตและบริการของสหรัฐเพิ่มเป็น 53.9 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน
# ยอดขายบ้านใหม่เดือนเม.ย. -11.4%YoY สู่ระดับ 569,000 ยูนิต ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยับลงเพียง 1.5% สู่ระดับ 610,000 ยูนิต
# ดัชนีภาวะธุรกิจภาคบริการในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกลดลงสู่ 25.8 ในเดือนพ.ค. ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.59
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : บวกต่อ
# รัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์ได้ยื่นเสนองบประมาณประจำปี 2561 วงเงิน 4.1 ล้านล้านดอลลาร์ต่อสภาคองเกรสแล้วเมื่อวานนี้ โดยคาดว่างบประมาณดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการขยายตัว 3% ต่อปี แต่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่เฟดจะเปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนพ.ค.ในวันนี้ (24 พ.ค.)
# ดัชนี DJIA ปิดที่ 20,937.91 จุด เพิ่มขึ้น 43.08 จุด หรือ +0.21% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,398.42 จุด เพิ่มขึ้น 4.40 จุด หรือ +0.18% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,138.71 จุด เพิ่มขึ้น 5.09 จุด หรือ +0.08%
• สัญญาน้ำมันดิบ : ประคองตัว
# ความกังวลเกี่ยวกับข่าวที่ว่าประธานาธิบดีทรัมป์มีแผนทยอยขายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในระยะยาว ทั้งนี้ SPR นับเป็นคลังสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีปริมาณน้ำมันอยู่ราว 688 ล้านบาร์เรล ซึ่งเพียงพอสำหรับความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกเป็นเวลา 1 สัปดาห์
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 34 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 51.47 ดอลลาร์/บาร์เรล และ BRENT เพิ่มขึ้น 28 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 54.15 ดอลลาร์/บาร์เรล จับตาผลประชุมกลุ่มโอเปก 25 พ.ค.นี้ ซึ่งตลาดคาดว่าจะขยายเวลาลดปริมาณการผลิตจากมิ.ย.เป็นสิ้นปี 60 หรือสิ้นไตรมาส 1/61
- สัญญาทองคำ : อ่อนตัวลง
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 5.9 ดอลลาร์ หรือ 0.47% ปิดที่ระดับ 1,255.50 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ และหุ้นเด่น
+ TKN (ราคาปิด 20.50 บาท) : ผ่านช่วงแย่มาแล้ว กำลังฟื้นตัวและจะชัดเจน 3Q60 เป็นต้นไป
# ช่วงไตรมาส 1/60 ยอดขายในประเทศชะลอตัวลง (-1%) และยอดส่งออกเติบโตน้อยกว่าเป้าหมาย (+19% จากเป้าหมายที่ +30%) เพราะบริษัทประสบปัญหาเรื่องการผลิตของโรงงานใหม่ที่ยังไม่เข้าที่เข้าทางนัก ทำให้ผลิตสินค้าไม่ทันกับคำสั่งซื้อที่เข้ามา ซึ่งการผลิตได้ไม่เต็มที่ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเป็น 34.5% จาก 36.7% ในไตรมาส 1/59
# สำหรับไตรมาส 2/60 คาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นเมื่อเทียบ QoQ และน่าจะผลิตได้ดีขึ้นมากตั้งแต่ไตรมาส 3/60 เป็นต้นไป ยังผลให้ผลประกอบการ 2H60 จะเติบโตดีขึ้นจาก 1H60 เรายังคงเชื่อว่ากำไรสุทธิบริษัทจะสามารถเติบโตได้เฉลี่ยปีละกว่า 30% ในช่วงปี 60-61-62 เนื่องจากการขยายกำลังการผลิตเพิ่มเท่าตัว (ทยอยผลิตทีละเฟส ตั้งแต่ไตรมาส 1/60 โดยมีทั้งหมด 3 เฟส) และสินค้าได้รับความนิยมในการบริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดย TKN มีส่วนแบ่งการตลาดขนมขบเคี้ยวประเภทสาหร่ายอันดับ 1 ของไทยที่ 63% ซึ่งแข็งแกร่งมากๆ
# ราคาหุ้นที่อ่อนตัวลงมาเพราะผลประกอบการไตรมาส 1/60 ออกมาแย่กว่าคาดเป็นจังหวะทยอยซื้อสะสมเพื่อลงทุนเพราะธุรกิจมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวดีขึ้นในช่วง 1-2 ไตรมาสข้างหน้า ทาง DBSV ให้ราคาพื้นฐาน 27 บาท
+ ROJNA (ราคาปิด 5.85 บาท) : คาดกำไร 2H60 จะเพิ่มขึ้นมากหลังรับรู้รายได้โรงไฟฟ้า SPP3
# เราคาดว่ายอดขายที่ดินในนิคมจะดีขึ้นในปีนี้ และกำไรจะดีขึ้นมากใน 2H60 เพราะมีรายได้จากโรงไฟฟ้า SPP3 เข้ามาอีก 110 MW ในเดือนก.ค.60 จากปัจจุบันที่มีอยู่แล้ว 430 MW + โซลาร์ 3 บล็อกรวม 24 MW สำหรับแนวโน้มการขายที่ดินเห็นว่าจะดีขึ้นโดยเฉพาะใน EEC ซึ่งบริษัทมีนิคมอยู่ 2 แห่งที่รองรับโครงการระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก คือ ที่บ่อวิน และแหลมฉบัง จำนวน 2 พันไร่ (เป็นพื้นที่ขาย 1.5 พันไร่) ประมาณการว่ากำไรสุทธิปี 60 ของ ROJNA จะเติบโต 391% และปี 61 ขยายตัวต่อ 25% แนะนำซื้อ
-/+ NOK & THAI : บอดร์ด THAI มีมติไม่ใส่เงินเพิ่มทุนให้
# คณะกรรมการบริษัทการบินไทย (THAI) ตัดสินใจไม่ใส่เงินเพิ่มทุนใหม่ตามสิทธิให้กับ NOK อ้างเหตุผู้บริหารนกแอร์ไม่ยอมส่งแผนธุรกิจในอนาคตหลังเพิ่มทุนให้พิจารณาตามที่ร้องขอ หาก NOK เพิ่มทุนได้หมด สัดส่วนการถือของของ THAI จะลดเป็น 19% จากก่อนเพิ่มทุน 39.6% และหากกลุ่มจุฬางกูรที่ถือหุ้นเดิมอยู่ 22% ใช้สิทธิเพิ่มทุนในหุ้นแทนก็จะกลายผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 1 ใน NOK
# NOK เพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิมสัดส่วน 1 : 1 ราคาหุ้นละ 2.40 บาท และออก NOK-W1 อายุ 3 ปี ให้กับผู้จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนในสัดส่วน 4 หุ้นเพิ่มทุน : 1 วอร์แรนต์ (อัตราการใช้สิทธิ 1 : 1 ราคาใช้สิทธิ 5 บาท) กำหนดจองซื้อ 16-19, 22 พ.ค.60
# การที่ THAI ไม่เพิ่มทุนใน NOK ก็มีข้อดี คือ 1. ไม่กดดัน THAI จะต้องหาเงินเพิ่ม เพราะบริษัทก็มีหนี้สินต่อทุนที่สูงมากอยู่แล้ว โดย ณ สิ้นมี.ค.60 อยู่ที่ 6.7 เท่า และ 2. รับรู้ส่วนแบ่งผลขาดทุนจาก NOK เข้ามาน้อยลง โดยในปี 59 ทาง NOK ขาดทุนสุทธิ 2.8 พันล้านบาท และไตรมาส 1/60 ขาดทุนสุทธิต่ออีก 296 ล้านบาท
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]