- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 22 May 2017 18:59
- Hits: 2130
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'เลือกซื้อเล่นรอบ'
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งแคบ กลยุทธ์ยังเป็นการเลือกซื้อหุ้นรายบริษัท สำหรับหุ้นกลุยทธ์พื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น UTP ซึ่งคาดว่ากำไรบริษัทจะเติบโตก้าวกระโดดทั้งในปี 60 และปี 61 โดยจะเริ่มเห็นชัดเจนตั้งแต่ 3Q60 เป็นต้นไป ส่วนปัจจัยในตลาดวันนี้ ประกอบด้วย
สหรัฐ : นักลงทุนประเมินว่าเป็นการเร็วเกินไปที่จะมีการปลดปธน.ทรัมป์ของสหรัฐ จึงหันไปโฟกัสเรื่องดอกเบี้ย โดยประธานเฟดเซนต์หลุยส์หนุนให้ชะลอขึ้นดอกเบี้ยไว้ก่อนหลังตัวเลขเศรษฐกิจชะลอลง แต่โอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยกลางมิ.ย.60 ยังสูงถึง 78.5% (by CME)
ราคาน้ำมันดิบ : แกว่งกรอบแคบจนใกล้ประชุมกลุ่มประเทศผู้ผลิต 25 พ.ค.นี้...ควรระวัง Sell on fact ตามมาถ้าราคาน้ำมันปรับขึ้นแรงก่อนประชุม
ส่งออกเดือนเม.ย.ของไทยเติบโต 8.5%YoY เป็น 1.686 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ลดลงเมื่อเทียบ MoM โดยหลักมาจากราคาน้ำมันและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องสูงขึ้น สำหรับทั้งปี 60 คาดว่าการเติบโตในอัตรา 5% ที่เป็นเป้าหมายรัฐบาลอาจเป็นไปได้ยาก
+ UTP : คาดกำลังการผลิตใหม่ (+170%) จะเข้ามาตั้งแต่เดือนก.ค.60 เป็นต้นไป ยังผลให้รายได้และกำไรจะเติบโตก้าวกระโดดทั้ง YoY และ HoH ใน 2H60 และขยายตัวแกร่งต่อในปี 61 ทาง DBSV คาดการณ์กำไรปี 60-61 เพิ่มที่ +86% และ 38% แนะซื้อ ให้ TP 9.50 บาท
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ การซื้อใหม่ยังเน้นตามด้วยค่าบวกเป็นสำคัญ แนวต้าน 1555-1560, 1570 ต่ำกว่า 1540 ดูไม่ค่อยดี มีสิทธิอ่อนมายังแนวรับ 1530, 1520-1500
สำหรับการ SCAN หุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ INTUCH, MALEE, RS, IHL, WINNER ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ SPRC, BRR, TCAP, TWPC, ANAN, HTECH หุ้นแนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะ Take Profit คือ WORK, LST, AUCT, LIT, BEC หุ้นหลุด List -ไม่มี-
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
- รัฐบาลญี่ปุ่นยืนยันเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธใส่น่านน้ำญี่ปุ่นเมื่อวานนี้
สำนักข่าวยอนฮัพรายงานว่า เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธไม่ทราบชนิดในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ที่ 21 พ.ค.60 โดยขีปนาวุธลูกดังกล่าวได้ตกลงบริเวณนอกเขตเศรษฐกิจพิเศษ (EEZ) ซึ่งเป็นน่านน้ำของญี่ปุ่น ทางด้านเกาหลีใต้และสหรัฐกำลังอยู่ในระหว่างการวิเคราะห์หาชนิดและวิถีโคจรของขีปนาวุธดังกล่าว...นับเป็นการทดสอบขีปนาวุธครั้งที่ 8 ของเกาหลีเหนือในปีนี้
+ สหรัฐ : ความวิตกเรื่องการเมืองผ่อนคลาย หันมาโฟกัสเรื่องดอกเบี้ย
นักลงทุนได้หันเหความสนใจไปที่ความเห็นของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดจะเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 2-3 พ.ค.ในสัปดาห์นี้ และที่จะประชุมรอบต่อไปในวันที่ 13-14 มิ.ย.60 ทั้งนี้นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ เห็นว่าเฟดควรประวิงการขึ้นดอกเบี้ยไว้ก่อนหลังเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา
ด้าน CME Fedwatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ ล่าสุดนักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสราว 78.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย.
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปิดบวกหลังความกังวลเรื่องการเมืองผ่อนคลายลง
ดัชนี DJIA เพิ่มขึ้น 141.82 จุด หรือ 0.69% ปิดที่ 20,804.84 จุด ดัชนี S&P 500 บวก 16.01 จุด หรือ 0.68% ปิดที่ 2,381.73 จุด ดัชนี Nasdaq เพิ่ม 28.57 จุด หรือ 0.47% ปิดที่ 6,083.70 จุด ความกังวลเกี่ยวกับการเมืองสหรัฐผ่อนคลายลง
+/ ราคาน้ำมันดิบ : ขยับขึ้นต่อ...คาดกลุ่มโอเปกหนุนให้ขยายเวลาลดการผลิตในการประชุม 25 พ.ค.นี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบมิ.ย. เพิ่มขึ้น 98 เซนต์ หรือ 2.0% ปิดที่ 50.33 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ส่งมอบก.ค. เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 53.61 ดอลลาร์/บาร์เรล รมว.น้ำมันคูเวตสนับสนุนแนวคิดของซาอุดิอาระเบียและรัสเซียในการขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตออกไปถึงไตรมาสแรกของปีหน้า และ
คาดว่าสมาชิกกลุ่มโอเปกจะหนุนการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตดังกล่าวเช่นกันในการประชุมวันที่ 25 พ.ค.
ด้านเบเกอร์ ฮิวจ์ เปิดเผยว่าแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐเพิ่มขึ้นอีก 8 แท่น สู่ระดับ 720 แท่นในสัปดาห์ก่อน ซึ่งสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.58 และเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 18 ติดต่อกัน ส่งผลให้คาดว่าสหรัฐจะผลิตน้ำมันดิบสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 61
สัญญาทองคำ : ทรงตัว
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย 80 เซนต์ หรือ 0.06% ปิดที่ระดับ 1,253.60 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ และหุ้นเด่น
+ มูลค่าส่งออกเดือนเม.ย.60 ยังโตต่อที่ +8.5%YoY
# กระทรวงพาณิชย์จะรายงานตัวเลขส่งออกเดือนเม.ย.60 ในวันนี้ ซึ่งมีมูลค่า 16,864 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (+8.49%YoY) มูลค่านำเข้า 16,807 ล้านดอลลาร์ (+13.38%YoY) เกินดุลลดลงเหลือ 57 ล้านดอลลาร์ สำหรับมูลค่าส่งออก 4M60 อยู่ที่ 73,320 ล้านดอลลาร์ (+5.72%YoY) เกินดุลรวม 4,109 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้การส่งออกเดือนเม.ย.60 ขยายตัวได้จากราคาน้ำมันและผลิตภัณฑ์ที่ปรับขึ้นเป็นหลัก
# เราประเมินว่ามูลค่าส่งออกของไทยในปี 60 อาจจะเติบโตไม่ถึง 5% ตามที่กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งเป้าหมายไว้ เพราะการเติบโตในอัตราดังกล่าวหมายถึงต้องมีมูลค่าส่งออกเฉลี่ยต่อเดือนไม่น้อยกว่า 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นไปได้ค่อนข้างยาก (เดือนเม.ย.60 ส่งออกอยู่ที่ 1.68 หมื่นล้านดอลลาร์)
- ธุรกิจโฮมชอปปิ้ง & สื่อโฆษณาสั่นสะเทือน
# เจ้าของบริษัทผู้จำหน่ายกระทะโคเรีย คิง สั่งหยุดโฆษณาชั่วคราว หลังมีข้อมูลการทดสอบว่าคุณสมบัติไม่ได้เป็นไปตามที่โฆษณาไว้ และมีการกำหนดราคาขายสูงกว่าต้นทุนการผลิตมากเกินไป ขณะนี้รอผลการผ่าพิสูจน์กระทะจากเอ็มเทค กรมวิทยาศาสตร์บริการอีกรอบ
# วงการโฮมชอบปิ้งกำลังถูกจับตามองเรื่องการโฆษณาหลังมีกรณีกระทะโคเรีย คิงเกิดขึ้น หลายคนกังวลว่ารัฐจะเข้ามาควบคุมราคาสินค้าที่ขายผ่านโฮมชอบปิ้ง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจและยอดขายโฆษณาของธุรกิจสื่อต่างๆ
# สำหรับกระทะโคเรีย คิง ข้อมูลจากนีลเส็น ประเทศไทย ระบุว่าในปี 2559 ใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงถึง 1,651 ล้านบาท เป็นอันดับ 1 ในอุตสาหกรรม (อันดับ 2 เป็น เครื่องดื่มโค้ก ใช้เม็ดเงินโฆษณา 863 ล้านบาท) โดยกระทะโคเรีย คิงโฆษณาผ่านช่อง 9 (MCOT Family) มากที่สุดที่ 1,353 ล้านบาท (คิดเป็นประมาณ 50% ของรายได้รวมบริษัทในปี 2559) รองลงมาเป็นช่อง 3 ที่ 143 ล้านบาท (ประมาณ 1% ของรายได้รวม)
# นับเป็นลบกับวงการโฆษณาและธุรกิจสื่อ โดยกรณีของกระทะโคเรีย คิง คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อ MCOT มากที่สุด ถ้ารายได้ค่าโฆษณาจากผลิตภัณฑ์นี้หายไปจากรายได้บริษัทแล้วไม่มีโฆษณาผลิตภัณฑ์หรือรายได้อื่นเข้ามาทดแทน
+ UTP (ราคาปิด 7.40 บาท) : คาดกำไรจะเติบโตก้าวกระโดดในปี 60-61
# บริษัทอยู่ระหว่างการขยายกำลังการผลิตอีก 170% เป็น 3 แสนตันต่อปี โดยมีการติดตั้งเครื่องจักรและเครื่องผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้ในการผลิตใหม่ คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนก.ค.60 ยังผลให้ผลประกอบการ 2H60 จะเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดทั้ง YoY และ HoH ทั้งนี้อุปสงค์กระดาษในจีนและภูมิภาคอยู่ในระดับสูง ขณะที่อุปทานค่อนข้างตึงตัว ทำให้ราคากระดาษในจีนขยับขึ้น และราคาในไทยสูงขึ้นตาม (UTP มีส่วนแบ่งการตลาดในประเทศ 5% และมียอดขายให้กับผู้ประกอบการในประเทศ 95%) และอุตสาหกรรม Container board ฟื้นตัวหลังผู้ผลิตได้ตลาดส่งออกมากขึ้น
# ทางฝ่ายวิจัยฯ DBSV คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิปี 60-61 จะเติบโต 86% และ 38% ตามลำดับ แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 9.50 บาท อิงกับ P/E ปี 61 ที่ 12.5 เท่า (ใช้ Target P/E ปี 61 เพราะเป็นปีแรกที่กำลังการผลิตใหม่เข้ามาเต็มปี)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]