- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 19 May 2017 16:40
- Hits: 1275
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวต้าน 1550 แนวรับ 1530
SET Index: 1549.60 ปรับตัวเพิ่มขึ้นกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1550 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ทำให้การปรับตัวเพิ่มขึ้นยังอยู่ในกรอบจำกัด และยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับสำคัญที่ 1530 จุดบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ถ้าหลุดจะมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1510 จุดเป็นเป้าหมายในการปรับตัวลดลง และมีแนวต้านสำคัญที่ 1550 จุด
แนวต้าน : 1550 และ 1544
แนวรับ : 1544 และ 1540
BDMS = 18.20 / 18.60, BANPU = 17.50 / 18.00, AOT = 42.00 / 42.50, SUPER = 1.62 / 1.65, CPF = 24.50 / 24.90
Union Auction (AUCT TB; THB 7.55) – ซื้อ
แนวต้าน : 8.00 และ 8.50 / แนวต้านสำคัญ 8.80
แนวรับ : 7.55 และ 7.50
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวโน้มขาลงขึ้นมาได้แล้ว ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 50
แนะนำซื้อ AUCT โดยมีแนวรับที่ 7.55 และ 7.50 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 8.00 และ 8.50 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 7.30 ลงไป
Agripure Holdings (APURE TB; THB 2.58) – ซื้อ
แนวต้าน : 2.70 และ 2.84 / แนวต้านสำคัญ 3.10
แนวรับ : 2.58 และ 2.54
ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรในระยะสั้น ในขณะที่โครงสร้างในระยะยาวยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ APURE โดยมีแนวรับที่ 2.58 และ 2.54 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 2.70 และ 2.84 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 2.50 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET…หลังงบออก ค่า EPS ตลาดเพิ่มและ P/E ลดลง
หลังการประกาศงบ Q1/17 ของหุ้นที่จดทะเบียนในตลาด พบว่าหุ้นที่ถูกจัดทำในดัชนี IBEC MSCI Thailand ประมาณเกือบ 200 บริษัท มีกำไรต่อหุ้นใน 12 เดือนล่วงหน้า (EPS) เพิ่มขึ้น สะท้อนการฟื้นตัวของตลาด ขณะที่ค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าลดลงเหลือ 14.2 จากปกติก่อนหน้านี้ในปี 2017 สูงสุดที่ 14.6 เท่า ดูรูปด้านซ้าย แม้ค่า P/E จะยังลงได้ไม่มากเนื่องจากอัตราการทำกำไรใน Q1/17 ยังโตไม่ทั่วถึง คือจะโตเฉพาะบางกลุ่มอย่าง พลังงาน ปิโตรเคมี ส่งออก และค้าปลีก แต่ถือเป็นสัญญาณในเชิงบวกกับตลาด ที่ต้องไปรอลุ้นกำไรใน Q2/17
นอกจากนั้นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลของตลาดหุ้นไทย ตอนนี้ถือว่าสูงสุดในภูมิภาค คืออยู่ที่ประมาณใกล้ 3.2% เทียบภูมิภาคที่ต่ำกว่า3% (ดูรูปด้านขวา) การที่แนวโน้มการทำกำไรของตลาดดีขึ้น ค่า P/E ลดลง อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงสุดและดัชนียังขึ้นได้น้อยกว่าภูมิภาค เราจึงมองว่าความเสี่ยงของการลงแรงๆในตลาดหุ้นไทย น่าจะมีจำกัด เพียงแต่รอเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้า ซึ่งตอนนี้ยังไม่เห็นสัญญาณสัญญาญดังกล่าวน่าจะเกิดในช่วงที่ตลาดหุ้นสหรัฐปรับฐานหรือรอตัวเลขบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งน่าจะเห็นในช่วงปลาย Q2 ถึงต้นQ3/17
สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะหนุนดัชนีในรอบนี้ คาดจะเป็นหุ้นใหญ่ในกลุ่มหลัก อย่าง พลังงาน ปิโตรเคมี สื่อสารใหญ่ อสังหาริมทรัพย์สร้างบ้านธนาคารพาณิชย์ ผลิตอาหารและค้าปลีก หลังงบ Q1/17 ออกมาเริ่มทรงๆ หากเปลี่ยนแปลงก็ไม่มาก สำหรับความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความผันผวนมากที่สุด คือ ตลาดหุ้นสหรัฐไปไม่ไหว จากกรณีวิบากกรรมของนาย Donald trump ที่จะส่งผลให้การออกนโยบายทางเศรษฐกิจต่างๆ ต้องล่าช้าออกไป การขึ้นดอกเบี้ยและกำไรของตลาด ส่วนประเด็นอื่นๆ ยังมองไม่เห็น หากมีจะเป็นเชิงบวกกับตลาดมากว่า อย่าง การประชุมOPEC ในวันที่ 25 พ.ค. ส่วนปัจจัยกดดันจากภายใน ตอนนี้เหลือแค่รอดูตัวเลขเศรษฐกิจ
ในสัปดาห์หน้า ทิศทางตลาดหุ้น คาดจะยังไม่มีประเด็นอะไรใหม่ๆ ที่ใช้ในการลงทุน แต่ยังต้องติดตามเหตุการณ์ในสหรัฐ ดังนั้นการแกว่งตัวของดัชนีจะอิงกับตลาดหุ้นต่างประเทศ และราคาน้ำมัน โดยตลาดให้ความสำคัญกับการประชุมของกลุ่ม OPEC ที่คาดว่าจะตกลงขยายเวลาในการลดกำลังการผลิตออกไปอีก 9 เดือน อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามแรงซื้อและขายของนักลงทุนต่างประเทศ หลังงบ Q1/17 ออกมาหมดแล้ว โดยในหลายๆ ครั้งหลังการประกาศงบรายไตรมาสเสร็จ มักจะเห็นความเคลื่อนไหวของเม็ดเงินจากต่างประเทศที่ชัดเจนขึ้นทั้งซื้อและขาย
แนวโน้มทิศทางดัชนี SET ในวันสุดท้ายของสัปดาห์ คาดเริ่มทรงตัวขึ้นได้หลังเหตุการณ์ในสหรัฐยังไม่ส่งผลอะไรมาก หลังตลาดมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความขัดแย้งภายในของสหรัฐ โดยเมื่อคืนนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐสามารถดีดตัวขึ้นมาได้เล็กน้อย อันจะทำให้ทิศทางตลาดหุ้นเอเชียวันนี้มีการรีบาวน์กลับได้ แต่ยังต้องติดตามความคืบหน้าในสัปดาห์หน้า วันนี้มองดัชนีจะเปืดในแดนบวกแล้วซึมขึ้นไปทดสอบ 1550จุด โดยมีแนวต้านที่ 1550-1555 และแนวรับที่ 1542-1538 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อ KTC BANPU BA และ ERW
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,549.60 จุด เพิ่มขึ้น 3.72 จุด (+0.24%) มูลค่าการซื้อขาย15,873.32 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้แกว่งขึ้นในกรอบแคบทิศทางเดียวกับตลาดภูมิภาคเนื่องจากตลาดยังไม่มีปัจจัยหนุนใหม่เข้ามา ขณะที่นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์ทางการเมืองในสหรัฐฯ และการประชุม OPEC ในสัปดาห์หน้า (25 พ.ค.)
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย แกว่งแคบ แต่ภาพทางเทคนิครายสัปดาห์ยังดูไม่ดี โดย SET ยังคงทำ lower low ต่อเนื่อง และยังไม่สามารถกลับไปยืนเหนือระดับ 1552 จุด ซึ่งเป็นระดับค่าเฉลี่ย 25 สัปดาห์ ทำให้ยังไม่สามารถมองการดีดตัวขึ้นในช่วงนี้เป็นสัญญาณการกลับตัวได้ จนกว่า SET จะยืนเหนือระดับ 1552 จุดได้ต่อเนื่อง เราคาดว่าปริมาณการซื้อขายจะยังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยหนุนและขาดเม็ดเงินใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุน โดยการเก็งกำไรจะเน้นเป็นรายตัวเป็นหลัก เราแนะนำ DCC ,IRPC มองราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับที่มีความเสี่ยงไม่มาก และมีโอกาสลุ้นรีบาวน์ในระยะสั้นๆได้
Technical Pick (PM) ...
Union Auction (AUCT TB; THB 7.55) – ซื้อ
Agripure Holdings (APURE TB; THB 2.58) – ซื้อ
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 – [email protected]/ [email protected]