- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 18 May 2017 17:56
- Hits: 1129
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
มีโอกาสปรับลงตามตลาดต่างประเทศ? ภายใต้ปัจจัยกดดันจากประเด็นต่างประเทศที่มีน้ำหนักมากขึ้น โดยเฉพาะความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองของสหรัฐฯ หลัง ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ เข้าแทรกแซงการทำงานของหลายหน่วยงาน รวมถึง FBI และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทำให้คาดว่าอาจส่งผลกระทบต่อแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งการปฏิรูปภาษี การผ่อนคลายกฎระเบียยต่างๆ รวมถึงการใช้จ่ายของภาครัฐครั้งใหญ่ มูลค่ารวม 1.0 ล้านล้านUSD ตลอด 10 ข้างหน้า และล่าสุดอาจนำไปสู่การถอดถอน ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่ง
อย่างไรก็ตามคาดยังได้รับปัจจัยบวก จากทิศทางราคาน้ำมัน ที่คาดยังมีแนวโน้มปรับขึ้น หลังรัสเซีย (ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่) และซาอุดิอาระเบีย (ผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่) มีความเห็นตรงกันที่จะขยายระยะเวลาปรับการผลิตจากเดิมครบในเดือนมิ.ย.’60 เป็นมี.ค.’61 เพื่อให้ตลาดน้ำมันดิบเข้าสู่สมดุล ซึ่งคาดส่งผลดีต่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน ขณะที่กลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน Opec จะมีการประชุมในวันที่ 25/5/60
พร้อมแนะติดตามการประชุมเฟด 13 –14/6/60 (ขึ้น/ไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย)คาดเป็นปัจจัยที่สร้างความผันผวนให้กับภาพรวมตลาดจนถึงวันประชุม
ส่วนประเด็นในประเทศ ยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ ทางด้าน Fund Flow ยังมีความผันผวน จากแรงซื้อ/ขายสุทธิของต่างชาติ สลับกัน ขณะที่คาดกลุ่มธนาคารได้รับปัจจัยกดดันจากการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารขนาดใหญ่ในช่วง 1 –2 วันที่ผ่านมา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ NIM โดยแนะติดตามการประชุม กนง. วันที่ 24/5/60 (อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ปัจจุบัน 1.50%)
นอกจากนี้ยังแนะติดตามประเด็นที่สหรัฐฯ ระบุว่าไทยเป็น 1 ใน 16 ประเทศ ที่ทำให้สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า ล่าสูงสุดในรอบ 3 ปี มูลค่า 18,920 ล้านUSD หรือประมาณ 650,000 ล้านบาท และคาดสหรัฐฯ อาจมีมาตรการตอบโต้ออกมา (เช่น มาตรการด้านภาษี) ภายใน 90 วัน หรือประมาณต้น 3Q/60 โดยเฉพาะต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน รวมถึงประมง เป็นต้น
ส่วนทางด้านปัจจัยกดดันจากความไม่แน่นอนในการเปิดประมูลของภาครัฐ ซึ่งส่งผลต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น หลัง ครม. เห็นชอบประเด็นการปรับร่างทีโออาร์ใหม่สำหรับรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง และแนะให้จัดทำร่าง TOR ใหม่ เสร็จภายใน 3 เดือน คาดมีความเป็นไป ได้ที่จะเปิดประมูลในช่วง 2H/60
SET SET50 SET100
1,548.29 +1.94 983.98 -0.68 2,216.45 +0.99
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดต่างประเทศ DJIA -372.82, NASDAQ -158.64, S&P -43.64, FTSE -18.56, CAC -88.21 และ DAX -172.92 ภายใต้ความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดความขัดแย้งและเกิดความไม่แน่นอน ซึ่งอาจจะส่งผลให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและแผนการปฏิรูปภาษี ของ ปธน.ทรัมป์ฯ ต้องสะดุดลง รวมถึงอาจนำไปสู่การถอดถอน ปธน.ทรัมป์ฯ ออกจากตำแหน่ง
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. +US$0.41 อยู่ที่US$49.07 ต่อบาร์เรล หลัง EIA เปิดเผย สต็อกน้ำมันดิบ ล่าสุด ลดลง1.8 ล้านบาร์เรล แม้ต่ำกว่าที่คาดว่าจะลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล แต่เป็นการลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 6 ซึ่งช่วยลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด
ขณะที่แนะติดตามการประชุมกลุ่มโอเปก ในวันที่ 25/5/60 ที่คาดจะมีการพิจารณาขยายระยะเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปจนถึงมี.ค.’61 จากเดิมครบในเดือนมิ.ย.’60
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. +US$22.3 อยู่ที่ US$ 1,258.7 ต่อออนซ์ จากความวุ่นวายทางการเมืองในสหรัฐฯ กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยรวมถึงคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 13 –14/6/60 หลังสหรัฐฯ เปิดเผย ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้าน – เม.ย. ลดลง 2.6%MoM อยู่ที่ 1.17 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด นับแต่พ.ย.’59
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
16.07 1.86 3.16
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 50,634.68
สถาบัน 637.63
บัญชีหลักทรัพย์ -565.53
ต่างประเทศ 1,259.83
ในประเทศ -1,331.93
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +1,260 ล้านบาท สะสม YTD +9,718 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาทและ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ปี’59 ซื้อสุทธิสะสม 77,927 ล้านบาท)
ประเด็นที่ต้องติดตาม 18 - 19 พ.ค. 2560
18/5/60 สหรัฐฯ เปิดเผยผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
ดัชนีกิจกรรมการผลิตเขตมิด-แอตแลนติก - พ.ค.
ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนเม.ย.
19/5/60 ไม่มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯและยังแนะจับตา
(1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR และ CBG เป็นต้น
(2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี ’60 เช่น KBANK และ SCBเป็นต้น
(3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น และความต้องการในประเทศที่คาดดีขึ้น เช่น SCC
(5) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาคเอกชน ที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น SQ เป็นต้น
(6) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ IRPC, TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น
(7) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK
(8) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วง 2Q/60 เช่น AAV, AOT
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.11 อยู่ที่ 2.22%
(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +4.94 อยู่ที่ 15.59
หุ้นแนะนำ : LIT
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788