WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRAบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

ทิศทางตลาด
  ตามตลาดต่างประเทศ? หลังตลาดส่วนใหญ่กลับไปให้น้ำหนักต่อประเด็นความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งการปฏิรูปภาษี การผ่อนคลายกฎระเบียยต่างๆ รวมถึงการใช้จ่ายของภาครัฐครั้งใหญ่ มูลค่ารวม 1.0 ล้านล้านUSD ตลอด 10 ข้างหน้า ซึ่งทำให้ตลาดส่วนใหญ่ปรับลดลง
  รวมถึงความกังวลต่อการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบการประชุม 13 –14/6/60 ที่คาดเป็นปัจจัยกดดันภาพรวมตลาดจนถึงวันประชุม
  
  อย่างไรก็ตาม คาดยังได้รับปัจจัยบวก จากทิศทางราคาน้ำมัน ที่คาดยังมีแนวโน้มปรับขึ้น หลังรัสเซีย (ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่) และซาอุดิอาระเบีย (ผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่) มีความเห็นตรงกันที่จะขยายระยะเวลาปรับการผลิตจากเดิมครบในเดือนมิ.ย.’60 เป็นมี.ค.’61 เพื่อให้ตลาดน้ำมันดิบเข้าสู่สมดุล ซึ่งคาดส่งผลดีต่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน ขณะที่กลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน Opec จะมีการประชุมในวันที่ 25/5/60
  
  ส่วนประเด็นในประเทศ ยังไม่มีปัจจัยชี้นำ ทางด้าน Fund Flow ยังมีแรงขายสุทธิของต่างชาติ แต่มูลค่าไม่มากนัก ขณะที่คาดกลุ่มธนาคารได้รับปัจจัยกดดันจากการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารขนาดใหญ่ในช่วง 1 –2 วันที่ผ่านมา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ NIM โดยแนะติดตามการประชุม กนง. วันที่ 24/5/60 (อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ปัจจุบัน 1.50%)


  นอกจากนี้ยังแนะติดตามประเด็นที่สหรัฐฯ ระบุว่าไทยเป็น 1 ใน 16 ประเทศ ที่ทำให้สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า ล่าสูงสุดในรอบ 3 ปี มูลค่า 18,920 ล้านUSD หรือประมาณ 650,000 ล้านบาท และคาดสหรัฐฯ อาจมีมาตรการตอบโต้ออกมา (เช่น มาตรการด้านภาษี) ภายใน 90 วัน หรือประมาณต้น 3Q/60 โดยเฉพาะต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน รวมถึงประมง เป็นต้น
  ส่วนทางด้านปัจจัยกดดันจากความไม่แน่นอนในการเปิดประมูลของภาครัฐ ซึ่งส่งผลต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น หลัง ครม. เห็นชอบประเด็นการปรับร่างทีโออาร์ใหม่สำหรับรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง และแนะให้จัดทำร่าง TOR ใหม่ เสร็จภายใน 3 เดือน คาดมีความเป็นไป ได้ที่จะเปิดประมูลในช่วง 2H/60

SET SET50 SET100
1,546.35 +8.93 984.66 +3.91 2,215.46 +11.58

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
  (-/+) ตลาดต่างประเทศ DJIA -2.19, NASDAQ +20.20, S&P -1.65, FTSE +67.66, CAC -11.30 และ DAX -2.51ภายใต้ความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐฯ ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการผลักดันมาตรการปฏิรูปภาษี และการใช้จ่ายงบประมาณจำนวนมากเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ หลังมีรายงานว่า ทรัมป์ได้เปิดเผยข้อมูลจากฝ่ายข่าวกรองเกี่ยวกับกลุ่มรัฐอิสลาม (ISIS) ให้กับรัสเซีย 
  อย่างไรก็ตาม DJIA ปรับลดลงในกรอบจำกัด ขณะ Nasdaq ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นวันที่ 2 ภายใต้ปัจจัยบวก (1) ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม – เม.ย. เพิ่มขึ้น 1.0% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่ก.พ.’57 และดีกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% และ (2) ผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่และดีกว่าคาด เช่น โฮม ดีโปท์
  ขณะที่ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านของสหรัฐฯ – เม.ย. ลดลง 2.6%MoM อยู่ที่ 1.172 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับแต่พ.ย.’59 และต่ำกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 1.26 ล้านยูนิต 
  ส่วนตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยลบจาก (1) ยอดขายรถยนต์ในยุโรป – เม.ย. ลดลง 6.6% อยู่ที่ 1.1 ล้านคัน หลังได้รับผลกระทบจากช่วงวันหยุดในเทศกาลอีสเตอร์ และ (2) ตัวเลข GDP –1Q/60 ขยายตัว 0.5%QoQ ไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการเบื้องต้นก่อนหน้านี้ และสอดคล้องกับคาดการณ์ 

P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
16.05 1.87 3.17

ที่มา : www.set.or.th

มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 54,852.02
สถาบัน 1,390.51
บัญชีหลักทรัพย์ -1,235.45
ต่างประเทศ -91.8
ในประเทศ -63.26

   ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. -US$0.19 อยู่ที่US$48.66 ต่อบาร์เรล ส่วนหนึ่งจากการขายทำกำไร หลังราคาน้ำมันปรับขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ยังได้รับปัจจัยหนุนจากประเด็นที่รัสเซียและซาอุดิอาระเบีย เห็นพ้องที่จะขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปจนถึงมี.ค.’61 ซึ่งมีเป้าหมายให้ตลาดน้ำมันดิบทั่วโลกกลับสู่ภาวะสมดุลอีกครั้ง   
  โดยรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก และซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดนั้น มีกำลังการผลิตรวมกันราว 20 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 1 ใน 5 ของปริมาณการใช้น้ำมันรายวันทั่วโลก
  ขณะที่กลุ่มโอเปก จะประชุมกันในวันที่ 25/5/60 เพื่อหารือต่อประเด็นดังกล่าว
  ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. +US$6.4 อยู่ที่ US$ 1,236.4 ต่อออนซ์ หลังเงินสหรัฐฯ อ่อนค่า จากความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐฯ ภายใต้ประเด็นที่ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์เปิดเผยข้อมูลลับให้กับรัสเซียข้างต้น ส่งผลให้นักลงทุนตัดสินใจเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงดังกล่าว
   (-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -92 ล้านบาท สะสม YTD +8,459 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาทและ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ปี’59 ซื้อสุทธิสะสม 77,927 ล้านบาท)
  (+) ก.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผย จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ - เม.ย. เพิ่มขึ้น 6.97%yoy อยู่ที่ 2.83 ล้านคน และรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ - เม.ย. เพิ่มขึ้น 7.64%yoy อยู่ที่ 140,000 ล้านบาท ขณะที่ 4M/60 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มขึ้น 2.91%  อยู่ที่ 12.02 ล้านคน และรายได้ 622,000 ล้าน เพิ่มขึ้น 4.71%  โดยมีเป้าหมายรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติปี’60 ที่ 1.8 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จาก 1.64 ล้านล้านบาท เมื่อปี’59 และคาดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ อยู่ที่ 34 - 35 ล้านคน เพิ่มจาก 32.59 ล้านคน เมื่อปี’59

ประเด็นที่ต้องติดตาม 17 - 19 พ.ค. 2560 
  17/5/60 สหรัฐฯ เปิดเผยสต็อกน้ำมัน
  18/5/60 สหรัฐฯ เปิดเผยผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
  ดัชนีกิจกรรมการผลิตเขตมิด-แอตแลนติก - พ.ค. 
  ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนเม.ย. 

  19/5/60 ไม่มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ
และยังแนะจับตา
  (1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR และ CBG เป็นต้น
  (2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี ’60 เช่น KBANK และ SCBเป็นต้น
  (3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
  (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น และความต้องการในประเทศที่คาดดีขึ้น เช่น SCC
  (5) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาคเอกชน ที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น SQ เป็นต้น
  (6) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ IRPC, TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น 
  (7) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK
  (8) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วง 2Q/60 เช่น AAV, AOT

  ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.01 อยู่ที่ 2.33%(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) 
  ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.23 อยู่ที่ 10.65
  หุ้นแนะนำ : MTLS
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!