- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 17 May 2017 19:22
- Hits: 2507
SET Index: ทดสอบแนวต้าน 1550 แนวรับ 1530
SET Index: 1550.93 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 1550 จุด หลังจากเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคที่บริเวณแนวรับของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 1530 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายไม่สูงมาก ทำให้การปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะสั้นยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลง โดยมีแนวรับที่ 1530 จุด และมีแนวรับถัดไปที่ 1510 จุดเป็นเป้าหมายในการปรับตัวลดลง และมีแนวต้านสำคัญที่ 1550 จุด
แนวต้าน : 1550 และ 1554
แนวรับ : 1544 และ 1540
AOT = 41.50 / 42.00, CPF = 24.60 / 25.00, BDMS = 18.60 / 19.00, KBANK = 184 / 186, PTT = 390 / 394
Energy Earth (EARTH TB; THB 2.48) -ซื้อ
แนวต้าน : 2.60 และ 2.70 / แนวต้านสำคัญ 2.80
แนวรับ : 2.48 และ 2.44
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวเทคนิคในระยะสั้น พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากปรับตัวลดลงค่อนข้างแรงไปทดสอบแนวรับที่บริเวณ 2.00 ในขณะที่โครงสร้างในระยะสั้นยังมีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่อง
15 Min: MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวในเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 70
แนะนำซื้อ EARTH โดยมีแนวรับที่ 2.48 และ 2.44 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 2.60 และ 2.70 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 2.40 ลงไป
Asia Precision (APCS TB; THB 7.65) -ซื้อ
แนวต้าน : 8.00 และ 8.50 / แนวต้านสำคัญ 8.90
แนวรับ : 7.60 และ 7.50
ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคต่อเนื่อง พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวลดลงต่อเนื่อง แต่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเข้าใกล้ระดับ 0 เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ APCS โดยมีแนวรับที่ 7.60 และ 7.50 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 8.00 และ 8.50 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 7.20 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tamavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET…แรงกดหุ้นธนาคารใหญ่จะเป็นช่วงสั้น
หลังการประกาศน้ำหนักของ MSCI ความกังวลที่เคยกดดันตลาดเริ่มคลายตัวลงเนื่องจากน้ำหนักในตลาดหุ้นไทยเปลี่ยนแปลงไม่มาก นอกจากนั้นตลาดปรับตัวลงมารับข่าวผลการดำเนินงาน Q1/17 ที่ทยอยประกาศไปหมดแล้ว หลังจากนี้เราคาดว่าทิศทางดัชนี SET น่าจะเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้นจากแรงหนุนของตัวเลข GDP ใน Q1/17 ที่ออกมาดีกว่าคาดจากแรงหนุนของการบริโภคภายใน รวมทั้งมาตรการของรัฐที่ผลักดันให้ธนาคารลดส่วนต่างดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบการรายย่อย แม้จะมีแรงกดดันหุ้นใหญ่ในกลุ่มธนาคารบ้าง แต่คงไม่มาก
สำหรับหุ้นที่จะช่วยหนุนตลาดหลังจากนี้ หลังการประกาศตัวเลข GDP น่าจะเป็นหุ้นที่โตจากภายในทั้งค้าปลีก โยงท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ และเครื่องดื่ม นอกนั้นจะเป็นหุ้นในกลุ่มพลังงานที่กำลังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันในตลาดโลก หลังซาอุฯ และรัสเซีย บรรลุข้อตกลงในการขยายเวลาในการลดกำลังการผลิตออกไปถึงเดือน มี.ค. 2018
หากแยกการขยายตัวของตัวเลข GDP ใน Q1/17 ที่ขยายตัวสูงสุดในรอบ 4 ปี คือ กำลังซื้อภายใน ส่งออกและท่องเที่ยว กำลังซื้อภายในที่เพิ่มสูงขึ้น น่าจะส่งผลดีกับ CPALL เนื่องจากเชื่อมตรงกับผู้บริโภค ส่วนท่องเที่ยวที่เห็นได้ชัด คือ AOT จากการกลับมาฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจากจีนและอาเซียน
แรงหนุนภายในและนอกหลังจากนี้ ยังคงเป็น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ราคาน้ำมันและตลาดหุ้นในภูมิภาค ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงยังคงเป็นแนวโน้มการปรับฐานของตลาดหุ้นสหรัฐ หลังตลาดมองกำลังจะขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ ทั้งอัตราการทำกำไรของตลาดใน Q2/17 ที่คาดจะโตเพียง 8.6% เทียบ Q1/17 ที่ประมาณ 14.7% และการเผชิญกับการดอกเบี้ยขาขึ้น โดยคาดกันว่าการประชุมในเดือนหน้าทาง FED น่าจะขึ้นดอกเบี้ย หากตลาดหุ้นสหรัฐเกิดการปรับฐาน ผลที่จะกระทบกับตลาดหุ้นไทย คาดจะมีแต่ไม่มาก เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาค เพราะขึ้นมาน้อยมาก
มาตรการที่ธนาคารใหญ่ลดดอกเบี้ยเงินกู้แต่ไม่ลดเงินฝากเพื่อลดส่วนต่างดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบการรายย่อย SME แม้จะส่งผลกระทบต่ออัตราการทำกำไรของธนาคารใหญ่ในปีนี้ แต่น่าจะช่วยสร้างรายได้ระยะยาวให้กับธนาคาร จากการขยายตัวของสินเชื่อ ที่ทาง BoT คาดว่าจะขยายตัว4-6% เทียบปี 2016 ที่ 2% ผลของมาตรการส่วนหนึ่งหุ้นใหญ่กลุ่มธนาคารได้ปรับตัวลงมาก่อนหน้านี้บ้างแล้ว อย่างไรก็ตามหากหันมามองแนวโน้มการทำกำไรของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ใหญ่-กลาง 5 ธนาคารพบว่ายังไม่ดีแต่ไม่มาก ส่วนหนึ่งมาจากผลมาตรการดังกล่าว แต่หากกลับมามองค่า ROE ของหุ้นในกลุ่มธนาคารไทยทั้งหมดพบว่ากำลังดีขึ้นตามลำดับ สวนทางกับภูมิภาคที่ชะลอตัวลง (ดูรูปด้านซ้ายและขวา)
วันนี้มองทิศทางดัชนี SET อาจผันผวนบ้างแต่ไม่มากจากแรงขายทำกำไร โดยดัชนีคงจะแกว่งทั้งแดนบวกและลบและสุดท้ายน่าจะขึ้นมาปิดเหนือ 1550 จุดได้ หลังดัชนีลงมาในจุดต่ำสุดบริเวณ 1530+/- จุด รับข่าวผลการดำเนินงาน Q1/17 และน้ำหนักใน MSCI โดยมองตลาดยังมีแรงหนุนจากหุ้นพลังงาน ปิโตรเคมี ค้าปลีกและแรงซื้อคืนหุ้นธนาคารพาณิชย์ นอกจากนั้นจะเป็นหุ้นขนาดเล็ก วันนี้มองแนวต้านที่ 1552-1557 และแนวรับที่ 1542-1538 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร STEC LH INTUCH และ GFPT
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,550.93 จุด เพิ่มขึ้น 4.58 จุด (+0.30%) มูลค่าการซื้อขาย 24,199.54 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับขึ้น โดยมีแรงซื้อจากกลุ่มธนาคารกลับมาหลังตลาดตอบรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไปเมื่อวานนี้ ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้แกว่งบวก-ลบ ติดตามการเคลื่อนไหวของ Fund Flow และราคาน้ำมัน
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย แกว่งแคบ หาก SET ยืนปิดเหนือ 1550จุดได้ มีโอกาสทดสอบแนวต้านบริเวณ 1560 จุด แต่หากไม่ผ่านก็จะมองการดีดตัวขึ้นเป็นแค่เทคนิเคิลรีบาวน์ โดยมีแนวรับที่ 1535 จุด และ 1520 จุด อย่างไรก็ตามเรามองกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีน่าสนใจ หากราคาอ่อนตัวลง ซึ่งมองว่าทิศทางราคาน้ำมันน่าจะมีแนวโน้มลงจำกัด แนะนำ IRPC PTT PTTEP ติดตามการประชุมของกลุ่มโอเปกในสัปดาห์หน้า (25 พ.ค.)
Technical Pick (PM) & Cash Balance...
Energy Earth (EARTH TB; THB 2.48) - ซื้อ
Asia Precision (APCS TB; THB 7.65) - ซื้อ
Cash Balance Preview : คาดหลักทรัพย์ที่มีโอกาสจะติด Cash Balance สัปดาห์หน้า : NEWS* (* ดูรายละเอียดของเงื่อนไขในบทวิเคราะห์ และกรณีหุ้นแม่ติด ฯ Warrant ทุกตัวของหุ้นนั้นจะติดตามด้วย)
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]