- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 17 May 2017 19:19
- Hits: 2042
Today’s Report : Strategy Report, Commodities WoW, DRT, ERW
Our Portfolio May 17 : CPF, GLOBAL, SYNEX, TACC, THANI
ระยะสั้นทำกำไรบริเวณ 1550 จุด ระยะกลาง-ยาวยังแนะนำถือต่อ
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET รีบาวด์ขึ้นมาได้ตามคาดนำโดยหุ้นในกลุ่มพลังงานจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นหลังรัสเซียและซาอุฯเห็นพ้องกันเรื่องการขยายระยะเวลาปรับลดกำลังการผลิตออกไปจนถึง 1Q18 ขณะที่หุ้นขนาดกลาง-เล็กที่ถูกเทขายในช่วงก่อนหน้าก็เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาและปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างดี โดยฝั่งสถาบันในประเทศเริ่มพลิกมามียอดซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 1.4 พันลบ.หลังจากขายติดต่อกัน 4 วันก่อนหน้า ขณะที่นักลงทุนต่างชาติเริ่มชะลอการขายเช่นกัน
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET index ยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากการปรับพอร์ตของสถาบันในประเทศที่คาดว่าใกล้สิ้นสุด ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯเมื่อคืนออกมาค่อนไปในทางลบทำให้ความน่าจะเป็นที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนหน้าปรับตัวลดลงจาก 83% ในสัปดาห์ก่อนเหลือ 74% ซึ่งคาดว่ามีโอกาสที่กระแสเงินทุนจะไหลกลับเข้ามาหนุนสินทรัพย์เสี่ยง ขณะที่ด้านเทคนิคมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านบริเวณ 1550 จุด ซึ่งหากทะลุผ่านได้จะทำให้ภาพดูเป็นบวกมากขึ้น แต่หากไม่สามารถทะลุผ่านโอกาสที่จะไหลย้อนลงมายังมี
กลยุทธ์ : ระยะสั้น ขายทำกำไรบริเวณ 1550 จุดหากไม่สามารถทะลุผ่าน ระยะกลาง-ยาว ยังแนะนำถือ
แนวรับ 1540-1536 , 1532-1530 จุด
แนวต้าน 1548-1550 , 1555-1560
หุ้นเด่นทางเทคนิค : AUCT, DCC, COM7 (buyback)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$243ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$188ล้าน ขณะที่ไหลออกเวียดนามและไทย US$2.9ล้าน และ US$2.7ล้าน ตามลำดับ แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคหลังมีความน่าจะเป็นลดลงที่ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากการประชุมครั้งถัดไป โดย Fed watch ล่าสุดเหลือ 73% จาก 83% ในสัปดาห์ก่อน
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) ตัวเลขเศรษฐกิจยูโรโซนดีขึ้น หนุนเงินยูโรแข็งค่า GDP 1Q17 ของยูโรโซน +0.5% Q-Q, +1.7% Y-Y ตามตลาดคาด ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ (ZEW survey) เดือน พ.ค. แข็งแกร่งสุดในรอบ 9 เดือนที่ 35.1 จุด อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษเพิ่มขึ้นเป็น 2.7% ในเดือน เม.ย. สูงสุดนับตั้งแต่ ก.ย. 2013 สวนทางกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ (Housing starts, Building permits) แย่ลง บวกกับประเด็นการเมืองของทรัมป์ เรื่องการเผยข้อมูลลับให้รัสเซีย ซึ่งอาจมีผลต่อตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ ยิ่งกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่า เม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย
(+) แม้ PE ของตลาดจะไม่ถูก แต่เริ่มมีหุ้นที่น่าสนใจ แม้ว่า PE ปี 2017 ณ ระดับ SET Index ปัจจุบันที่ 1,546 จุด จะคิดเป็น 15.0 เท่า อยู่ในระดับกลางๆ ไม่ถูกไม่แพงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาค แต่เมื่อพิจารณาจาก EPS Growth ของตลาดหุ้นไทยในปีนี้ที่คาดขยายตัว 9% Y-Y ถือเป็นอัตราการเติบโตค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน ทำให้ PEG ของตลาดหุ้นไทยปัจจุบันอยู่ที่ 1.7 เท่า ขณะที่ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านส่วนใหญ่มี PEG ต่ำกว่า 1 เท่า ตลาดหุ้นไทยจึงดูมีเสน่ห์น้อยลงในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ แต่หลังจากการปรับฐานของหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่เคยมี High growth และ PE แพงในช่วงที่ผ่านมา เราพบว่ามีหุ้นบางตัวเริ่มน่าสนใจ แนะนำ EA (ราคาพื้นฐาน 33 บาท) GFPT (ราคาพื้นฐาน 21 บาท) IRPC (ราคาพื้นฐาน 7.40 บาท) MTLS (ราคาพื้นฐาน 36 บาท) LIT (ราคาพื้นฐาน 13 บาท) SYNEX (ราคาพื้นฐาน 15.50 บาท) TACC (ราคาพื้นฐาน 11.50 บาท) TISCO (ราคาพื้นฐาน 80 บาท) WORK (ราคาพื้นฐาน 62 บาท)
(+) ERW เรายังคงมุมมองเป็นบวกต่อทิศทางการเติบโตของ ERW จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่เป็นขาขึ้นนำโดยการเติบโตของรัสเซีย และจีนที่เริ่มฟื้นชัดเจน การลงทุนใหม่ๆ (เปิด Hop Inn ในไทยและฟิลิปปินส์ เป็นต้น) ยังเป็นไปตามแผนและเชื่อว่าจะไม่ฉุดภาพรวมของทั้งกลุ่ม เห็นได้จากโรงแรมใหม่ที่เปิดในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จ การจาย Portfolio ที่แข็งแกร่ง เรายังคงประมาณการกำไรปกติปีนี้ +20.6% Y-Y คงคำแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 6 บาท
(+) DRT กำไรดีกว่าคาด +95% Q-Q, +5% Y-Y จากยอดขายที่โตได้ดีทุกช่องทางการจัดจำหน่ายหลังรุกขยายตลาดแบบ Full Multi Channel ทำให้สัดส่วนยอดขายผ่าน Modern Trade และตลาดส่งออกไปยัง CLMV เพิ่มขึ้น บวกกับรายได้เกษตรกรดีขึ้น หนุนกำลังซื้อของผู้บริโภคในต่างจังหวัดดีขึ้น เราปรับกำไรปกติปีนี้ขึ้น 4% เป็น +21% Y-Y ปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 6.60 บาทจาก 6.30 บาท ปรับคำแนะนำขึ้นเป็นซื้อ จากเดิมถือ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
17 พ.ค. - ยูโรโซน:อัตราเงินเฟ้อ (เม.ย.)
18 พ.ค. - ญี่ปุ่น:1Q17 GDP (ตลาดคาด +1.8% annualized)
- ฟิลิปปินส์: 1Q17 GDP
- อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI)ประชุม
19 พ.ค. - สิงคโปร์: 1Q17 GDP
23 พ.ค. - ไทย:ยอดขายรถ (เม.ย.)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านใหม่ (เม.ย.)
24 พ.ค. - ไทย: กนง.ประชุม (คาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.5%)
- ยูโรโซน:Markit Eurozone Composite PMI (พ.ค.)
- สหรัฐ:ยอดขายบ้านเก่า (เม.ย.), FOMC Meeting Minutes
25 พ.ค. - เกาหลีใต้:ธนาคารกลาง (BoK)ประชุม
26 พ.ค. - สหรัฐ: 1Q17 GDP
29 พ.ค. - ไทย:ดุลการค้า (เม.ย.)
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนปิดลบเล็กน้อย จากตัวเลขเศรษฐกิจที่ไร้ทิศทาง ประกอบกับ ยังมีแรงกดดันจากปัจจัยด้านการเมืองซึ่งอาจกระทบต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ นำโดยกลุ่มยานยนต์หลังตัวเลขยอดขายรถยนต์ในยุโรปเดือนเม.ย.ปรับตัวลดลง
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดลบตามทิศทางตลาดโลกนำโดยตลาดญี่ปุ่นเพราะค่าเงินเยนที่แข็งค่า เนื่องจากมีความกังวลต่อปัจจัยการเมืองสหรัฐฯ
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้ปรับตัว Sideway ในกรอบแคบ โดยล่าสุดเคลื่อนไหวในแถว 34.43-34.46 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ปิดลบ 0.19 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 48.66 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยแม้มีข่าวว่าผู้ผลิตหลายรายเห็นชอบในขยายระยะเวลาลดการผลิตไปถึง มี.ค.2018 แต่ตลาดยังกังวลต่ออุปทานสหรัฐฯ โดย API ระบุสต๊อกน้ำมันดิบเพิ่ม 0.9 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ปิดบวก 6.40 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,236.40 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยมีแรงหนุนจากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์เนื่องจากปัจจัยด้านการเมืองสหรัฐฯ
Contact person : Jitra Amorntham Register : 014530 Tel: 02-646-9966 www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: fss_research