- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 12 May 2017 19:09
- Hits: 2622
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดตลาดปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ถือเป็นจุดสูงสุดของวันที่ 1564.31 จุด เพิ่มขึ้น 4 จุด แกว่งตัวแคบ ๆ สลับขึ้นลงยืนทั้งในแดนบวกและลบ ก่อนที่ช่วงบ่ายเผชิญแรงขายหนักในลักษณะกระจายตัวลงแทบทุกกลุ่มอุตสาหกรรมกดดัชนีไหลลงเข้าสู่แดนลบและลงอย่างต่อเนื่อง ที่มีจุดต่ำสุดของวันที่ 1546.81 จุด ลดลง 13.50 จุด ทำให้ทั้งวันมีกรอบการเคลื่อนไหวที่ 17.5 จุด ทั้งนี้หุ้นที่มี Impact ต่อการปรับตัวลงของดัชนีได้แก่ BANPU, SCC, KBANK, TKN, PTTGC, TRUE, TASCO, AAV ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1550.27 จุด ลดลง 10.04 จุด (-0.64%) มูลค่าการซื้อขาย 54,342 ล้านบาท
ภาพตลาดวันนี้
ดัชนีวานนี้พักตัวลงแรงต่อเป็นวันที่ 2 ซึ่งช่วงเช้าดูเหมือนมีความพยายามทรงตัวยืน 1560 จุด แต่ก็ไม่สามารถยืนได้ ก่อนที่จะไหลลงหนักหลุด Low เดิม (1553) ลงไปทำ New Low ที่ 1546 จุด ซึ่งเป็นบริเวณ Gap (1545-1547) ที่เปิดไว้เมื่อ 16 มี.ค. ที่ผ่านมา แต่ยังปิดไม่สนิท ก่อนที่จะดีดกลับขึ้นมาทำปิดที่ 1550 จุด ซึ่งคงต้องลุ้นยืนให้อยู่ แต่เราให้น้ำหนักที่ยังคงลงได้อีก ที่แนวรับ 1540-1545 จุด ซึ่งให้นัยสำคัญ 1545 จุด เนื่องจากจะเป็นการปิด Gap ได้สนิทและเป็นบริเวณ Fibonacci Projections 61.8% แต่หากรับไม่อยู่มีโอกาสทดสอบแนวรับระดับเดือนที่ 1534 จุด ขณะที่แนวต้าน 1555-1560 จุด
พรรณนภา เขมะสุรัตน์ Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110 Tel 02- 6481124 Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
Company Update & News Comment
(-) ANAN : กำไรปกติ 1Q17 ลดลงมากทั้ง QoQ และ YoY แต่จะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้
(+) CPALL : กำไร 1Q17 เติบโตตามนัด การเติบโตยอดขายสาขาเดิมพลิกเป็นบวก
(+) ERW : กำไรสุทธิ 1Q17 ทำได้ดี เพิ่มขึ้นทั้ง QoQ และ YoY แนวโน้มยังสดใส
(+) FSMART : กำไร 1Q17 เติบโตดีกว่าคาด
(+) GFPT : รายงานกำไร 1Q17 เติบโตโดดเด่น ปรับประมาณการสะท้อนราคาไก่
(-) KCE : คาดกำไร 2Q17 ยังไม่ฟื้นตัวนัก แต่มองแนวโน้มดีขึ้นช่วงครึ่งปีหลัง
(0) PTTGC : รายงานกำไรสุทธิเติบโตก้าวกระโดดจาก spread ที่สูงผิดปกติใน 1Q17
(-) PTG : กำไรสุทธิ 1Q17 ต่ำกว่าที่คาดมาก มองค่าการตลาดฟื้นตัวได้ครึ่งปีหลัง
(0) SMT : กำไรสุทธิ 1Q17 ยังทรงตัว แต่ดีกว่าตลาดคาดเล็กน้อย
ปัจจัยและทิศทางตลาดหุ้นไทย
เช่นเดียวกับวานนี้ ที่ปัจจัยต่างประเทศ ยังเป็นเรื่องเดิมๆ คือ ดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่คาดว่า Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่สองของปีนี้ ในการประชุม FOMC 14 มิ.ย. (Fed Fund Rate Implies Probabilities สำหรับโอกาสที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ย ยังอยู่ที่ 95%) ขณะที่ฝั่งของยุโรปนั้น เริ่มมีความกังวลในเรื่อง BRExit และภาวะเศรษฐกิจเข้ามาในตลาด ผนวกกับปัจจัยทั้งบวกและลบอีกหลายตัว กดดันให้นักลงทุนชะลอการซื้อขายในตลาดลง ขณะเดียวกัน การรายงานผลประกอบการของบริษัทต่างๆ ในตลาดหุ้นทั่วโลก เป็นปัจจัยเฉพาะตลาด และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ดัชนีฯของตลาดหุ้นสหรัฐฯและยุโรป ปรับตัวลดลงในคืนที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันดิบ WTI ได้ปัจจัยหนุนให้เดินหน้าขึ้นมาที่ $47 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตัวแปรอื่นๆ ถูกมองว่ามีน้ำหนักมากกว่า การสูงขึ้นของราคาน้ำมันซึ่งควรจะเป็นบวกต่อตลาด จึงถูกบดบังไป
ปัจจัยต่างประเทศในวันนี้ เราเห็นว่า จะยังไม่เป็นตัวช่วยของตลาดหุ้นไทยเช่นเดียวกับวันที่ผ่านมา
ปัจจัยในประเทศ การรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง (วันสุดท้าย คือ เช้า 16 พ.ค.) แม้กำไรของบริษัทที่รายงานมาแล้ว เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ แต่หุ้นที่มีการรายงานผลประกอบการในช่วงสัปดาห์นี้ หลายตัวกำไรลดลงหรือต่ำกว่าคาด ยังเป็นลบต่อ sentiment ของตลาดวันนี้
จากข้อมูลตั้งแต่ต้นสัปดาห์ แรงขายของนักลงทุน และข้อมูล NVDR นั้น นักลงทุนไม่ได้เจาะจงขายที่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่กลับเป็นหุ้นบางตัวของแต่ละกลุ่ม ในลักษณะของการลดพอร์ตหุ้นจากปัจจัยเฉพาะตัว ไม่ใช่เพียงการขายตามภาวะตลาดแต่เพียงอย่างเดียว
เราคาดทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ตลาดต่างประเทศที่หลายแห่งเป็นลบ มีความกังวลเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯเข้ามา และการขายอย่างต่อเนื่องของนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย ที่ยังมีให้เห็น คาดจะยังกดดันต่อดัชนีฯในวันนี้ ให้มีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงต่อ
กลยุทธ์การลงทุน จากแรงขายที่คาดจะยังมีอยู่ในตลาด และมีทิศทางที่ไม่ชัดเจน โดยรวมๆ เราแนะนำให้ชะลอการลงทุน และถ้าดัชนีฯไม่สามารถพยุงตัวให้อยู่เหนือระดับ 1550 จุด นักลงทุนอาจเลือกที่จะ "ลดพอร์ต" เพื่อลดความเสี่ยง หรือถือเงินสดรอซื้อหุ้นรอบใหม่ ...... สำหรับนักเก็งกำไรช่วงสั้น ควรเล่นแบบ "ลงซื้อ ขึ้นขาย" จนกว่าตลาดจะมีทิศทางที่ดีกว่านี้ ………….. สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิเช่น ADVANC , CPALL , BH, MTLS*
* เป็นหุ้นที่แนะนำในเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
ประเด็นสำคัญ
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (11 พ.ค.) - SET Index ปิดที่ระดับ 1,550.27 จุด ลดลง 10.04 จุด -0.64% มูลค่าการซื้อขาย 54,342.21 ล้านบาท จากแรงขายที่เข้ามาในหุ้นขนาดกลาง-เล็ก โดยเฉพาะหุ้นที่ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/60 ออกมาไม่ดี และยังมีมุมมองในอนาคตที่ไม่ดีด้วย โดยตลาดฯยังขาดเม็ดเงินใหม่เข้ามาหนุนดัชนีฯโดยเฉพาะหุ้นที่อิงกับเศรษฐกิจของประเทศที่มีโอกาสที่จะปรับตัวลง และยังมีประเด็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด จากประธานเฟดแต่ละสาขาที่ออกมาแสดงความคิดเห็น
ตลาดหุ้นต่างประเทศ - ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด 20,919.42 จุด ลดลง 23.69 จุด หรือ -0.11% หลังจากบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงด้วย และตลาดยังได้รับปัจจัยกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้าโดย ดัชนี Stoxx Europe ลดลง 0.6% ปิดที่ 394.03 จุด
ราคาน้ำมันดิบ WTI - สัญญาน้ำมันดิบ เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 47.83 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว และตลาดยังคงได้แรงหนุนหลังจากอิรักและอัลจีเรียได้ออกแถลงการณ์สนับสนุนการขยายระยะเวลาปรับลดกำลังการผลิตไปจนถึงสิ้นปีนี้
เศรษฐกิจสหรัฐ - กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 2,000 ราย ในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 236,000 ราย สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 245,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนเม.ย.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนมี.ค.
เศรษฐกิจอังกฤษ - ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติด้วยคะแนนเสียง 7-1 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และยังมีมติให้คงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 4.35 แสนล้านปอนด์ และคงวงเงินซื้อหุ้นกู้ในภาคเอกชนที่ระดับ 1 หมื่นล้านปอนด์
เศรษฐกิจอังกฤษ - ปอนด์ร่วงลงในวันนี้เทียบดอลลาร์และยูโร หลังมีการเปิดเผยการผลิตในภาคอุตสาหกรรมของสหราชอาณาจักรที่อ่อนแอกว่าที่คาดไว้ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) รายงานว่า ตัวเลขการผลิตในภาคอุตสาหกรรมของสหราชอาณาจักรปรับตัวลง 0.5% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และตัวเลขขาดดุลการค้าของสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.344 หมื่นล้านปอนด์ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นอันดับ 3
เศรษฐกิจจีน - รถยนต์ - สมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งชาติจีน (CAAM) เปิดเผยว่า ยอดการผลิต และยอดขายรถยนต์ของจีนลดลงในเดือนเม.ย. จากการปรับเพิ่มอัตราภาษีขาย และอุปสงค์ที่ลดลง โดยยอดขายรถยนต์ลดลง 2.2% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สู่ระดับ 2.08 ล้านคัน ส่วนยอดการผลิตลดลง 1.9% สู่ระดับ 2.14 ล้านคัน
เศรษฐกิจไทย - 'บรรยง' อัดบีโอไอ 3 ปีลงทุนลดหด โรดโชว์ไร้ผล เตือนหนี้สาธารณะระเบิด เลขาฯแจงส่งเสริมไม่เหมือนเดิม เน้นคุณภาพ ขุนคลังขู่แบงก์พาณิชย์ลดสเปรดดอกเบี้ย ช่วยเอสเอ็มอีรายย่อย ธนาคารเมิน ชี้ส่วนต่างแคบแล้ว พณ.ชี้แจงเกินดุลมะกันยกความสัมพันธ์ 2 ประเทศ
น้ำมัน - อิรักและอัลจีเรียได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันว่า เพื่อแสดงจุดยืนในการสนับสนุนการขยายระยะเวลาปรับลดการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกและกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มไปจนถึงสิ้นปีนี้ โดยอิรักซึ่งเป็นประเทศผลิตน้ำมันใหญ่อันดับ 2 ของโอเปก ได้ให้คำมั่นลดกำลังผลิต 210,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 4.351 ล้านบาร์เรล/วันในช่วงระยะเวลาดังกล่าว
พลังงานทดแทน - พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในวันที่ 15 พ.ค.นี้ จะมีการหารือเรื่องการปรับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยะยาวปี 58-79 (PDP2015) ซึ่งคาดว่าจะมีการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น และจะมีการรายงานสถานการณ์พลังงานโลก รวมถึงเรื่องการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (โซลาร์ฟาร์ม) สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร ระยะที่ 2 จำนวน 219 เมกะวัตต์ ซึ่งจะประมูลเสร็จสิ้นในเดือนมิ.ย.นี้ รวมถึงให้กพช.พิจารณาโควตาโซลาร์ฟาร์ม ส่วนราชการที่เหลืออีก 300 เมกะวัตต์ ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปด้วย
News Release :
PTTGC เจ๋ง! Q1 โต 180% กำไรทะลัก 1.3 หมื่นล้าน ราคาขาย-สเปรดปิโตรฯพุ่ง บุ๊คกำไรค่าเงิน
+ "PTTGC" สุดเจ๋ง! ประกาศงบไตรมาส 1/60 โชว์กำไรสุทธิ 13,182 ล้านบาท โตกระฉูด 180% รับผลบวกราคาขาย-สเปรดปิโตรเคมีพุ่ง แถมบุ๊คกำไรอัตราแลกเปลี่ยน 1,529 ล้านบาท คาดช่วงที่เหลือของปีนี้ราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ 50-55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล(ข่าวหุ้น)
SAWAD ซดกำไร 700 ล. โบรกฯคาด Q2 สวยเพิ่ม
+ ศรีสวัสดิ์พาวเวอร์ หรือ SAWAD โชว์ผลงานไตรมาส 1/60 กำไรสุทธิเฉียด 700 ล้านบาท เติบโต 65% ตั้งเป้าปีนี้สินเชื่อรวมแตะ 2.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่บอร์ดไฟเขียวแผนลงทุน "ลาว-เวียดนาม" ลั่นปีนี้รุกตลาดสินเชื่อประเทศเพื่อนบ้าน ด้านโบรกฯ มอง กำไรรายไตรมาสในปีนี้จะดีขึ้นอีกจากการถือหุ้นใน BFIT (ข่าวหุ้น)
ไอ้โม่งทุบ EARTH ติดฟลอร์ ลือหุ้นใหญ่วงแตก-Q1 ทรุด
- ไอ้โม่งทุบ EARTH ร่วงหนักติดฟลอร์ ปล่อยข่าวลือ "ผู้ถือหุ้นใหญ่ทะเลาะกัน-งบ Q1 ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน" ฟาก "เอ็มดี" ปฏิเสธไม่เป็นความจริง ย้ำผู้ถือหุ้นใหญ่ยังเหนียวแน่น-พื้นฐานบริษัทไม่เปลี่ยน จ่อแจ้งงบ Q1 วันที่ 15 พ.ค.นี้(ข่าวหุ้น)
GFPT ดีเกินคาด กำไร Q1 พุ่ง 54% รับส่งออกไก่โต
+ "GFPT" แจ้งงบไตรมาส 1/60 ดีเกินคาด โกยกำไรสุทธิ 424 ล้านบาท พุ่ง 54.29% พร้อมกวาดรายได้ 4,119 ล้านบาท โต 5.60% หลังรายได้ธุรกิจเนื้อไก่แปรรูปเพิ่มขึ้น 12.91% จากปริมาณส่งออกสินค้าไก่แปรรูปไปญี่ปุ่น-มาเลเซียมากขึ้น(ข่าวหุ้น)
TKN ส่งซิก Q2 ผลงานแจ่มการันตีปี 60 รายได้ตามเป้า
+ TKN ฟุ้ง Q2/2560 ผลงานแจ่มกว่าช่วง Q1/2560 โหนกระแสท่องเที่ยวฟื้นตัว พร้อมย้ำเป้าปี 2560 รายได้ตามฝันพุ่ง 15-20% จากปีก่อนที่ 4.73 พันล้านบาท รับพอร์ตลูกค้าขยายตัว แถมอัดงบ 400 ล้านบาท อัพกำลังผลิตเพิ่มอีก 2 พันตัน อัพฐานโกยเงินเพิ่ม ด้านโบรกเกอร์แนะ "ซื้อ" เคาะเป้าหมาย 30.00 บาท(ทันหุ้น)
JMART แชมป์เจ้าตลาดมือถือไตรมาสแรกฟันกำไร 115 ล้าน
+ JMART มั่นใจครองแชมป์เจ้าตลาดมือถือ หลังโชว์ฟอร์มเจ๋งงบไตรมาสแรกปี 2560 ฟันกำไรแล้ว 115 ล้านบาทโต 29% จากปีก่อนและมีรายได้รวม 2,951 ล้านบาทโต 19% จากธุรกิจมือถือ ขณะที่บอร์ดไฟเขียวออก JMART-W2 ในอัตรา 4.50:1 ราคาใช้สิทธิ 15 บาท(ทันหุ้น)
"AIT" แบ็กล็อกแกร่ง 3 พันล.อินเทอร์เน็ตหมู่บ้านพารวย
+ AIT โชว์ไตรมาส 1/60 เติบโตได้ดีทำกำไรสุทธิ 141 ล้านบาท จากปัจจัยการส่งมอบงานให้แก่ลูกค้าได้ตามกำหนด และบริหารจัดการด้านต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ชูแบ็กล็อกแกร่งอีก 3,015 ล้านบาท หลังคว้างานอินเทอร์เน็ตหมู่บ้าน ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้เป็นแรงหนุนรายได้ทั้งปีได้ตามเป้า(ทันหุ้น)
STEC โครงการภาครัฐหนุน ส่องผลงานโค้งแรก 240 ล.
+ โบรกฉายภาพ STEC ชี้กำไร Q1/2560 โตต่อเนื่องแตะ 240 ล้านบาท ส่งสัญญาณงานภาครัฐหนุนผลงาน แรงชี้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง-ชมพู ดันยอดแบ็กล็อกไต่ระดับแสนล้านบาท คาดรับรู้รายได้ยาว 4-5 ปี แนะ "ซื้อ" เคาะเป้า 32 บาท (ทันหุ้น)
นักวิเคราะห์ : มงคล พ่วงเภตรา
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
License No: 001937 Tel: 02-648-1123 และทีมวิเคราะห์