- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 11 May 2017 18:20
- Hits: 8310
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
Trump ป่วนตลาดอีกแล้ว
คาดหุ้นไทยขยับขึ้นวันนี้ จากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นแรงน่าจะหนุนหุ้นพลังงาน หลังจากอิรัก และอัลจีเรียร่วมหนุน OPEC ลดกำลังการผลิต แต่การเมืองสหรัฐน่าจะวุ่นอีกรอบหลังจากประธานาธิบดี Trump ออกคำสั่งปลดหัวหน้า FBI ที่น่าจะเกิดผลข้างเคียงให้การลดภาษีและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ต่อชะลอชักช้าออกไปอีกได้ ภายในประเทศวันนี้ มีทั้งข่าวบวกและลบต่อโครงการ EEC ของรัฐบาลในขณะที่ยอดขาย และการเช่านิคมอุตสาหกรรมใน EEC พุ่งขึ้นในไตรมาส 4/59 และ 1/60 ยอดพอส่งเสริมการลงทุนในไตรมาส 1/60 กลับลดลง
หุ้นเด่นวันนี้ : HMPRO (ราคาปิด 9.75 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 11.50 บาท)
บมจ. โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้านและที่อยู่อาศัยซึ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งมีผลิตภัณฑ์กว่า 4 หมื่นรายการ บริษัทน่าจะได้ประโยชน์จากการบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัวและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ดีขึ้นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความเชื่อมั่นที่สูงขึ้น คนจะจับจ่ายสินค้ามากขึ้นรวมถึงสินค้าตกแต่งบ้านด้วย มาตรการกระตุ้นของภาครัฐจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยเพิ่มการใช้จ่ายภายในประเทศ HMPRO มีสาขา 80 สาขารูปแบบโฮมโปรและ 11 สาขาภายใต้รูปแบบเมกะโฮมทั่วประเทศ และมีอีกสองสาขาในมาเลเซีย ปีนี้บริษัทวางแผนจะเปิดโฮมโปร 2-3 สาขา เมกาโฮม 2-3 สาขาและ 2-3 สาขาในประเทศมาเลเซีย หากเศรษฐกิจฟื้นตัวชัดกว่านี้เราก็คาดว่า HMPRO จะยิ่งรุกเปิดสาขามากกว่านี้ บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการขยายสาขาในลาว พม่า กัมพูชา และเวียดนามเพิ่มเติม HMPRO ยังมีกลยุทธ์ผลักดันสินค้าแบรนด์ตัวเอง (private brand) ก็น่าจะช่วยเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นเข้าไปอีก บริษัทสามารถรักษาลูกค้าได้อย่างดีจากการมีบริการหลังการขายที่ครบถ้วน หลากหลายและเชื่อใจได้สอดรับกับความต้องการของลูกค้า บริการเสริมไม่เพียงจะเพิ่มความสัมพันธ์กับลูกค้าแต่ยังช่วยเพิ่มรายได้ด้วย เราคาดว่ากำไรต่อหุ้นน่าจะเติบโตได้ 14% ปีนี้และ 15% ปี 61 ราคาปิดล่าสุดให้อัพไซด์ 18% เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายเรา Price Pattern ของ HMPRO มียังมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาลง (Downtrend) จากการเกิดทั้ง Daily & Monthly Sell Signal แต่ถือว่ามีความแข็งแกร่งในระยะกลางจากการเกิด Weekly Buy Signal HMPRO ในระยะสั้นนั้นมีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 9.90 บาทโดยหาก ปิดตลาดเหนือ 9.90 บาทไปได้ จะทำให้เกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่ โดยมีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 10.20 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 10.50 บาท ตามลำดับ (แนวต้าน: 9.80, 9.90, 10.00; แนวรับ: 9.65, 9.55, 9.40)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
รัฐอนุมัติเงินหนุนผู้มีรายได้น้อยจำนวน 5 หมื่นล้านบาท ครม.ได้อนุมัติข้อเสนอจากกระทรวงการคลังในการจัดตั้งกองทุนจำนวน 5 หมื่นล้านบาทเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยภายใต้โครงการประชารัฐ เงินทุนดังกล่าวจะมาจากงบประมาณของรัฐบาลในปี 61 โดยจะมุ่งเน้นกลุ่มที่มีรายได้น้อยกว่า 1 แสนบาทต่อปีและมีการลงทะเบียนกับรัฐภายในวันที่ 15 พ.ค.นี้ (Bangkok Post)
การยื่นคำขอลงทุนลดลง 17% YoY ในไตรมาส 1/60 โดยที่จำนวนการลงทุนอยู่ที่ 6.2 หมื่นล้านบาท ลดลงจาก 7.5 หมื่นล้านบาทในไตรมาส 1/59 เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับนโยบายส่งเสริมการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) อย่างไรก็ตาม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนคาดตัวเลขดังกล่าวจะค่อยๆ เร่งตัวในช่วงที่เหลือของปี (Bangkok Post)
เช่า-ซื้อพื้นที่นิคมฯ โต 8.5% จากปีก่อน การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกนอ. รอบ 6 เดือน (ตุลาคม 2559- มีนาคม 2560) มียอดขายและเช่าพื้นที่นิคมฯรวม 1,542 ไร่ เพิ่มขึ้น 121 ไร่หรือคิดเป็น 8.5% คิดเป็นเงินลงทุนรวม 71,591 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 38.5% โดยในจำนวนดังกล่าวเป็นพื้นที่นิคมฯใน EEC ถึง 1,457 ไร่ นโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(EEC) จึงถือว่ามีส่วนสำคัญที่ทำให้มีการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น กนอ. คาดว่ายังมีอุปสงค์ความต้องการที่ดินอยู่อีก 5 หมื่นไร่ (แนวหน้า, ไทยโพสต์)
SAWAD (ราคาปิด 45.00 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายปี 60 ของ AWS 61.00 บาท) รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/60 ที่ 690 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.6% QoQ และ 64.3% YoY การเติบโตดังกล่าวหนุนโดยการปรับตัวขึ้นของสินเชื่อ (+4.3% QoQ และ +45.9% YoY) รวมถึงการรับรู้กำไรจำนวน 102 ล้านบาทจากการวัดมูลค่ายุติธรรมของส่วนได้เสียที่ 9.84% ในส่วนของเจ้าของใน BFlT ที่บริษัทได้ถือไว้ก่อนการรวมธุรกิจ (SET) ความเห็น: ผลการดำเนินงานดังกล่าวสูงกว่าประมาณการของเราและประมาณการเฉลี่ยบลูมเบิร์ก 11 % และ 13% ตามลำดับ เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 60 ไว้ที่ 2.7 พันล้านบาท
SPALI (24.70 บาท) รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/60 ที่ 687 ล้านบาท, -51% YoY และ -43% QoQ ซึ่งต่ำกว่าที่เราคาดไว้ที่ 1 พันล้านบาทและต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ 890 ล้านบาท รายได้อยู่ที่ 3.8 พันล้านบาท, -40% YoY และ -39% QoQ (SET)ความเห็น: ค่อนข้างเป็น Bad Surprise สำหรับผลประกอบการของ SPALI แม้ว่าเราและตลาดจะคาดการณ์ว่ากำไรไตรมาสแรกนี้ลดลงแล้ว บริษัทยังประกาศกำไรได้ต่ำกว่าคาดไปมาก โดยประเด็นหลักคือ รายได้ลดมาก และยังมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 16.2% จาก 9.3% ในไตรมาส 1/59 และ 11.4% ในไตรมาส 4/59 อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 18.3% เทียบกับ 22.4% ในไตรมาส 1/59 และ 19.6% ในไตรมาส 4/59 อย่างไรก็ตามผลประกอบการไตรมาส 1/60 นี้จะเป็นผลการดำเนินงานที่ต่ำที่สุดในรอบปี เรายังคงแนะนำซื้อโดยมีราคาเป้าหมาย 30 บาทอิง P / E 10 เท่าสำหรับปี 2017EPS ที่ 3.04 บาท
KCE (111 บาท, ซื้อ, ราคาเป้าหมายปี 60 128 บาท) ประกาศกำไรไตรมาส 1/60 ที่ 662 ลบ. ลดลง 3.9% QoQ และ 11.8% YoY เพราะเงินบาทแข็งค่า การปรับราคาขายรายปี การเปลี่ยนวิธีรับรู้รายได้และต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น กำไรสอดคล้องกับการคาดการณ์ของเราและตลาด (SET)ความเห็น: เราคาดว่าเงินบาทน่าจะอ่อนค่าในช่วงปลายปีนี้และเราเชื่อว่าน่าจะ KCE สามารถผลักภาระต้นทุนให้ลูกค้าได้ในระยะยาว เราคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 128 บาท วันนี้ช่วงบ่ายจะมีประชุมนักวิเคราะห์และเราจะพิจารณาว่าต้องปรับราคาเป้าหมายหรือไม่
IRPC (5.45 บาท) รายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 1/60 ที่ 2.37 พันล้านบาทลดลง -22% YoY เนื่องจากมีการปิดกิจการในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2560 กำไรดังกล่าวดีกว่าตลาดคาดการณ์ที่ 2.0 พันล้านบาท รายได้เท่ากับ 40,000 ล้านบาทลดลง 6% YoY มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 535 ล้านบาทและมีการโอนกลับการด้อยค่าของสินทรัพย์จำนวน 232 ล้านบาทซึ่งชดเชยผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ 300 ล้านบาท ผลการดำเนินงานที่โดดเด่นมาจากกลุ่มปิโตรเคมีมี Gross lntegrated Margin (GlM) อยู่ที่ 18 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เมื่อเทียบกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 15 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ซึ่งค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับ GlM ของบริษัทอื่นในกลุ่มอุตสาหกรรม(SET) ความเห็น : เราค่อนข้างพอใจกับผลการดำเนินงานของ IRPC ในไตรมาส 1/60 เรายังมีมุมมองเป็นบวกต่ออุตสาหกรรมปิโตรเคมีหลังจากที่เราเห็น SCC, IVL และ IRPC ประกาศงบการเงินออกมาในไตรมาส 1/60 โดย Bloomberg Consensus ให้ราคาเป้าหมายของ IRPC ที่ 6 บาทต่อหุ้นและมีมุมมองที่เป็นบวกในช่วงที่เหลือของปี 2560 สำหรับ IRPC
ต่างประเทศ :
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเปลื่ยนแปลงเล็กน้อยเมื่อวันพุธ เนื่องจากการประมูลพันธบัตรอายุ 10 ปีที่อ่อนแอกลบความกังวลเกี่ยวกับพายุทางการเมืองที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศปลดผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBl) พ้นจากตำแหน่ง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีอยู่ที่ระดับ 2.416% สูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์เมื่อวันอังคาร และล่าสุดอยู่ที่ระดับ 2.412% เพิ่มขึ้น 0.5 bps (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐไต่สู่ระดับสูงสุดในรอบ 8 สัปดาห์เทียบกับเงินเยนเมื่อวันพุธ หนุนโดยราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นหลังการประมูลพันธบัตรอายุ 10 ปีที่เบาบาง ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า 0.2% สู่ระดับ 114.27 เยน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 8 สัปดาห์ที่ 114.35 เยน ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปิดเปลี่ยนแปลงไม่มากที่ 99.674 (Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกและลบเมื่อวันพุธ เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวขึ้นถูกกลบจากการปลดผู้อำนวยการ FBl อย่างกระทันหันซึ่งทำให้นักลงทุนเป็นกังวลมากขึ้นว่าการกระทำดังกล่าวจะเป็นอุปสรรคต่อแผนการปฏิรูปภาษีและแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่ทรัมป์เคยให้สัญญาไว้ หุ้น Nvidia ปรับตัวขึ้นหลังการประกาศผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและดันให้ดัชนี Nasdaq ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในขณะที่ผลประกอบการที่ตกต่ำของวอลท์ ดิสนีย์กดดันดัชนีดาวโจนส์ (Reuters)
ทรัมป์ปลดนายเจมส์ โคมีย์ ผู้อำนวยการ FBI โดยนายโคมีย์เป็นผู้รื้อคดีอีเมลฉาวของนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตในขณะที่นายโคมีย์เป็นผู้นำในการสืบสวนว่าการหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีทรัมป์ในปี 2016 เกี่ยวพันกับรัสเซียหรือไม่ การดำเนินการดังกล่าวของทรัมป์ได้ก่อให้เกิดทะเลเพลิงทางการเมืองในสภาคองเกรส เพิ่มความสงสัยมากขึ้นว่าเขากำลังพยายามจะปกปิดการสอบสวนของ FBl ในประเด็นรัสเซีย และได้เพิ่มความไม่แน่ใจเกี่ยวกับความสามารถของรัฐบาลต่อการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ (Reuters)
ยุโรป :
หุ้นยุโรปร่วงวานนี้ หลังจากที่ก่อนหน้าปรับขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 21 เดือน โดยการปรับตัวลงของตลาดถูกฉุดโดยหุ้นธนาคารอิตาลีและหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเนื่องจากผลการดำเนินงานที่ออกมาไม่ดี อย่างไรก็ตาม จากผลการดำเนินงานของบริษัทที่ได้ประกาศมากว่าครึ่งทางแล้ว หุ้นกลุ่มการเงินแสดงการเติบโตแข็งแกร่งสุด ซึ่งกว่า 70% ของหุ้นกลุ่มดังกล่าวแสดงผลการดำเนินงานที่ดีกว่าคาด นอกจากนี้ ถ้าดูโดยรวมแล้ว มากกว่า 71% ของบริษัทยุโรปแสดงผลการดำเนินงานที่ดีกว่าคาดเช่นกัน (Reuters)
เอเชีย :
การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่นในเดือนมีนาคม: ญี่ปุ่นมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่ระดับ 2.91 พันล้านเยน (25.45 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ) ในเดือน มี.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้จากต่างประเทศที่แข็งแกร่ง โดยเกินดุลได้ต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ปี และนับเป็นเดือนที่ 33 ที่เกินดุลต่อเนื่อง เป็นไปตามคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่คาดว่าจะเกินดุล 2.643 พันล้านเยน การเกินดุลมหาศาลดังกล่าวอาจทำให้ญี่ปุ่นยอมอ่อนข้อให้ต่อการกระทำของสหรัฐฯหากทรัมป์ตัดสินใจที่จะดำเนินการปรับความไม่สมดุลทางการค้า
การประชุมสุดยอด Silk Road วันที่ 14-15 พ.ค.: จีนจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำ 28 ประเทศในกรุงปักกิ่งในสัปดาห์หน้า 14-15 พ.ค. เพื่อจัดทำโครงการ Silk Road ใหม่ของจีน โครงการนี้ได้รับการเสนอโดยประธานาธิบดี Xi Jinping ในปี 2556 เพื่อส่งเสริมวิสัยทัศน์ในการขยายการเชื่อมโยงระหว่างเอเชียแอฟริกาและยุโรปโดยการลงทุนด้านสาธารณูปโภคที่หนักหน่วง จีนได้จัดสรรเงินจำนวน 40 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับกองทุนพิเศษสำหรับโครงการนี้ โดยมีเงินทุนสูงสุดขึ้นไปถึง 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคเอเชีย (AllB) ซึ่งนำโดยจีน (Reuters)ความเห็น: การก่อสร้าง Infrastructure ที่จะเกิดขึ้นขนาดใหญ่จากโครงการ Silk Road จะเอื้อประโยชน์ต่อ Commodity ที่เกี่ยวกับภาคการก่อสร้างอย่างมาก ได้แก่ เหล็ก ซีเมนต์ และยางมะตอย เป็นต้น แม้สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาหุ้นคอมมอดิตี้ร่วงลงมาจากความกังวลต่อเศรษฐกิจจีน แต่เรายังเชื่อว่าสินค้าทั้งหมดยังมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นนับจากปีนี้เป็นต้นไป
จีนจะระงับการนำเข้าถ่านหินเกรดต่ำซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการปรับสมดุลอุปสงค์และอุปทาน โดยจีนได้ลดกำลังการผลิตเหล็กลง 31.7 ล้านตันและกำลังการผลิตถ่านหิน 68.97 ล้านตันในปีนี้ การตัดซัพพลายเหล็กกล้าลงถึง 63% ในปีนี้ และ 46% ของการลดปริมาณถ่านหินที่วางแผนไว้ (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
น้ำมันดิบบวกวันพุธกว่า 3% หนุนโดยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐร่วงแรงสุดรายสัปดาห์ในปีนี้ หลังอิรักและอัลจีเรียร่วมกับซาอุฯ ขยายการลดกำลังการผลิต US ElA ระบุว่าสต็อกน้ำมันสหรัฐร่วง 5.2 ล้านบาร์เรลสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลด 1.8 ล้านบาร์เรลเยอะมาก น้ำมันดิบ Brent ล่วงหน้าบวก 1.49 ดอลลาร์สหรัฐ (3.0%) ปิด 50.22 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าบวก 1.45 ดอลลาร์สหรัฐ (3.2%) ปิด 47.33 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)
ทองแดงราคาคงที่วันพุธ ใกล้จุดต่ำสุดรอบสี่เดือนเมื่อต้นสัปดาห์เพราะตลาดกังวลอุปสงค์ที่อ่อนแอจากผู้ใช้ทองแดงหลักคือจีน หลังตัวเลขชี้การนำเข้าทองแดงลดลง ทองแดงอ้างอิงตลาด LME ลบ 0.2% ปิด 5,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน หลังไปแตะ 5,481.50 ดอลลาร์สหรัฐ ใกล้จุดต่ำสุดนับจาก 4 ม.ค. ณ วันจันทร์ที่ 5,462.50 ดอลลาร์สหรัฐ (Reuters)
ทองคำลบวันพุธแต่ยังอยู่เหนือจุดต่ำสุดรอบแปดสัปดาห์เมื่อวาน เพราะประธานาธิบดี Trump ไล่ James Comey หัวหน้า FBl ออกกะทันหันส่งผลต่อตลาดหุ้น แต่ขาขึ้นถูกจำกัดโดยคาดการณ์ว่าดอกเบี้ยสหรัฐจะปรับขึ้น ทองคำตลาดจรลดลง 0.2% ปิด 1,218.95 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ อยูเหนือจุดต่ำสุดรอบสองเดือนที่ 1,213.81 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 0-2680-5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 0-2680-5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 0-2680-5056
MISS. Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042