- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 11 May 2017 18:15
- Hits: 3164
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: ทดสอบแนวรับสำคัญ 1560
SET Index: 1561.68 เคลื่อนไหวในกรอบแคบที่บริเวณแนวรับสำคัญ 1560 จุด พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคไปทดสอบแนวรับสำคัญที่ 1560 จุด ถ้าปรับตัวลดลงหลุดแนวรับสำคัญลงไป จะทำให้โครงสร้างในระยะยาวกลับมากดดันให้ปรับตัวลดลง โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1530 จุด และมีแนวรับถัดไปที่ 1510 จุดเป็นเป้าหมายในการปรับตัวลดลง และมีแนวต้านสำคัญที่ 1565 จุด ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะมีโอกาสขึ้นต่อไปทดสอบ 1580 จุด
แนวต้าน : 1562 และ 1565
แนวรับ : 1558 และ 1555
CPALL = 64.00 / 65.00, AOT = 41.50 / 42.00, CPF = 25.00 / 25.50, KBANK = 190 / 192, ADVANC = 180 / 182
Big C Supercenter (BIGC TB; THB 229.00) – ซื้อ
แนวต้าน : 240 และ 250
แนวรับ : 229 และ 226
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องค่อนข้างแข็งแกร่ง หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐาน ในขณะที่โครงสร้างในระยะยาวยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวในเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 70
แนะนำซื้อ BIGC โดยมีแนวรับที่ 229 และ 226 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 240 และ 250 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 222 ลงไป
Hwa Fong Rubber (Thailand) (HFT TB; THB 4.90) – ซื้อ
แนวต้าน : 5.10 และ 5.25
แนวรับ : 4.90 และ 4.86
ราคาหุ้นปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรในระยะสั้นไปทดสอบแนวรับที่ 4.80 แต่ยังสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD เคลื่อนไหวออกด้านข้างในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวลดลงทดสอบระดับ 50
แนะนำซื้อ HFT โดยมีแนวรับที่ 4.90 และ 4.86 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 5.10 และ 5.25 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 4.80 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET…ย่อยข่าวผลการดำเนินงาน
หลังเกิดความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลก บรรดานักวิเคราะห์กลุ่มพลังงานได้ปรับลดตำแหน่งการลงทุนหุ้นในกลุ่มนี้ลง จากที่เคยOverweight ลงมาในระดับ Neutral และบางส่วนลงไปถึงระดับ Underweight เหตุน่าจะมาจากมองว่าระดับราคาน้ำมันในปีนี้มี Upside gain ไม่มากคืออยูในระดับ 55-60 ดอลลาร์ต่อบารเรล์ นอกจากนั้นบางส่วนมองว่าระดับราคาน้ำมันอาจจะปรับตัวลงหรือทรงๆ จากแรงกดปริมาณการผลิตและปริมาณสต๊อกน้ำมันในสหรัฐ ที่ยังเพิ่มขึ้น แม้จะมีข่าวว่าทาง OPEC และ Non OPEC อย่างรัสเซีย มีแนวโน้มที่จะตกลงขยายเวลาการ
ลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีกถึงสิ้นปีหรือมากกว่า
หากมาดูพฤติกรรมของบรรดา Hedge fund พบว่า ณ. สิ้นสุดวันที่ 2 พ.ค. บรรดา Hedge fund ยังลด position น้ำมันทั้ง 3 ตลาดลงอีก 97 ล้านบารเรล์ รวม 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาทาง Hedge fund ลด position ไปแล้ว 236 ล้านบารเรล์ ดังนั้นทิศทางราคาน้ำมันจะเป็นอย่างไรตอนนี้ คงต้องฝากความหวังในการประชุมของกลุ่ม OPEC ในวันที่ 25 พ.ค.ว่าจะมีผู้ผลิตรายอื่นจะเข้าร่วมหรือไม่ ส่วนทิศทางหุ้นน้ำมันของไทยตอนนี้จะเป็นอย่างไร คงขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงาน Q1/17 ที่กำลังทยอยประกาศ โดยที่ออกมาแล้วในส่วนของโรงกลั่นและปิโตรเคมี ยังออกมาดี
สำหรับทิศทางดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐที่กำลังขึ้นสร้างสถิติสูงสุด จากแรงหนุนของผลการดำเนินงานที่ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด จากการคาดการณ์อัตราการทำกำไรใน Q1/17 ของ S&P 500 จากฐานข้อมูลจาก IBES พบว่าจะโตถึง 14.4% ส่วน Q2/17 คาดจะโตลดลงเหลือ 8.6% ส่งผลให้ตอนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐกำลังขึ้นไปเล่นที่ค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าที่ 17.8 เท่าเทียบค่าเฉลี่ยระยะยาว 10 ปีที่ 14.2 เท่า ดังนั้นเมื่อดัชนีกำลังขึ้นสูงสุด ขณะที่อัตราการทำกำไรใน Q2/17 คาดจะชะลอตัวลง จึงเริ่มมีนักลงทุนบางส่วนได้ออกมาเตือนว่า ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐอาจจะต้องเข้าสู่ช่วงผันผวน โดยมีสัญญาณบางตัวอย่างดัชนีความกลัวหรือ VIX กำลังลงมาต่ำสุดในรอบเกือบ 30 ปี โดยปกติหาก VIX ลงมาในระดับต่ำ จะเป็นผลดีกับตลาดหุ้น แต่การลงมาในระดับต่ำมากๆ หรือ Extreme lows ในหลายๆครั้ง มักจะเกิดแรงขายหุ้นออก ดูจากรูปด้านขวา
ทิศทางดัชนี SET ใน 2 วันที่เหลือของสัปดาห์คาดยังคงแกว่งอยู่ในกรอบแคบในลักษณะซึมตัวลง แม้จะมีแรงซื้อหุ้นที่ผลการดำเนินงานออกมากดีอย่างพลังงานเล็ก มาพยุงตลาด โดยประเด็นที่ตลาดให้ความสำคัญหลังจากนี้ คือ น้ำหนักการลงทุนของ MSCI ในตลาดหุ้นไทยที่จะประกาศในวันที่ 15 พ.ค. รู้ผลเช้า 16 พ.ค. ว่าจะออกมาอย่างไร หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากหรือไม่ลดน้ำหนัก หุ้นใหญ่ในกลุ่มพลังงาน ธนาคารพาณิชย์ คาดคงไม่ส่งผลอะไรมาก โดยไปลุ้นว่าจะมีหุ้นอะไรที่ได้เข้าไปหรือถูกถอนออกจากดัชนีหุ้น Small cap และ Global standard
วันนี้มองทิศทางดัชนี SET คาดน่าจะซึมตังลงต่อหลังเกิดแรงกดดดันภายในจากการวางระเบิดที่ปัตตานีและงบที่กำลังทยอยออกมายังไม่เด่นขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นภูมิภาคต่างเปิดกระจัดกระจาย อย่างไรก็ตามอาจมีแรงซื้อเก็งกำไรหุ้นพลังงานเข้ามาหลังราคาน้ำมันดีดตัวกลับ แต่คงไม่มาก วันนี้มองแนวรับที่ 1554-1550 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1565-1570 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร ASAP IRPC MEGA และ TPIPL
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,561.68 จุด เพิ่มขึ้น 1.37 จุด (+0.09%) มูลค่าการซื้อขาย23,414.26 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้แกว่งแคบ เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยเข้ามา
LPN รายงานผลประกอบ 1Q17 มีกำไรสุทธิ 315 ล้านบาท (-55% YoY, +11% QoQ)มากกว่าที่ตลาดคาดไว้ 12% โดย Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมาย 11.32 บาท (Buy/Hold/Sell : 5/8/12)
GFPT รายงานผลประกอบ 1Q17 มีกำไรสุทธิ 424 ล้านบาท (+54% YoY, -14% QoQ)มากกว่าที่ตลาดคาดไว้ 6% โดย Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมาย 18.66 บาท (Buy/Hold/Sell : 7/7/0)
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย แกว่งแคบ การซื้อขายของตลาดยังเลือกเล่นเป็นรายตัวโดยอิงจากผลประกอบการ 1Q17 ที่ออกมา ติดตามแนวโน้มการปรับประมาณกำไรของบจ.หลังการประกาศงบในวันที่ 15 พ.ค.นี้ และจับตาดูกระแสเงินทุนของต่างชาติ บ่ายมองแนวรับ1560-1555 จุด แนวต้าน 1565 จุด
Technical Pick (PM) & Cash Balance...
Big C Supercenter (BIGC TB; THB 229.00) – ซื้อ
Hwa Fong Rubber (Thailand) (HFT TB; THB 4.90) – ซื้อ
Cash Balance Preview : คาดหลักทรัพย์ที่มีโอกาสจะติด Cash Balance สัปดาห์หน้า : ASAP* (กรณีหุ้นแม่ติด ฯ Warrant ทุกตัวของหุ้นนั้นจะติดตามด้วย)
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 – [email protected]/ [email protected]