- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 04 May 2017 17:17
- Hits: 3983
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
คาดถูกกดดันเล็กน้อยจากการฟื้นตัวของค่าเงินเหรียญและผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ
กลุ่มตลาดหุ้นเกิดใหม่มีโอกาสเม็ดเงินไหลออกจากทิศทางการฟื้นตัวของค่าเงินเหรียญและผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ หลังเฟดระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มขยายตัวในระดับปานกลางหลังผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาสแรก พร้อมส่งสัญญาณความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 50 เบสิสพอยต์ในช่วงที่เหลือของปีนี้ อย่างไรก็ตามเรามองว่าตลาดหุ้นไทยอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าวน้อยเนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทย Underperform ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคจากปัจจัยภายในและราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง ส่งผลให้ส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนของ SET Index กับพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ขยายกว้างขึ้นซึ่งมองว่าปัจจัยดังกล่าวจะช่วยชะลอการไหลออกของเงินลงทุนได้ในระดับหนึ่ง เรายังคงมองตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวจากผลประกอบการที่คาดออกมาดีและประมาณการณ์เศรษฐกิจที่มีโอกาสถูกปรับขึ้นหลังส่งออกมีแนวโน้มขยายตัวสูงกว่าคาด โดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกปีนี้ ดังนั้นในเชิงกลยุทธ์การลงทุน เรายังคงเลือกหุ้นที่เป็นเป้าหมายของการเพิ่มน้ำหนักของนักลงทุนสถาบัน เน้นกลุ่มปิโตรเคมี อาหาร และท่องเที่ยว รวมทั้งระวังแรงขายทำกำไรในหุ้นกลาง-เล็ก ที่อยู่ในระดับที่แพง อาเกิด De-Rating // หุ้นแนะนำ IRPC, TU, IVL, KBANK, TTA
ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ – ธนาคารกลางสหรัฐฯ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.75-1.00% ตามคาด พร้อมระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะกระเตื้องขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้โดยจะเป็นการขยายตัวในระดับปานกลางซึ่งจะส่งผลให้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอยู่ในรูปแบบที่ค่อยเป็นค่อยไป ทั้งนี้เฟดได้ส่งสัญญาณว่าอาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 25 basis point อีก 2 ครั้งในปีนี้
ปรับเพิ่มคาดการณ์ส่งออกปี60 – สภาผู้ส่งออก (สรท.) ปรับเพิ่มประมาณการเติบโตของส่งออกไทยปีนี้อยู่ที่ 2.5-3.5% จากเดิมที่คาดขยายตัว 2-3% พร้อมคาดว่าการส่งออกในไตรมาสสองจะเติบโตต่อเนื่องที่ระดับ 5% จากการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามสภาผู้ส่งออกมองว่าการส่งออกไทยในครึ่งปีหลังอาจไม่สดใสเท่าในช่วงครึ่งปีแรก
สำหรับปัจจัยติดตามที่สำคัญ: 7 พ.ค. – เลือกตั้งฝรั่งเศส รอบ 2 / 25 พ.ค. – โอเปคประชุมเรื่องปรับลดกำลังการผลิต
คำแนะนำทางกลยุทธ์: ยังคงกลยุทธ์เลือกตัวซื้อ (Selective buy) เน้นกลุ่มปิโตรเคมี อาหาร และท่องเที่ยว ประเมินตลาดแกว่งตัว 1560-1600 เนื่องจากยังไม่มีเม็ดเงินใหม่และคนรอดูทิศทางการปรับประมาณการหลังงบไตรมาส 1/60 เลี่ยง/ลดน้ำหนักกลุ่มที่มีความเสี่ยงถูกลดน้ำหนักหรือคำแนะนำการลงทุนลง ได้แก่ สื่อสาร การแพทย์ และโรงกลั่น //หากสัปดาห์นี้ปิดต่ำ 1555 จุด แบ่งขายลดน้ำหนักการลงทุนลงบางส่วน
แนวรับ 1555/แนวต้าน : 1570-1580 จุด สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 30% : พอร์ตหุ้น 70%
ประเด็นเก็งกำไรเชิงกลยุทธ์
ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ดี: BDMS, SGP*, AOT, MINT, ERW, TASCO, PTTGC
หุ้นที่มีการเติบโตปี 2560 เด่น: TU, MAJOR, SQ, BANPU
หุ้นที่ผลงานผ่านจุดแย่สุด: MAJOR, SGP*, SIMAT, JWD*, TSR, TU
หุ้นเด่นปี 2560: BANPU, PTTEP, SCB, TU, STEC, DTAC*, PSTC*, KSL*, BA*
(* หุ้นที่ไม่อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH หรือหุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ ผู้ลงทุนควรพิจารณาจุดตัดขาดทุน ราว 3-5%)