- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 03 May 2017 17:48
- Hits: 2333
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
มุมมองบวกต่อเศรษฐกิจโลกมากขึ้น
คาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นวันนี้จากมุมมองที่เป็นบวกมากยิ่งขึ้นต่อเศรษฐกิจโลกหลังจากกำไรไตรมาส 1/60 ของสหรัฐและยุโรปออกมาแข็งแกร่ง และดัชนีจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมที่ออกมาดี จากทั้งยุโรป ญี่ปุ่น และหลายประเทศในเอเซีย แม้ตัวเลขจากจีนจะขยายตัวต่ำกว่าคาดแต่ก็ยังขยายตัวต่อเนื่องไม่ได้สูญเสียแรงขับเคลื่อนแต่อย่างใด คาด Fed คงดอกเบี้ยในการประชุมกำหนดนโยบายวันนี้ แต่อาจมีบอกใบ้การขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า ภายในประเทศภาคเอกชนมีมุมมองบวกต่อเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นเช่นกัน ผลสำรวจชี้ความเชื่อมั่นของธุรกิจการค้าและบริการดีขึ้นในเดือนมี.ค. ภาคส่งออกก็ปรับเพิ่มเป้าส่งออกขึ้น
หุ้นเด่นวันนี้ : THCOM (ราคาปิด 18.80 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 23.00 บาท)
บมจ.ไทยคมเป็นหนึ่งเดียวในภูมิภาคเอเชียที่ให้บริการทั้งดาวเทียมถ่ายทอดรายการโทรทัศน์และบริการบรอดแบนด์ผ่านดาวเทียมด้วย ซึ่งทำให้บริการมีความอเนกประสงค์และครบวงจรเมื่อเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาค THCOM พึ่งได้ดีลจากกลุ่ม Axiata ซึ่งเป็นผู้นำด้านโทรคมนาคมในอินโดนิเซียเพื่อให้บริการมือถือและเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงด้วยช่องสัญญาณกว่า 1 Gbps หรือ 2.6% ของกำลังการให้สัญญาณของ lPSTAR ซึ่งสะท้อนความต้องการต่อบริการดาวเทียมที่ครบวงจรของไทยคม เราคาดว่าลูกค้าที่เข้ามาจะเพิ่มรายได้อีกราว 176 ลบ.ต่อปี โดยราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงเรื่อยมาเนื่องจากความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์จากการที่รัฐบาลจะนำดาวเทียมกลับไปอยู่ภายใต้ระบบสัมปทานที่มีค่าธรรมเนียมสูง และประเด็นลบอื่นได้แก่การปิดตัวของลูกค้ารายใหญ่ CTH และการเลิกใช้ของ NBN ลูกค้าออสเตรเลียโดยหันไปใช้ดวงใหม่ของตัวเองแทน อย่างไรก็ดีเราเชื่อว่าราคาตลาดปัจจุบันได้รับรู้ปัจจัยลบไปเกือบหมดแล้ว ถ้าพิจารณาปัจจัยพื้นฐานของไทยคมถือว่ายังดีอยู่ จากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีจากช่องความคมชัดมาตรฐาน (SD) เป็นช่องความคมชัดสูง (HD) ไปจนถึงความคมชัดสูงมาก (UHD) และการติดต่ออินเทอร์เน็ตแบบเคลื่อนที่ (เช่น บนเรือหรือเครื่องบิน)
รวมถึงอุปสงค์ที่แข็งแกร่งต่อบริการเสริมความสามารถในการให้บริการมือถือด้วยดาวเทียม (mobile backhaul) ก็ยังน่าจะเติบโตได้ดีด้วย เพราะเทรนด์การใช้ข้อมูล เปลี่ยน 2จี ไป3จี 4จีและ 5 จี ยังมีโอกาสเติบโตอีกมากสำหรับตลาด CLMV เพราะน่าจะพัฒนาตามประเทศไทยได้ นอกจากอาเซียนที่เป็นตลาดหลักแล้ว บริษัทยังได้วางตลาดอินเดียเป็นเป้าหมายเพราะความที่ตลาดยังไม่ได้มีผู้เล่นเข้าไปอย่างเต็มที่ เราคาดการณ์ไว้ว่ากำไรอาจลดลง 5% ในปี 2560 และหดตัวต่อ 20% ในปี 2561 เพราะการถอนตัวของ NBN อย่างไรก็ดีไทยคมน่าจะฟื้นตัว 9% ในปี 62 อย่างไรก็ดีกระแสเงินสดไหลเข้าของบริษัทน่าจะยังแข็งแรงต่อจากลูกค้าใหม่และฐานลูกค้าเดิมสะท้อนจากราคาเป้าหมายปี 60 ตามวิธี DCF ของเราอยู่ที่ 23 บาท ซึ่งถือเป็นอัพไซด์ราว 22% คาดการณ์ปันผลตอบแทนดีที่ 4.3% Price Pattern ของ THCOM กลับมาเกิดความแข็งแกร่งในระยะสั้นอีกครั้ง จากการกลับมาเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่ โดยหาก Price Pattern ของ THCOM ปิดตลาดรายสัปดาห์เหนือ 18.60 บาท ก็จะทำให้กลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่ และหาก Price Pattern ของ THCOM ปิดตลาดรายเดือนเหนือ 19.80 บาท ก็จะทำให้แนวโน้มหลักย้ายจากแนวโน้มขาลงไปสู่แนวโน้มขาขึ้น จากการกลับมาเกิด Monthly Buy Signal ครั้งใหม่ THCOM มีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 23 บาท และมีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 26.50 บาท ตามลำดับ จุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 18.10 บาท (แนวต้าน: 19.00, 19.30, 19.70; แนวรับ: 18.70, 18.40, 18.00)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
กกร.ปรับเป้าส่งออกขึ้น คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่าที่ประชุม กกร. มีมติปรับเพิ่มคาดการณ์ส่งออกไทยปี 2560 มาอยู่ที่ 2-3.5% จากเดิมคาดไว้ที่ 1-3% หลังการส่งออกไตรมาสแรกของปีออกมาดีกว่าที่คาด โดยเป็นผลจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว เป้าส่งออกใหม่นี้สะท้อนจากคาดการณ์ GDP ปีนี้ที่ 3.5-4% (Bangkok Post)ความเห็น: เป้านี้สอดคล้องกับ สศค. ที่ก่อนหน้านี้ปรับเป้าการเติบโตส่งออกเป็น 3.3% จาก 2.5%
พร้อมเพย์ยังโตดีขึ้น ผู้ว่าฯ ธปท. ระบุว่าจำนวนธุรกรรมผ่านพร้อมเพย์พุ่งเฉลี่ยราว 1 แสนรายการใน มี.ค. จากเดิม 2-3 หมื่นรายการในเดือนก่อนๆ บริการนี้ได้ออกมาตั้งแต่ 27 ม.ค. และความกังวลเรื่องความปลอดภัยทำให้หลายคนกลัวที่จะเชื่อมเลขบัตรประชาชนและเบอร์มือถือกับบัญชีธนาคาร (Bangkok Post)
เล็งออกมาตรการดันจีดีพีโต 4% ปลัดกระทรวงการคลังเตรียมหารือกับ รมว.คลัง เพื่อสรุปมาตรการที่ออกมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้เต็มศักยภาพ 4-5% จากปัจจุบันที่ยังคาดการณ์ปีนี้ว่าจะโตได้ไม่ต่ำกว่า 3.5% หากเห็นชอบจะเสนอให้ ครม.พิจารณาต่อไป (เดลินิวส์)
เชื่อมั่น่เอสเอ็มอี่ยังสูง สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวถึงผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการภาคการค้าและบริการ (Trade & Service Sentiment lndex: TSSl) เดือนมี.ค. 2560 พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นอยู่ในระดับ 97.0 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ. ที่ 96.2 เป็นผลจากปัจจัยด้านยอดจำหน่าย การลงทุนและกำไรที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจในภาคการค้าปลีก อย่างไรก็ดี ดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากที่ระดับ 101.8 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2560 เป็นที่ระดับ 101.2 ในเดือนมีนาคม 2560 ซึ่งเป็นทิศทางปกติในช่วงกลางปี แต่ก็ยังคงมีความเชื่อมั่นสูงกว่าค่าฐานที่ 100 อยู่ (ข่าวสด)
ต่างประเทศ :
คาดเฟดคงอัตราดอกเบี้ย หลังเสร็จสิ้นการประชุมเป็นเวลา 2 วันซึ่งเริ่มขึ้นในวันอังคาร เนื่องจากรอประเมินข้อมูลเศรษฐกิจมากกว่านี้ แต่อาจบอกแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. (Reuters)
ราคาพันธบัตรปรับตัวขึ้นเมื่อวันอังคาร หลังจากยอดขายรถยนต์ที่ลดลงทำให้นักลงทุนเป็นกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการใช้จ่ายของผู้บริโภค และนักลงทุนรอผลสรุปการประชุมเฟด ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้น 9/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 2.30% ลดลงจาก 2.33% เมื่อวันจันทร์ (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์เทียบกับเงินเยนและอ่อนค่าเทียบกับเงินยูโร หลังการประกาศยอดขายรถยนต์ในสหรัฐประจำเดือนเม.ย. หนุนทิศทางของเฟดว่าอาจไม่รีบขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้ ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้น 0.1% เทียบกับเงินเยนที่ระดับ 111.97 เยน เงินยูโรแข็งค่า 0.3% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0925 ดอลลาร์สหรัฐ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปิดลดลง 0.1% สู่ระดับ 98.982 (Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกเมื่อวันอังคาร เนื่องจากนักลงทุนรอผลการประชุมเฟด เป็นที่คาดการณ์อย่างกว้างขวางว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ย แต่อาจให้เบาะแสเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. การปรับตัวขึ้นของหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมชดเชยหุ้นกลุ่มยานยนต์และพลังงานที่ปรับตัวลงและนักลงทุนได้ซึมซับรายงานผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ แล้ว (Reuters)
ยอดขายรถยนต์ในสหรัฐในเดือนเม.ย. ลดลง GM ผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 1 ของสหรัฐรายงานยอดขายในเดือนเม.ย. ลดลง 6% ส่วนยอดขายของฟอร์ด ผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 2 ของสหรัฐ ลดลง 7.2% ในเดือนเม.ย. เช่นกัน (Reuters)
คาดกำไรสุทธิบริษัทต่าง ๆ เพิ่มขึ้น คาดกำไรสุทธิบริษัทในดัชนี S&P500 จะเพิ่มขึ้น 13.9% ในไตรมาส 1/60 ซึ่งมากที่สุดนับแต่ปีค.ศ. 2011 เพิ่มขึ้นเทียบกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 13.6% เมื่อวันจันทร์ 12.4% ในสัปดาห์ก่อน และ 10% เมื่อวันที่ 12 เม.ย. จากข้อมูลของ Thomson Reuters l/B/E/S (Reuters)
ทรัมป์ดิ้นรนที่จะยกเครื่องประกันสุขภาพ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กดดันสมาชิกพรรครีพับลิกันเมื่อวันอังคารให้สนับสนุนการยกเครื่องระบบประกันสุขภาพ และพยายามจูงใจสมาชิกที่กลัวการต่อต้านจากผู้ที่อาจสูญเสียผลประโยชน์เกี่ยวกับการประกันสุขภาพ ทรัมป์ได้ให้คำมั่นในการหาเสียงเมื่อปี 2016 ว่าเขาจะยกเลิกกฎหมายโอบามาแคร์ ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาได้กำหนดเส้นตายหลายครั้งในสภาผู้แทนราษฎรให้ผ่านร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ ซึ่งที่ผ่านมายังมีเสียงสนับสนุนไม่เพียงพอ (Reuters)
ยุโรป :
หุ้นยุโรปเริ่มต้นซื้อขายวันแรกของเดือน พ.ค.วานนี้ ด้วยการปิดบวกเนื่องจากผลการดำเนินงานบริษัทที่ออกมาดี รวมถึงข้อมูลอุตสาหกรรมการผลิตที่ออกมาสนับสนุนว่าเศรษฐกิจกำลังเติบโตดี โดยที่หุ้นภาคการเงินและภาคอุตสาหกรรมเป็นตัวหนุนหลักของตลาดวานนี้ (Reuters)
คาดการณ์ผลการดำเนินงานออกมาแข็งแกร่ง ประมาณ 1 ใน 3 ของหุ้นใน MSCl Europe ได้รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/60 แล้ว ข้อมูลของ Thomson Reuters l/B/E/S เผยกำไรบริษัทยุโรปโดยรวมเติบโต 13.9% (Reuters)
กิจกรรมภาคอุตสาหกรรมเดือน เม.ย. แตะระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี เนื่องจากอุปสงค์ที่ยังแข็งแกร่งอยู่แม้ราคาจะปรับตัวขึ้น โดยที่ดัชนี final Markit Eurozone Manufacturing PMl เดือน เม.ย. อยู่ที่ 56.7 เพิ่มขึ้นจาก 56.2 ในเดือน มี.ค. และต่ำกว่าประมาณการเพียงเล็กน้อยที่ 56.8 โดยที่มี 7 จากทั้งหมด 8 ประเทศแสดงการปรับตัวที่ดีขึ้น (lHS Markit)
เอเชีย :
ตัวเลขภาคบริการญี่ปุ่นเดือนเม.ย.เติบโตช้าลงแต่ยังแข็งแกร่งอยู่ ดัชนี Nikkei service sector PMl เดือน เม.ย. อยู่ที่ 52.2 ปรับตัวลงจาก 52.9 ในเดือน มี.ค. แต่ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งอยู่ (lHS Markit)
อัตรากำไรเชื้อเพลิงอากาศยานในเอเชียปรับตัวลงสู่จุดต่ำสุดในรอบเกือบ 9 เดือน เนื่องจากอุปทานเติบโตเร็วกว่าอุปสงค์ ขณะที่การส่งออกจากจีนและอินเดียได้กดดันกำไรเช่นกัน (Reuters)
ภาคการผลิตจีนปรับตัวดีขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 7 เดือนในเดือนเม.ย. ดัชนี PMl ภาคการผลิตของจีนจากสถาบัน Caixin อยู่ที่ระดับ 50.3 ในเดือนเม.ย. ลดลงจากที่ระดับ 51.2 ในเดือนมี.ค. เป็นสัญญาณการปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยของภาคอุตสาหกรรมการผลิตของจีน ยิ่งไปกว่านั้น การปรับตัวดังกล่าวเป็นการปรับตัวขึ้นน้อยที่สุดนับแต่เดือนก.ย. ปีก่อน (lHS Markit)
จีนชื่นชมประเทศอาเซียนผ่อนจุดยืนเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาททะเลจีนใต้วันอังคาร ณ การประชุมซัมมิตช่วงสุดสัปดาห์ ระบุว่าความพยายามเพื่อที่จะบรรเทาความตึงเครียดเริ่มบรรลุผล ประเทศอาเซียนได้ยอมตัดข้อความส่วนที่อ้างถึง "การถมทะเลสร้างเกาะเทียม และการเสริมกำลังทางทหาร" ของจีนออกไปจากคำแถลงของประธานปีนี้ ณ ตอบจบการประชุมซัมมิตที่มะนิลา เมืองหลวงฟิลิปปินส์ (Reuters)
ผู้กำกับดูแลฮ่องกงและจีนเตรียมเปิดเผยแผนเชื่อมตลาดพันธบัตรจีนมูลค่ากว่า 8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐกับนักลงทุนต่างประเทศในเดือน ก.ค.นี้ และคาดว่าตลาดจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง นอกจากนี้ การประกาศดังกล่าวยังตรงกับงานเฉลิมฉลองใหญ่เนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปีอังกฤษส่งมอบฮ่องกงคืนสู่จีนอีกด้วย (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
น้ำมันดิบร่วงวันอังคาร เพราะการผลิตเพิ่มขึ้นในสหรัฐ แคนาดาและลิเบียมีผลเหนือการลดกำลังผลิตของรัสเซียและ OPEC ส่วนใหญ่ ก่อนการประกาศตัวเลขสหรัฐที่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลงเป็นรอบที่สี่ น้ำมันดิบ Brent ล่วงหน้าลบ 1.06 ดอลลาร์สหรัฐ (-2.1%) ปิด 50.46 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ต่ำสุดนับแต่ 29 พ.ย. หนึ่งวันก่อนที่ OPEC ตกลงกันลดกำลังผลิต น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้า มิ.ย. ลบ 1.18 ดอลลาร์สหรัฐ (-2.4%) ปิด 47.66 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ต่ำสุดนับแต่ 21 มี.ค. (Reuters)
ทองคำร่วงสู่จุดต่ำสุดรอบ 3 สัปดาห์วันอังคาร เพราะความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงดันหุ้นขึ้นและดอลลาร์ปรับตัวสูงสุดรอบ 6 สัปดาห์เทียบเยน ทองคำตลาดจรลบ 0.1% ปิด 1,255.43 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หลังขึ้นไปถึง 1,251.37 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ต่ำสุดตั้งแต่ 10 เม.ย. ทองคำตลาดจรบวก 0.1% ปิด 1,256.86 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 0-2680-5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 0-2680-5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 0-2680-5056
MISS. Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042