- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 03 May 2017 17:37
- Hits: 1964
บล.กรุงศรี : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ลดลง 2.2 จุด ปิดที่ 1,564 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบาง 35,126 ล้านบาท นักลงทุนต่างขายสุทธิ 208 ล้านบาท อย่างไรก็ตามนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาด TFEX 3,021 สัญญา และ ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 4,164 ล้านบาทเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : คงมุมมองเป็นกลางถึงลบ ตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ คาดกลุ่มพลังงานจะยังกดดันดัชนีหลังจากราคาน้ำมันดิบลดลงต่อเนื่อง โดยวานนี้ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.18 ดอลลาร์ (-2.4%) ปิดที่ 47.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำที่สุดในรอบกว่า 5 ปี เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลกับภาวะ Over supply จำการผลิตน้ำมันดิบที่สูงขึ้น ของสหรัฐ และ ลิเบีย ประกอบกับนักลงทุนจะยังชะลอการลงทุนเพื่อรอดูผลประชุมของเฟดในคืนวันนี้ แม้ตลาดส่วนใหญ่เชื่อว่าเฟดจะอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75%-1% ตามเดิม แต่ต้องติดตามถ้อยแถลงหลังการประชุมเพราะหากเฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งถัดไปอาจเป็นปัจจัยลบกดดันตลาดได้เช่นกัน (Bloomberg consensus คาด Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน พ.ค. 13%, เดือนมิ.ย. 70%, เดือน ก.ย.80%) เรายังเน้นกลยุทธ์การลงทุนเป็น Selective หุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการ 1Q17 จะออกมาดีเป็นหลัก อาทิ PTTGC,IVL, BANPU,AOT, ERW, TACC, BIG, HANA และ TASCO และเน้นดัชนีต้องไม่หลุดต่ำกว่าระดับ 1,560 จุด หากไม่สามารถยืนได้อาจต้องลดพอร์ตและรอซื้อกลับบริเวณ 1,545 จุด
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy
หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น :TASCO (ซื้อเก็งกำไร/เป้า Consensus30) รับอานิสงส์ราคาน้ำมันดิบส่งผลให้ต้นทุนการผลิตยางมะตอยลดลง ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการ 1Q17 เติบโตโดดเด่นจากดีมานด์ยางมะตอยในตลาดหลักเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (ไทย อินโดฯ และ จีน)
ธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตดีปีนี้: ธนาคาร, พลังงาน, อาหารและเครื่องดื่ม และอสังหาริมทรัพย์
Top picks ปีนี้ : BIG, BLA, BR, HANA, KKP, MINT, PTTGC, QH, SCI และ TU
KSS report วันนี้ :AP (ซื้อ/เป้า 8.6),BR (ซื้อ/เป้า 7.5)
ประเด็นสำคัญวันนี้:
สถิติบ่งชี้ตลาดหุ้นไทยมักเกิด Sell in May : Sell in May เป็นปรากฏการณ์ที่ตลาดหุ้นมักจะปรับตัวลงในเดือนพ.ค.และลดลงต่อเนื่องไปอีก 1-2 เดือนแล้วค่อยฟื้นตัว ทั้งนี้เป็นเพราะตลาดหมดข่าวดีและนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากผ่านพ้นช่วงประกาศงบไตรมาส 1 สำหรับตลาดหุ้นไทยหากอิงจากสถิติย้อนหลังในช่วง 7 ปีที่ผ่านมาพบว่า Set index ให้ผลตอบแทนติดลบในเดือนพ.ค.สูงถึง 5 ปีหรือคิดเป็นโอกาสที่จะให้ผลตอบแทนเป็นลบสูงถึง 71% ส่วนในปีนี้ แม้ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา Set index จะเพิ่มขึ้นเพียง 1.5% แต่ด้วยตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ และ กังวล Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในเดือน มิ.ย. จึงเป็นไปได้สูงที่นักลงทุนจะเทขายทำกำไรหลังจากที่บริษัทจดทะเบียนประกาศงบ 1Q16 ออกมาทั้งหมดในช่วงกลางเดือน พ.ค.และรอดูความชัดเจนของ Fed ในเดือนถัดไป
(-) กลุ่มพลังงาน : ราคาน้ำมันดิบยังไม่ฟื้นวานนี้ WTI ร่วงอีก 2.4% ปิดทำสถิติต่ำสุดในรอบกว่า 5 เดือน : วานนี้ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.18 ดอลลาร์ (-2.4%) ปิดที่ 47.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลกับภาวะ Over supply หลังจากล่าสุด ลิเบีย รายงานว่าสามารถผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 760,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี ขณะเดียวกัน สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ก็รายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรม ณ สิ้นเดือน ก.พ.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.055 พันล้านบาร์เรล สูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาถึง 330 ล้านบาร์เรล
(-) Fund Flow ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 แต่ยังขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย: วานนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นภูมิภาค US$538 ล้าน โดยซื้อสุทธิเกือบทุกตลาดยกเว้นตลาดหุ้นไทย โดยซื้อมากที่สุดในตลาดหุ้นไต้หวัน US$357 ล้าน ตามด้วยเกาหลีใต้ US$116 ล้าน ส่วนกลุ่ม TIP ต่างชาติซื้อสุทธิมากที่สุดในตลาดหุ้นอินโดฯ US$ 63.6 ล้าน ตามด้วย ฟิลิปปินส์ US$ 6.6 ล้าน ส่วนตลาดหุ้นไทยต่างชาติขายสุทธิ US$6 ล้าน
(+/-) ประชุมเฟดคืนนี้คาดคงดอกเบี้ยตามเดิมแต่ต้องติดตามถ้อยแถลงหลังการประชุมว่าจะมีการส่งสัญาณขึ้นดอกเบี้ยในครั้งถัดไปหรือไม่ : เราและตลาดส่วนใหญ่คาดว่าการประชุมของเฟดในวันนี้จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.75%-1% ตามเดิม (Bloomberg Consensus) คาดเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 87% อย่างไรก็ตามต้องติดตามถ้อยแถลงหลังการประชุมว่าเฟดจะส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งถัดไปหรือไม่ โดย Bloomberg Consensus คาดโอกาสที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.สูงถึง 70% และคาดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. 80%