- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 28 April 2017 17:47
- Hits: 1958
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ “Sideway กรอบแคบด้วยวอลุ่มที่เบาบาง”
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งตัว Sideway ในกรอบแคบ เคลื่อนไหวบวก-ลบสลับกัน โดยตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆเข้ามาในตลาด หลังจากที่มาตรการปฏิรูปของภาษีสหรัฐฯยังไม่ได้ข้อสรุป ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง และเมื่อวาน Flow ของต่างชาติขายทั้งหุ้น (617 ล้านบาท) และตราสารหนี้ (2,994 ล้านบาท) ซึ่งกลุ่มที่ปรับตัวลงได้แก่ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ลดลง 0.5% DoD ตามมาด้วยกลุ่มค้าปลีกลดลง 0.2% DoD ส่งผลทำให้ SET Index ปิดวานนี้ที่ 1,567.47 จุด (-0.70 จุด) มูลค่าซื้อขายเบาบางที่ 33,299 ล้านบาท
ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดหุ้นวันนี้
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ DJIA +6.24 จุด (+0.03%) ได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดี แต่ตลาดถูกกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาไม่ดีนักอย่างยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐฯเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น 0.7% ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 14,000 รายมาอยู่ที่ 257,000 คันสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่จะอยู่ที่ 245,000 ราย
(+) ราคาถ่านหิน +1.5% มาอยู่ที่ 80.05 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน
(-) ราคาทองคำที่ตลาด COMEX +0.1% อยู่ที่ 1,265.90 ดอลลาร์/ออนซ์
(-) ตลาดหุ้นยุโรปDAX-0.23%CAC40 -0.31% และFTSE100 -0.71%
(-) ราคาน้ำมันดิบ WTI -1.3% มาอยู่ที่ 48.97 ดอลลาร์/บาร์เรล ตลาดได้รับแรงกดดันจากข่าวบ่อน้ำมันที่ลิเบียเริ่มทำการผลิตแล้วหลังสิ้นสุดการประท้วงที่เริ่มมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา
(-) นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 609ล้านบาท
(-) ราคาน้ำตาลดิบเบอร์ 11 -1.2% มาอยู่ที่ 15.66 Cents/Pound
(+/-) ตัวเลขเศรษฐกิจญี่ปุ่นเช้านี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 0.2%YoY แต่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง 2.1%MoM
(+/-) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของกลุ่ม EU เดือนเม.ย. -3.6 จุด แต่ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 1.09 จุดจาก 0.83 จุดในเดือนก่อนหน้า
(+/-)ม.หอการค้าไทยเปิดเผยหนี้ครั้วเรือนไทยเฉลี่ย 1.31 แสนบาทต่อปี เทียบกับปีก่อนที่ 1.19 แสนบาทต่อปี (+10.4%) พร้อมแนะรัฐขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำเป็น 410 บาทภายใน 3 ปี
(+/-) ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เท่าเดิมในการประชุมเมื่อวานนี้ รวมถึงมีการปรับลดวงเงิน QE ตามแผนลงเหลือ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือนในช่วงเม.ย.-ธ.ค. จากระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือนในช่วงก่อนหน้า พร้อมทั้งระบุว่าอาจจะมีการขยายเวลามาตรการ QE ต่อหากมีความจำเป็น
(+/-) BDI ลดลง 13 จุด (-1.13%) มาอยู่ที่ 1,134 จุด
(+/-) ADVANC รายงานกำไรสุทธิงวด 1Q60 อยู่ที่ 7,693 ล้านบาทลดลงจากปีก่อนที่อยู่ที่ 8,072 ล้านบาท แต่ดีกว่าที่นักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมคาดไว้ที่ระดับ 6,000-7,000 ล้านบาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
หุ้นเข้า/ออก SET 50 รอบ 1H60 (คาดหุ้นเข้า ได้แก่ GL, THAI, GLOBAL, SPRC, JAS, PTG, SCCC, RATCH และหุ้นออก ได้แก่ TASCO, SAWAD, TTW, WHA, BEC, TPIPL, BCP, MTLS)
การเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบ 2 ในวันที่ 7 พ.ค.
ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญประจำสัปดาห์ ได้แก่ US GDP ไตรมาส 1 (28 เม.ย.)
กลยุทธ์การลงทุน “แกว่งตัวกรอบแคบ”
ประเมินดัชนีวันนี้มีแนวโน้มแกว่งตัวกรอบแคบ โดยภาพรวมตลาดยังไม่มีปัจจัยเด่น ด้านราคาน้ำตาลยังปรับตัวลดลงต่อ คาดว่าจะสร้างแรงขายในกลุ่มน้ำตาลต่อเนื่อง เรายังคงแนะนำทยอยสะสมหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าจะเป็นกลุ่มที่มี Catalyst เด่นในช่วง 2H60 สำหรับกลุ่มที่แนะนำลดน้ำหนักการลงทุน คือกลุ่มน้ำตาล กลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่มีประเด็น NPL ในระดับสูง
หุ้นเด่นประเด็นร้อน
CK เก็งกำไร
Backlog เพียงพอสำหรับรับรู้รายได้ปี 60-61
รอลุ้นงานเขื่อนที่ลาว ขนาดโครงการราว 7-8 หมื่นล้านบาท
CGS แนะนำซื้อราคาเหมาะสม 33.50 บาท
CNT เก็งกำไร
รับโมเมนตัมบวกจากกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่จะมีการเก็งกำไรตามความคืบหน้าของการลงทุนจากภาครัฐ
ช่วงไตรมาส 1Q60 เซ็นงานก่อสร้างมูลค่า 3.6 พันลบ. ผู้บริหารคาด Backlog จะมีมูลค่างานในมือสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 1 หมื่นลบ.
ทีมวิเคราะห์