- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 27 April 2017 17:50
- Hits: 3869
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
รายละเอียดมาตรการปฏิรูปภาษีสหรัฐฯ ยังคงไม่ชัดเจน
คาด SET Index แกว่งตัวรอปัจจัยใหม่เข้ามากำหนดทิศทางที่ชัดเจนให้กับตลาด โดยดัชนีมีแนวโน้มเคลื่อนไหวตามผลประกอบการไตรมาส 1/60 ที่กำลังทยอยประกาศออกมา (สิ้นสุดกลางเดือน พ.ค.) รวมถึงทิศทางของ Fund Flow ในตลาดโลก ในระยะสั้นเรามองตลาดหุ้นไทยยังคงมีแรงหนุนเชิงบวกจากการประกาศผลประกอบการโดยเฉพาะในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากปัจจัยภายนอก (External demand) อาทิ ปิโตรเคมี สำหรับผลบวกจากมาตรการปฏิรูปภาษีของรัฐบาลทรัมป์ในคืนที่ผ่านมาอาจยังอยู่ในระดับที่จำกัด เนื่องจากยังขาดความชัดเจนของรายละเอียดในหลายประเด็นสำคัญ ส่งผลให้ค่าเงินเหรียญรวมถึงผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ยังคงแกว่งตัวและมีทิศทางการปรับขึ้นที่จำกัด ทำให้สภาพคล่องยังอยู่ในตลาดหุ้นเกิดใหม่ซึ่งเศรษฐกิจเติบโตในอัตราที่สูงกว่า อย่างไรก็ตามจากทิศทางการปรับประมาณการในหุ้นอื่นลง อาทิ กลุ่มธนาคาร ทำให้ตลาดเคลื่อนไหวในกรอบจำกัด ในภาวะที่เม็ดเงินจำกัด ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน เรายังคงเลือกหุ้นที่เป็นเป้าหมายของการเพิ่มน้ำหนักของนักลงทุนสถาบัน เน้นกลุ่มปิโตรเคมี อาหาร และท่องเที่ยว และระวังแรงขายทำกำไรหุ้นกลาง-เล็ก ที่อยู่ในระดับที่แพง อาจเกิด De-rating // หุ้นแนะนำ IRPC, TU, IVL, MINT
สรุปรายละเอียดมาตรการปฏิรูปภาษีรัฐบาลทรัมป์ – 1. ปรับลดอัตราการเก็บภาษีภาคธุรกิจ (นิติบุคคล/ธุรกิจขนาดย่อม) ลงมาอยู่ที่ร้อยละ 15 จากเดิมที่ร้อยละ 35, 2. ปรับลดขั้นบันไดการคิดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเหลือเพียง 3 ขั้น จากเดิมที่ 7 ขั้น โดยผู้มีรายได้สูงสุดจะเสียภาษีที่ร้อยละ 35 ส่วนอีกสองขั้นที่เหลือจะเสียภาษีที่ร้อยละ 25 และ 10 ตามลำดับ, 3. ยกเลิกการหักลดหย่อนภาษีมี่เอื้อประโยชน์ต่อคนรวย เช่น การหักลดหย่อนสำหรับการเสียภาษีให้แก่รัฐและเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่น, 4. ยกเลิกการจัดเก็บภาษีอสังหาริมทรัพย์, 5. ยกเลิกการจัดเก็บภาษี Alternative Minimum Tax กับ ภาษีโอบามาแคร์ในอัตรา 3.8%, 5. เพื่มวงเงินเป็นสองเท่าสำหรับการหักลดหย่อนมาตรฐานที่คู่สมรสระบุในแบบฟอร์มการชะระภาษี สู่ระดับ 24,000 ดอลลาร์
วันนี้ประกาศงบ PTTEP – เราคาดผลประกอบการยังคงออกมาดีตามทิศทางราคาพลังงานที่ปรับขึ้น และกำไรปกติเติบโตขึ้น 26% QoQ และดีขึ้นอย่างมาก YoY ตามทิศทางราคาพลังงาน อย่างไรก็ตามราคาพลังงานที่อ่อนตัวลงทำให้อาจตามมาด้วยแรงทำกำไรระหว่างรอความคืบหน้าจากการเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติม กลุ่มที่แนวโน้มผลประกอบการดีในช่วง 1-2 ไตรมาสหน้า จึงอยู่ในกลุ่มปิโตรเคมีและอาหาร
สำหรับปัจจัยติดตามที่สำคัญ: 27 เม.ย. – ประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB Meeting), ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ Meeting) /
29 เม.ย. – ประชุมสุดยอดผู้นำ EU (ยุโรป) / 7 พ.ค. – เลือกตั้งฝรั่งเศส รอบ 2
คำแนะนำทางกลยุทธ์: ยังคงกลยุทธ์เลือกตัวซื้อ (Selective buy) เน้นกลุ่มปิโตรเคมี อาหาร และท่องเที่ยว ประเมินตลาดแกว่งตัว 1560-1600 เนื่องจากยังไม่มีเม็ดเงินใหม่และคนรอดูทิศทางการปรับประมาณการหลังงบไตรมาส 1/60 เลี่ยง/ลดน้ำหนักกลุ่มที่มีความเสี่ยงถูกลดน้ำหนักหรือคำแนะนำการลงทุนลง ได้แก่ สื่อสาร การแพทย์ และโรงกลั่น //หากสัปดาห์นี้ปิดต่ำ 1555 จุด แบ่งขายลดน้ำหนักการลงทุนลงบางส่วน
แนวรับ 1555/แนวต้าน : 1565-1570 จุด สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 30% : พอร์ตหุ้น 70%
ประเด็นเก็งกำไรเชิงกลยุทธ์
ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ดี: BDMS, SGP*, AOT, MINT, ERW, TASCO, PTTGC
หุ้นที่มีการเติบโตปี 2560 เด่น: TU, MAJOR, SQ, BANPU
หุ้นที่ผลงานผ่านจุดแย่สุด: MAJOR, SGP*, SIMAT, JWD*, TSR, TU
หุ้นเด่นปี 2560: BANPU, PTTEP, SCB, TU, STEC, DTAC*, PSTC*, KSL*, BA*
(* หุ้นที่ไม่อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH หรือหุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ ผู้ลงทุนควรพิจารณาจุดตัดขาดทุน ราว 3-5%)