- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 26 April 2017 18:13
- Hits: 4144
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'ซื้อ/ถือค่าบวก…ค่าลบดูไม่ค่อยดี'
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยปิดลดลง แต่สูงกว่าระดับต่ำสุดของวันพอควร โดยปิด 1562.27 (-2.39 จุด) ขณะที่ต่ำสุดอยู่ที่ 1553.44 (-11.26 จุด) รวมทั้งต่างชาติซื้อสุทธิต่ออีก 1.1 พันล้านบาท ทำให้ Sentiment ลบน้อยลง และเท่ากับได้ทดสอบแนวรับที่ 1550 จุดไปแล้ว ส่วนวันนี้ ถ้าเป็นบวกได้ มีโอกาสขึ้นไปแนวต้าน 1570-1580 แต่ถ้าลบต่อดูไม่ดี มีสิทธิลงไปที่ 1530-1520 หรือต่ำกว่าได้ ส่วนปัจจัยจับตาและหุ้นเด่น ได้แก่
+ สหรัฐ : จับตามาตรการปฏิรูปภาษีของทรัมป์คืนวันนี้ ซึ่งรมว.คลังสหรัฐคาดว่ามาตรการนี้จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐโตกว่า 3% ในปี 60-61
- เกาหลีเหนือ : ตลาดเฝ้าดูอย่างใกล้ชิดว่าจะทดสอบอาวุธนิวเคลียร์รอบที่ 6 หรือไม่
+ PTTEP : คาดกำไรสุทธิ 1Q60 จะอยู่ที่ 10.2 พันล้านบาท ฟื้นตัวดีจาก 4Q59 ที่ขาดทุน 872 ล้านบาท เพราะมีกำไร FX และรายการพิเศษจากภาษีค้างจ่ายทางฝั่งหนี้สิน ส่วน Core Profit +12%YoY และ 8%QoQ จากราคาขายเฉลี่ยสูงขึ้น แนวโน้มราคาก๊าซคาดว่าจะเพิ่มต่อในช่วง 2-3 ไตรมาสข้างหน้า ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการ แนะนำซื้อเก็งกำไร ทาง DBSV ให้ TP 105 บาท
+ TCAP : NPL ลดลงมา 11 ไตรมาสต่อเนื่องเป็น 2.3% ณ สิ้นมี.ค.60 และมี Coverage Ratio สูง 152% สินเชื่อเช่าซื้อเริ่มฟื้นตัว และมีแนวโน้มเติบโตได้ดีขึ้นใน 2H60 ด้าน Valuation จูงใจ โดยซื้อขายที่ P/BV 0.9 เท่า และ P/E ปีนี้ 7.7 เท่า แนะนำซื้อ ให้ TP 53 บาท
+ WORK : คาดกำไร 1Q60 โต 190%YoY และดีขึ้นจาก 4Q59 ที่ขาดทุน หนุนโดย Rating ที่สูงขึ้น และอัตราค่าโฆษณาที่เพิ่มขึ้น (1Q60 เพิ่มเป็น 5.8-6.0 หมื่นบาท/นาที จาก 4.5-4.6 หมื่นบาท/นาทีใน 1Q59) ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรปี 60-61 ขึ้น 15% และ 25% และปรับคำแนะนำจากถือเป็นซื้อ โดยเพิ่ม TP เป็น 62 บาท (DCF)
หุ้นกลยุทธ์พื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น PTTEP
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดยังเป็นลบ การซื้อใหม่เน้นค่าบวก ค่าลบควร Wait & See ก่อน ต่ำกว่า 1560 ควรลดพอร์ตตาม
สำหรับการ SCAN หุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ SINGER, TPAC, BEC ส่วนหุ้นที่อยู่ใน List คือ ROBINS, KKP, JMT, S, EA, ROJNA, BCH, UTP, AU หุ้นแนะนำไปและให้หาจังหวะ Take Profit -ไม่มี- หุ้นหลุด List ได้แก่ TCMC, SYNEX, JMT
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ :
เรือดำน้ำสหรัฐเดินทางถึงเกาหลีใต้แล้ว เตรียมร่วมซ้อมรบช่วงสุดสัปดาห์
เรือดำน้ำยูเอสเอส มิชิแกน ของกองทัพเรือสหรัฐ (เป็นเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์พร้อมขีปนาวุธโทมาวอร์ก จำนวน 154 ลูก) ได้เดินทางถึงเกาหลีใต้แล้ว เพื่อเตรียมร่วมซ้อมรบกับกองทัพเกาหลีใต้ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ในขณะเดียวกันคาดว่าเรือรบคาร์ล วินสัน จะแล่นเข้าสู่ทะเลญี่ปุ่นภายในวันพุธหรือวันพฤหัสนี้ โดยการร่วมซ้อมรบครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อการตรวจจับ ติดตาม และสกัดขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่าเกาหลีเหนือกำลังเตรียมที่จะทดสอบขีปนาวุธหรือยิงอาวุธนิวเคลียร์เป็นครั้งที่ 6 ซึ่งขัดต่อมติของสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ในช่วงการเฉลิมฉลองวันครบรอบ 85 ปีการก่อตั้งกองทัพในวันนี้
+ สหรัฐ : ยอดขายบ้านใหม่มี.ค.ขยายตัวแกร่ง ราคาบ้านในสหรัฐเพิ่มกว่า 5%YoY
ยอดขายบ้านใหม่เดือนมี.ค. +5.8%MoM สู่ระดับ 621,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.59 และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะ -0.8% สู่ระดับ 583,000 ยูนิตในเดือนมี.ค. ส่วนราคาบ้านในสหรัฐ +5.8%YoY ในเดือนก.พ.60 สำหรับดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐ +5.9% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ +5.7%
สหรัฐ : จับตาแผนปฏิรูปภาษีของทรัมป์วันนี้
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการปฏิรูปภาษีของปธน.ทรัมป์ในวันนี้ โดยนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่ามาตรการปฏิรูปภาษีจะช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างมาก จนทำให้การขาดดุลงบประมาณสามารถอยู่ภายใต้การควบคุม และเศรษฐกิจสหรัฐจะเติบโตได้กว่า 3% ในปี 60-61 จากที่ประมาณการกันไว้ที่ 2 % กว่าๆ และสูงขึ้นอย่างมากจากปี 59 ที่ 1.6%
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : ดัชนี DJIA พุ่ง 232.23 จุด รับผลประกอบการและตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
ดัชนี DJIA ปิดที่ 20,996.12 จุด พุ่งขึ้น 232.23 จุด หรือ +1.12% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,388.61 จุด เพิ่มขึ้น 14.46 จุด หรือ +0.61% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,025.49 จุด เพิ่มขึ้น 41.67 จุด หรือ +0.70% ปัจจัยหนุนหลัก คือ ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบจ.และยอดขายบ้านใหม่ที่เพิ่มขึ้นแกร่ง
+/ สัญญาน้ำมันดิบ : รีบาวด์เล็กๆ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 33 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 49.56 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 52.10 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากคาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะลดลง
- สัญญาทองคำ : ปิดร่วงลง
นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในต่างประเทศ ทั้งชัยชนะของนายเอมมานูเอล มาครอง ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบแรก และการที่เกาหลีเหนือไม่ได้ทดลองนิวเคลียร์เมื่อวานนี้ จึงโยกการลงทุนไปยังสินทรัพย์เสี่ยงอื่น ปิดตลาดสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 10.30 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ระดับ 1,267.20 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ :
+ ส่งออกเดือนมี.ค.สูงสุดในรอบ 46 เดือน
มูลค่าส่งออกสินค้าไทยในเดือนมี.ค. 2560 มีอยู่ที่ 20,888 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (+9.2%YoY) สูงที่สุดในรอบ 46 เดือน โดยราคาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันปรับขึ้นดี เช่น ราคายางพารา ผลิตภัณฑ์ยาง เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก และน้ำมันสำเร็จรูป นอกจากนั้นสินค้าอาหาร เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ มีแนวโน้มการส่งออกที่ดีขึ้นด้วย สำหรับ 1Q60 มูลค่าส่งออก +4.9%YoY นำเข้า +14.8%YoY เกินดุลการค้า 4.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
พาณิชย์ยืนยันญี่ปุ่นตัดสิทธิ GSP ในปี 62 กระทบสินค้าไทยน้อยมาก
รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่าการที่ญี่ปุ่นตัดสิทธิ GSP ประเทศไทย จะกระทบต่อการค้าระหว่างไทยกับญี่ปุ่นน้อยมาก เนื่องจากไทยส่งออกไปญี่ปุ่นภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรีไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) และอาเซียนญี่ปุ่น (AJCEP) มาประมาณ 10 ปีและครอบคลุมสินค้ากว่า 6,000 รายการ มูลค่าการค้ากว่า 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ขณะที่ส่งออกภายใต้สิทธิ GSP มีการใช้สิทธิเพียง 14 รายการมูลค่าประมาณ 17 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปีเท่านั้น และสินค้าหลายรายการกำลังจะเข้าไปอยู่ภายใน JTEPA
-/ ราคาถ่านหินอ่อนลง แต่ยังสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบ YoY
หลังความกังวลเรื่องพายุไซโคลน Debbie ในออสเตรเลียผ่อนคลายลง ราคาถ่านหินจึงอ่อนลงมาที่ 80 ดอลลาร์/ตันอีกครั้ง หลังจากปรับขึ้นไปเกือบ 90 ดอลลาร์ในสัปดาห์ก่อน แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ราคาถ่านหินก็ยังสูงมากกว่า 30%YoY และเรายังคงเชื่อว่าราคาขายถ่านหินเฉลี่ยปี 60 จะสูงกว่าปีก่อน ทำให้ผลประกอบการปีนี้จะเติบโตก้าวกระโดด 257% การอ่อนตัวของราคาหุ้น BANPU จึงเป็นจังหวะซื้อ ทาง DBSV ให้ราคาพื้นฐาน 21 บาท ความเสี่ยง คือ คดีความกรณีโรงไฟฟ้าหงสา
+ TCAP (ราคาปิด 46.25 บาท) : NPL ลดลงต่อเป็นไตรมาสที่ 11 และสินเชื่อเช่าซื้อเริ่มฟื้นตัว
ธนาคารมีกำไรสุทธิไตรมาส 1/60 เท่ากับ 1.6 พันล้านบาท (+19%YoY, -5%QoQ) รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นดีใน 1Q60 ทั้งที่มาจากธุรกิจประกัน บริหารจัดการการลงทุน และธุรกิจหลักทรัพย์ ด้าน NIM ก็เพิ่มขึ้นจากต้นทุนการเงินต่ำลง การตั้งสำรองฯลดลงตามคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้น ทางด้านสินเชื่อ -1.3%QoQ ใน 1Q60 โดยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่คิดเป็น 51% ของพอร์ตรวมฟื้นตัว (+1.2%QoQ) แต่สินเชื่อรายใหญ่และ SME ลดลง แต่มีแนวโน้มว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ สำหรับ NPL ลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 11 โดย -5%QoQ เป็น 2.32% (จาก 2.41% ในสิ้นปี 59) และมี Coverage Ratio เพิ่มเป็น 152% (จาก 147% ในสิ้นปี 59) ด้าน Valuation จูงใจ โดยซื้อขายที่ P/E ปีนี้ที่ 7.7 เท่าและ P/BV 0.9 เท่า ปันผลดี คาด Yield ปีนี้ 4.6% และเพิ่มเป็น 5.0% ในปี 61 แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 53 บาท
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]