- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 25 April 2017 17:17
- Hits: 1381
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แนวโน้มตลาดวันนี้ (25/04/60)
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ “ปรับตัวลงสวนตลาดต่างประเทศ”
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลดลง 5.36 จุด สวนตลาดต่างประเทศที่ปรับตัวบวกกันทั่วโลกตอบรับการเลือกตั้งรอบแรกในฝรั่งเศส ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังคงได้รับแรงกดดันจากกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ยังปรับตัวลดลงต่อเนื่องอีก 1.1% DoD หลังประกาศงบใน 1Q17 ไปหมดแล้ว เนื่องจากมีความกังวลเรื่องหนี้เสียที่กลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ประกอบกับ ราคาน้ำมันมีการปรับตัวลงต่อจึงทำให้กลุ่มพลังงานลดลง 0.3% DoD ส่งผลทำให้ SET Index ปิดวานนี้ที่ 1,564.66 จุด มูลค่าซื้อขายเฉลี่ย 37,923 ล้านบาท
ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดหุ้นวันนี้
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ DJIA +216.13 จุด (+1.05%) โดยได้รับแรงบวกจากผลการเลือกตั้งรอบแรกของฝรั่งเศสที่ผู้มีคะแนนนำเป็นผู้ที่มีนโยบายไม่แยกตัวออกจากกลุ่มสหภาพยุโรป รวมถึงนักลงทุนคาดหมายว่าทาง ปธน.ทรัมป์ จะเปิดเผยข้อเสนอเกี่ยวกับมาตรการปฎิรูปภาษีในวันพุธนี้
(+) ตลาดหุ้นยุโรปDAX+3.37% CAC-40 +4.14% และ FTSE100 +2.1%
(+) ราคาทองคำที่ตลาด COMEX -0.90% อยู่ที่ 1,277.50 ดอลลาร์/ออนซ์
(+) นักลงทุนต่างประเทศกลับมามียอดซื้อสุทธิ 409 ล้านบาท หลังขายรวมกันสุทธิไปกว่า 4,200 ล้านบาท
(+) กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยตัวเลขส่งออกเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 9.22%YoY โดยตลาดประเทศจีนขยายตัวได้มากถึง 48%YoY สูงสุดในรอบ 5 ปี รวมไตรมาส 1 เพิ่มขึ้น 4.9%YoY สูงสุดในรอบ 17 ไตรมาส
(+) โตโยต้าเตรียมลงทุนเพิ่มใช้ไทยเป็นฐานผลิตรถยนต์ขนาดเล็ก (Compact car) เพื่อใช้ส่งออกไปทั่วโลก
(+) กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเปิดเผยยอดจดทะเบียนธุรกิจใหม่เดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 10%YoY และ 18%MoM แต่ในแง่มูลค่าลดลง 2%YoY และ 1%MoM
(+) วันนี้กลุ่ม BSR (BTS-STEC-RATCH) ลุ้นครม.ไฟเขียวผลประมูลรถไฟฟ้าสีชมพู-เหลือง คาดเซ็นสัญญากลาง พ.ค.60
(-) ราคาน้ำมันดิบ WTI -0.8% มาอยู่ที่ 49.23 ดอลลาร์/บาร์เรล แรงกดดันหลักยังมาจากตัวเลขแท่นขุดเจาะน้ำมันรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 5 แท่นสู่ระดับ 688 แท่น
(-) ราคาน้ำตาลดิบเบอร์ 11 -0.5% มาอยู่ที่ 16.53 Cents/Pound
(-) ราคาถ่านหิน -2.3% มาอยู่ที่ 79.25 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน
(+/-) BDI ลดลง 25 จุด (-2.09%) มาอยู่ที่ 1,170 จุด
(+/-) CPF แจ้งปฏิเสธข่าวที่ว่าบริษัทจะซื้อธุรกิจร้าน 7-11 ในอินโดนีเซีย
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
หุ้นเข้า/ออก SET 50 รอบ 1H60 (คาดหุ้นเข้า ได้แก่ GL, THAI, GLOBAL, SPRC, JAS, PTG, SCCC, RATCH และหุ้นออก ได้แก่ TASCO, SAWAD, TTW, WHA, BEC, TPIPL, BCP, MTLS)
การเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบ 2 ในวันที่ 7 พ.ค.
ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญประจำสัปดาห์ ได้แก่ US ยอดขายบ้านใหม่ มี.ค. (25 เม.ย.) ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน มี.ค. (27 เม.ย.) GDP ไตรมาส 1 (28 เม.ย.) EU ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เม.ย. (27 เม.ย.)
กลยุทธ์การลงทุน “เน้นรายตัว”
ประเมินดัชนีวันนี้มีแนวโน้มแกว่งตัวกรอบแคบ แม้ว่าตลาดจะได้โมเมนตัมบวก จากตลาดต่างประเทศ แต่ด้วยราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลงต่อเนื่องจะสร้างแรงขายในกลุ่มพลังงานกดดัน มองประเด็นต่อตลาดไทยในระยะสั้นยังจำกัด คงแนะนำเก็งกำไรสั้นรายตัวที่มี Catalyst โดดเด่น และผลดำเนินงานทึ่คาดจะออกมาเด่นในปี 60 สำหรับระยะกลางแนะนำสะสมหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มโรงพยาบาล
หุ้นเด่นประเด็นร้อน
CPF เก็งกำไร
CPF ชี้แจ้งผ่านตลาดฯ ว่าไม่ได้มีส่วนต่อการเตรียมเข้าซื้อกิจการ 7-11 ในประเทศอินโดนิเซีย
สถิติราคาเนื่อสุกรปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกช่วงไตรมาส 2 ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาแนะนำเก็งกำไรตามโมเมนตัมของราคาสุกร
CGS แนะนำซื้อราคาเหมาะสม 33 บาท อ้างอิง PBV 1.8X
CM เก็งกำไร
เตรียมเข้าสู่ช่วง High Season ของบริษัทในช่วงไตรมาส 2 จากที่จะมีผลผลิตข้าวโพดหวานออกมาในช่วงเดือน ก.พ. และ มี.ค.
ปัจจุบัณซื้อขายอยู่ที่ระดับ PER 9.6 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ซื้อขายกันที่ระดับ PER 21 เท่า
ทีมวิเคราะห์