- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 21 April 2017 17:03
- Hits: 2826
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้'เคลื่อนไหวกรอบจำกัด หลังปัจจัยรุมเร้า'
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้เคลื่อนไหวผันผวน โดยแม้ช่วงเช้าจะเห็นการรีบาวด์ แต่ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางบวกกับไม่มีปัจจัยใหม่ๆ กระทบตลาดมีเพียงสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีและเลือกตั้งฝรั่งเศสที่ยังต้องติดตาม รวมถึงเแรงกดดันราคาน้ำมันดิบปรับลง และความกังวล Fund Flow ไหลออก (ต่างชาติยังขายสุทธิ 4 วันติดต่อกันรวมแล้ว 3,200 ล้านบาท) ทำให้ช่วงบ่ายเกิดแรงขายทำกำไรระยะสั้น ตลอดจนลดช่วงบวกของ SET Index ลงมาปิดตลาดสิ้นวันที่ 1,566.28 จุด (-0.06%DoD) มูลค่าซื้อขาย 41,072 ล้านบาท
ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดหุ้นวันนี้
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ DJIA +174.22 จุด (+0.85%) หลังจากรมว.คลังของสหรัฐฯเปิดเผยว่าคณะทำงานของปธน.ทรัมป์เตรียมเปิดเผยมาตรการปฏิรูปภาษีครั้งใหม่ในไม่ช้า
(+) EU รายงานตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย. -3.6 ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ว่าจะติดลบ 4.8
(+) ตลาดหุ้นยุโรปDAX+0.09% CAC-40 +1.48 % และ FTSE100 +0.06%
(+) ราคาน้ำตาลดิบเบอร์ 11 +0.9% มาอยู่ที่ 16.59 Cents/Pound
(+) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างเตรียมเข้าประมูลรถไฟทางคู่ 5 เส้นทางหลัง ครม.เห็นชอบร่าง TOR ใหม่ โดยเส้นทางแรกได้แก่หัวหิน-ประจวบฯ ราคากลางประมาณ 7,000 ล้านบาท
(-) ราคาน้ำมันดิบ WTI -0.3% มาอยู่ที่ 50.27 ดอลลาร์/บาร์เรล ตลาดยังคงกังวลเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯต่อเนื่อง แม้ว่าทางซาอุจะเปิดเผยว่าแผนการลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกและนอกกลุ่มมีแนวโน้มจะขยายเวลาออกไปหลังจากจะครบกำหนดในเดือนมิ.ย.นี้
(-) นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 อีก 412 ล้านบาท รวมแล้วขายสุทธิไปอีก 3,209 ล้านบาท
(-) LHBANK กำไรสุทธิ 1Q17 ออกมา 587 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.7% YoY แต่ลดลง 6% QoQ คิดเป็นเพียง 20% ของประมาณการณ์ทั้งปีของเรา โดยเราอาจจะมีการปรับประมาณการณ์ลง รอการประชุมนักวิเคราะห์อีกที
(-) ราคาถ่านหิน -3.3% มาอยู่ที่ 81.3 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน
(-) ราคาทองคำที่ตลาด COMEX +0.03% อยู่ที่ 1,283.80 ดอลลาร์/ออนซ์
(-) ก.ล.ต.กล่าวโทษผู้บริหาร TRITN 9 รายเหตุร่วมกันทุจริต
(+/-) ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ จำนวนผู้รับสวัสดิการวางงานครั้งแรกรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 10,000 รายอยู่ที่ 244,000 ราย แต่จำนวนที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลง 49,000 รายสู่ระดับ 1.98 ล้านรายต่ำสุดตั้งแต่เดือนเม.ย ปี 2543
(+/-) BDI ลดลง 35 จุด (-2.74%) มาอยู่ที่ 1,243 จุด
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
หุ้นเข้า/ออก SET 50 รอบ 1H60 (คาดหุ้นเข้า ได้แก่ GL, THAI, GLOBAL, SPRC, JAS, PTG, SCCC, RATCH และหุ้นออก ได้แก่ TASCO, SAWAD, TTW, WHA, BEC, TPIPL, BCP, MTLS)
การประกาศงบการเงินกลุ่มธนาคาร
ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญประจำสัปดาห์ ได้แก่ US PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการเบื้องต้นเดือนเม.ย. (21 เม.ย.) EU PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการเบื้องต้นเดือนเม.ย. (21 เม.ย.)
กลยุทธ์การลงทุน “เน้นรายตัว”
ประเมินดัชนีวันนี้มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น จากโมเมนตัมบวกของตลาดหุ้นสหรัฐที่คาดว่า Tax reform ใกล้จะมึความคืบหน้า เรายังคงแนะนำเก็งกำไรสั้นรายตัว ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังไม่มีกลุ่มใดโดดเด่น จากเศรษฐกิจไทยที่อ่อนแอและเติบโตน้อยกว่าภูมิภาค ทำให้เรายังไม่คาดหวังการปรับตัวขึ้นที่โดดเด่น ยังคงแนะนำเก็งกำไรรายตัวที่มี Catalyst โดดเด่น และผลดำเนินงานทึ่คาดจะออกมาเด่นในปี 60
หุ้นเด่นประเด็นร้อน
BA เก็งกำไร
เตรียมรายงานผลประกอบช่วง High Season ในช่วงไตรมาส 1
ราคาอ่อนตัว 11.45% YTD มองเป็นกลุ่มที่มีการถือครองต่ำและคาดว่าจะได้รับโมเมนตัมบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง
CGS แนะนำเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 23.25 บาท
BCH เก็งกำไร
คาดหวังการกลับมากำไรของ WMC เป็นปีแรกในปี 60
ประเมินกำไรปี 60 โต 18.4% YoY จากรายได้จากกลุ่มประกันสังคมที่มีการปรับค่ารักษาพยาบาล และการปรับค่ายาและเวชภัณฑ์
CGS แนะนำเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 15.60 บาท
ทีมวิเคราะห์