- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 12 April 2017 16:52
- Hits: 2606
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ซื้ออ่อนตัว
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัวแคบตลอดทั้งวัน แต่สามารถปิดบวกและยืนเหนือ 1580 จุดได้และ outperform ตลาดหุ้นในเอชียที่ส่วนใหญ่ปิดลบ จากแรงซื้อในกลุ่มแบงก์โดยเฉพาะ BBL-NVDR ที่กลับมาเทรดได้หลังจากหยุดไปนาน รวมถึงการปรับขึ้นของ BANPU
แนวโน้มตลาดวันนี้ : แม้ว่าตลาดหุ้นในเอเชียส่วนใหญ่จะถูกกดดันจากสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี แต่เชื่อว่ากลุ่มพลังงานและแบงก์จะประคอง SET ให้ outperform ตลาดเพื่อนบ้านได้ ขณะที่สุนทรพจน์ของเยลเลนเมื่อคืนนี้ไม่ได้กดดันตลาด ตามสถิติ SET หลังสงกรานต์มักปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 2% เราเชื่อว่ามีโอกาสลุ้น ขึ้นกับผลประกอบการกลุ่มแบงก์เป็นหลัก ในทางเทคนิครูปแบบกราฟราคาเริ่มส่งสัญญาณที่ดีขึ้น โดยวานนี้ปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 1586 จุดอีกครั้งและมีมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นกว่าวันก่อนและมีโอกาสทะลุผ่านมากขึ้น เรายังเชื่อว่าวันนี้ SET จะยังเคลื่อนไหวในกรอบ 1575-1586 จุดต่อไป
กลยุทธ์ : FSS แนะนำให้ทยอยซื้ออ่อนตัว เน้นกลุ่มที่มีแนวโน้มผลประกอบการ 1Q17 ดีเช่นกลุ่มแบงก์ ไฟแนนซ์ ปิโตรเคมี ยางพารา และยางมะตอย
แนวรับ 1580-1578 , 1575-1572 จุด
แนวต้าน 1585-1586 , 1588-1590 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : TASCO, SVI, BEC(short)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาครวม US$81 ล้าน และยังคงไหลออกจาก 3 ประเทศเช่นเดิมคือเกาหลีใต้ US$89 ล้าน ไต้หวัน US$28 ล้าน และไทย US22 ล้าน แต่ไหลเข้าอินโดนีเซีย US$42ล้าน และฟิลิปปินส์เล็กน้อย US$2 ล้าน เงินทุนมีทิศทางชะลอการไหลเข้าจากความวิตกในสถานการณ์ความตึงเครียดในต่างประเทศ
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น กลุ่มโอเปกมีท่าทีหนุนการขยายเวลาลดกำลังการผลิตต่อไปอีก 6 เดือน (2H17) หาก Non-OPEC ให้ความร่วมมือด้วย ข่าวนี้หักล้างความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ ทำให้ราคาน้ำมันขยับขึ้นต่อ +6% MTD หนุนกลุ่มพลังงาน (PTTEP, PTT) ขณะที่ Spread สินค้าปิโตรเคมียังอยู่ในระดับสูงใน 1Q17 คาดผลประกอบการของ PTTGC, TOP, SCC ออกมาดี นอกจากนี้ Commodity อื่นทรงตัวในระดับสูงเช่นกัน คาด BANPU, TASCO, STA มีกำไรดีในไตรมาสแรก
(+) ผลประกอบการกลุ่มแบงก์จะชี้นำทิศทางตลาดในระยะถัดไป หากกำไรดีตามคาดหรือมากกว่าคาด จะหนุนบรรยากาศการลงทุนให้คึกคักและหนุนดัชนีได้ เพราะ Valuation ของกลุ่มแบงก์ค่อนข้างถูก ปัจจุบันมี PBV เพียง 1.2 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 1.5-1.6 เท่า และต่ำกว่ายุครุ่งเรืองที่ 2 เท่า สำหรับ TISCO (ราคาพื้นฐาน 78 บาท) ที่จะรายงานงบฯจันทร์หน้า คาดกำไรทำ new high 1,356 ล้านบาท และจะยิ่งดีขึ้นใน 2H17 หลังรวมธุรกิจสินเชื่อรายย่อยจาก STNB ยังแนะนำซื้อ ส่วนหุ้นที่มี upside มากสุดขณะนี้คือ KBANK (ราคาพื้นฐาน 240 บาท) เราคาดกำไรออกมาดีเช่นกัน +6% Q-Q, +12% Y-Y
(+) BIG ผลการจัดงาน BIG Camera Festival 2017 ยอดขายเพิ่มขึ้นจากปีก่อนราว 10% ซึ่งจะบันทึกเข้า 2Q17 ส่วนกำไรปกติ 1Q17 คาดว่า +25% Y-Y จากอานิสงส์ของ High season ฤดูท่องเที่ยว และรายได้จากงานพิมพ์ภาพดิจิตอลและการบริหารสาขาของ AIS เพิ่มขึ้น เราคาดกำไรทั้งปี +16% Y-Y ปัจจุบันมี PE 18 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มค้าปลีกสินค้าไอทีที่ 25-30 เท่า ส่วน PEG 3 ปีข้างหน้าอยู่ที่ 1.2 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ 1.5 เท่า ยังแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 6.90 บาท ในทางเทคนิค แนวโน้มอยู่ในช่วงพักตัว แต่ถ้าจังหวะถอยไม่หลุด 4.80 บาท มีโอกาสดีดกลับหา 5.40 บาท และ 5.80 บาท ตามลำดับ
(+) TASCO แนวโน้มกำไรสดใสอย่างน้อยในช่วง 1H17 จากราคายางมะตอยทั้งในและต่างประเทศที่ยังทรงตัวในระดับสูงในช่วง 3 เดือนแรกซึ่งทำให้บริษัทล็อคปริมาณและราคาขายไปแล้ว ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ซึ่งใช้อ้างอิงต้นทุนมีจังหวะทรุดลงในช่วงเดือน มี.ค. จึงมีโอกาสที่กำไรในช่วง 2 ไตรมาสแรกจะทำได้ไตรมาสละเกือบ 1 พันล้านบาท และหากต้นทุนน้ำมันในช่วง 2H17 ไม่ปรับขึ้นมากนัก กำไรของ TASCO ในปีนี้มีโอกาสเพิ่มขึ้น 15-20% เมื่ออิง PE 12 เท่าจะได้ 27-30 บาท แนะนำเก็งกำไร
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
13 เม.ย. - จีน:ดุลการค้า (มี.ค.)
- เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BoK)ประชุม
14-เม.ย. - สหรัฐ:อัตราเงินเฟ้อและยอดขายปลีก (มี.ค.)
17-เม.ย. - จีน: 1Q17 GDP
18 เม.ย. - สหรัฐ:Housing starts & Building permits (มี.ค.)
19 เม.ย. - สหรัฐ:Fed Beige Book
- ยูโรโซน:อัตราเงินเฟ้อ (มี.ค.)
20 เม.ย. - อินโดนีเซีย:ธนาคารกลางประชุม
21 เม.ย. - ไทย:ยอดขายรถ (มี.ค.)
- ยูโรโซน:Markit Eurozone Composite PMI (เม.ย.)
24 เม.ย. - ไทย:ดุลการค้า (มี.ค.)
25 เม.ย. - สหรัฐ:ยอดขายบ้านใหม่ (มี.ค.)
27 เม.ย. - เกาหลีใต้:1Q17 GDP
- ญี่ปุ่น: BOJประชุม
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนปิดลบ ถูกกดดันจากเรื่องภูมิศาสตร์การเมืองที่มีความตึงเครียดทั้งในตะวันออกกลาง และ คาบสมุทรเกาหลี นอกจากนี้ ตลาดยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนการประกาศงบไตรมาส 1
(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากความเสี่ยงด้านภูมิศาสตร์การเมือง นอกจากนี้ ที่ประชุม G7 ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการคว่ำบาตรรัสเซียได้ และ มีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในการเลือกตั้งของฝรั่งเศส
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดค่อนไปทางลบตามทิศทางตลาดโลก โดยนักลงทุนยังกังวลต่อความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี
(0) ค่าเงินบาทแกว่งตัว Sideway ในกรอบแคบ ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 34.51-34.53 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ค. ปิดบวก 0.32 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 53.40 ดอลลาร์/บาร์เรล ขยับขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 7 หลังได้แรงหนุนจากถ้อยแถลงจากซาอุฯ ว่าต้องการให้ข้อตกลงลดการผลิต 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขยายไปสู่ช่วง 2H17
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ปิดบวก 20.30 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,274.20 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังมีความเสี่ยงเกี่ยวกับเหตุการณ์ในตะวันออกกลาง เกาหลีเหนือ และ ความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งในฝรั่งเศส
Contact person : Jitra Amorntham
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: fss_research