- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 11 April 2017 17:23
- Hits: 2536
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ไซด์เวย์ต่อ ก่อนหยุดยาว
KGI คาด SET วันอังคารไซด์เวย์ / เข้าช่วงซึมๆ ก่อนหยุดสงกรานต์ หุ้นเชื่อมโยงราคาน้ำมันยังเด่นกว่าตลาดโดยรวม น่าจะค้ำดัชนีฯ ได้ระดับหนึ่ง (วานนี้ดัชนีฯ ปิดลบเล็กน้อย อ่อนกว่าที่เราประเมิน) ฟันด์โฟลว์ยังคงชะลอตัว (ตามคาด) หลังจากตัวเลขอัตราว่างงานสหรัฐฯ มี.ค. ที่ลงต่ำสุดหลังวิกฤตการเงินปี 2551 ส่งผลให้ตลาดการเงินโลกเพิ่มความมั่นใจต่อการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในเดือน มิ.ย. นี้ ขณะที่การกล่าวปาฐกถาของประธานเฟด เจเนต เยลเลน ที่ ม.มิชิแกนช่วงเช้ามืดที่ผ่านมาตามเวลาไทยนั้น เธอได้ชี้ว่าสหรัฐฯ เข้าสู่ระดับการจ้างงานเต็มที่แล้ว และการทยอยขึ้นดอกเบี้ยยังคงเหมาะสม (นักเศรษฐศาสตร์ KGI คงมองเฟดขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้) ด้านราคาน้ำมัน WTi ขึ้นต่อสู่จุดสูงสุดใหม่รอบกว่า 1 เดือน หลังลิเบียประกาศปิดบ่อน้ำมันซาซารา ซึ่งเป็นบ่อใหญ่สุดของประเทศอีกครั้ง หลังกลุ่มติดอาวุธเข้าปิดท่อส่งน้ำมัน ผนวกกับความตึงเครียดในซีเรียที่ยังดำรงอยู่
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร UKEM, PTTGC*, BBL*
UKEM (ยังไม่มีเป้า Consensus) 1) จากการ Company visit ล่าสุด เราประเมินผลการดำเนินงานของ UKEM ที่ปรับขึ้นเด่น (ปี 2559 +90% YoY) เป็นผลจาก i) อุปสงส์-อุปทาน สารละลายประเภท Solvent เข้าสู่จุดสมดุล ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นกลับสู่ปกติ ii) ผลการดำเนินงาน บ.ลูก GIFT ที่ปัจจุบัน UKEM ถือหุ้นอยู่ 56.7% กำไรปี 2559 โต 17% YoY ... คาดทั้ง 2 ปัจจัยดีต่อในปีนี้ 2) เราประเมินแนวโน้มอุปสงส์ผลิตภัณฑ์ของ UKEM จะเติบโตตามอุตสาหกรรม สี (ฝ่ายวิจัยฯคาดอุปทานบ้านใหม่จะเร่งตัวขึ้นใน 2H60) รถยนต์ (คาดฟื้นตัว หลังพ้นภาระรถคันแรก+การส่งออก) ยางล้อ (การเข้าลงทุนขยายโรงงานยางล้อจากต่างชาติ) สีสำหรับบรรจุภัณฑ์อาหาร (เติบโตตามการบริโภคในประเทศ) 3) ในเชิง Valuation ประเมินยังมี Upside โดยสมมติฐานวิธี Sum of the parts หากกำหนดมูลค่าการลงทุนในหุ้น GIFT ที่ UKEM ถืออยู่จากราคาเฉลี่ย 3 เดือนย้อนหลัง ได้เท่ากับ 1.17 บาท/หุ้น จะเห็นได้ว่า PE ปี 2559 บนงบเฉพาะกิจการ UKEM ต่ำเพียง 7.5 เท่า 4) ประเมินแนวรับ 1.96 บาท แนวต้าน 2.18 บาท หากทะลุผ่านได้มีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 2.32 บาท (ณ แนวต้าน 2.32 บาท คิดเป็น PE ปี 2559 เพียง 13.3 เท่า)
PTTGC* (เป้าพื้นฐาน 83 บาท) 1) ฝ่ายวิจัยฯ บล. เคจีไอ ประเทศไต้หวัน ออกบทวิเคราะห์รายงานผลประกอบการ 1Q60 ของกลุ่ม Formosa โตกว่าคาด และโตเด่น YoY ทั้งจากสายอะโรเมติกส์ และ สายโอเลฟินส์ ดังนั้นเราจึงคาดแนวโน้มผลประกอบการของ PTTGC* ที่ทำธุรกิจปิโตรเคมีทั้ง 2 สาย มีโอกาสที่ผลการดำเนินงานจะโตเด่นไปในทิศทางเดียวกับกลุ่ม Formosa 2) ฝ่ายวิจัยฯและ Consensus มีโอกาสปรับเป้าหมายขึ้นอีกราว 5 บาท จากที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติเข้าซื้อธุรกิจปิโตรเคมีจากกลุ่ม PTT* 3) ประเมินแนวรับ 72 บาท แนวต้านแรก 74.5 บาท และถัดไปที่ ±79 บาท (Stop loss 71.75 บาท)
BBL* (เป้าพื้นฐาน 189 บาท) 1) รูปแบบราคาเริ่มสร้างฐาน พร้อมแกว่งตัวขึ้นอีกครั้งในกรอบ 181 – 190 บาท โดยมีจุด Stop loss ที่ 179.5 บาท 2) จากบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานวันนี้ คาดผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์ 1Q60 จะเติบโต +10% YoY (ผลจากฐานต่ำปีก่อน) และ +2% QoQ เป็น Sentiment บวกต่อภาพรวมของกลุ่มฯ 3) เราประเมิน Valuation BBL* ไม่แพง ด้วย PBV 0.92 เท่า ขณะที่ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีอยู่ที่ 1.1 เท่า (ตอนนี้เทรดอยู่ที่บริเวณ -1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) 3) ปันผล 4.5 บาท/หุ้น (Dividend yield 2.5%) ขึ้น XD วันที่ 20 เม.ย.
หุ้นในกระแส
เก็งกำไรหุ้นกลุ่มน้ำมัน (PTTEP*, TOP*, IRPC*) / ระมัดระวังหุ้นกลุ่มสายการบิน (THAI*, BA*, AAV*) และพลาสติก (EPG*, TPBI) ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวแรง (คาดผลจากการที่สหรัฐฯโจมตี ซีเรีย) + อุปทานน้ำมันจากลิเบียที่ลดลง เนื่องจากต้องปิดบ่อน้ำมันชารารา ที่ใหญ่สุดของประเทศ
หุ้นมีข่าว
(+) THAI* และ BA* ทำสัญญาเที่ยวบินร่วม (บางกอกโพสต์) เราเห็นว่า ความร่วมมือระหว่าง 2 สายการบินดังกล่าว จะส่งผลดีต่อเส้นทางบินที่แข็งแกร่งและยอดขายที่เพิ่มขึ้นในระยะยาว เนื่องจากการทำ codeshare จะทำให้ผู้โดยสารสามารถซื้อตั๋วเครื่องบินและเดินทางโดยใช้เครื่องบินเชื่อมต่อระหว่างกันได้ อย่างไรก็ตาม เรามองว่า BA* อาจได้ประโยชน์มากกว่า เนื่องจาก THAI* มีเส้นทางบินที่ครอบคลุมมากกว่าในต่างประทศ เรายังแนะนำ “ซื้อ” ในหุ้น BA* ด้วยราคาเป้าหมาย 30.20 บาท รวมทั้งแนะนำ “ถือ” ในหุ้นTHAI* ด้วยราคาเป้าหมาย 19.09 บาท
(-) กกร.ห่วงไทยถูก'แบล็คลิสต์' 'พาณิชย์'ยันได้ดุลการค้า18%จากบริษัทสหรัฐ (กรุงเทพธุรกิจ) หวั่นบางธุรกิจย้ายฐาน การลงทุนประเทศอื่น หนีแรงกดดันสหรัฐ กกร.ห่วงสหรัฐขึ้น "แบล็คลิสต์" ไทยเกินดุลการค้า กระทบสินค้ากลุ่มชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ อาหาร ชิ้นส่วนรถยนต์ อัญมณีเครื่องประดับไทยได้สิทธิ จีเอสพี แนะภาครัฐประเมินเชิงลึก เตรียมข้อมูลเจรจาสหรัฐ พาณิชย์เตรียมถก "อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์" รับมือนโยบาย "ทรัมป์" เร่งสรุปมูลค่าลงทุนในไทยจากธุรกิจสหรัฐ หวังใช้เป็นข้อมูลแจงเหตุได้ดุลการค้า ชี้ 18% มาจากบริษัทสหรัฐ
(-) ยอดจองรถยนต์'มอเตอร์ โชว์'ร่วง 4% (กรุงเทพธุรกิจ) 'รถไฟฟ้าขนาดเล็ก-จักรยานยนต์"ขายพุ่ง ยอดจองรถยนต์ มอเตอร์โชว์ 3.1 หมื่นคัน ลดลง 4.9% จักรยานพุ่ง 2.8 พันคัน เผยรถไฟฟ้าขนาดเล็กเพื่อการพาณิชย์ทำ ยอดพันคัน รับกระแสธุรกิจเอสเอ็มอีหัน ใช้งานขนส่งรถยะใกล้ ด้านรถหรูมาแรง เมอร์เซเดส-เบนซ์ ขึ้นแท่นท็อปไฟว์ ยอดจองสูงสุด
(+) แก้บ้านธนารักษ์ไม่จำกัดแค่หลังแรก AP* ตั้งเป้าปีนี้ยอดขาย 2.6 หมื่นล. (ไทยโพสต์) ธนารักษ์ชงปรับเงื่อนไขบ้านธนารักษ์ประชารัฐ ไม่จำกัดเฉพาะ "บ้านหลังแรก" เท่านั้น แต่เกณฑ์รายได้ยังใช้ไม่เกิน 20,000 บาท ด้าน "เอพี" ตั้งเป้ายอดขายบ้าน-คอนโดปีนี้ 26,000 ล้านบาท
(+) WHAUP ยันปีนี้โตกระโดดบุ๊คโรงไฟฟ้าเพิ่ม 130MW (ข่าวหุ้น) “WHAUP” การันตีผลงานปี 60 โตก้าวกระโดด จ่อบุ๊คกำไรโรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 4 แห่ง กำลังผลิตรวม 130 เมกะวัตต์ เล็งเดินหน้าลงทุนธุรกิจระบบสาธารณูปโภคในเวียดนาม ขณะที่วานนี้เข้าเทรดใน SET วันแรกทำราคาสูงสุด 28.25 บาท
(+) FN เปิดสาขาหาดใหญ่ดัน Q2 พุ่ง ย้ำรายได้ปีนี้โตทะลุ 20% จ่อเปิดอีก 1 สาขา Q3 (ข่าวหุ้น) “FN” เปิดสาขาใหม่แห่งที่ 9 ในหาดใหญ่ หวังโกยยอดขายช่วงสงกรานต์นักท่องเที่ยวจับจ่ายใช้สอยสูง พร้อมหนุนรายได้ไตรมาส 2 พุ่ง ส่วนรายได้ปี 60 ย้ำโตเกิน 20% นอกจากนี้เล็งเปิดเพิ่มอีก 1 สาขาในช่วงไตรมาส 3 นี้
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
FN (เป้าพื้นฐาน 10 บาท) ประเมินมีโอกาสย่อลงหากแนวรับ 7.70 บาท และ 7.45 บาท แนะนำ “ซื้อแนวรับ” แนวต้าน 8.2 บาท กำหนด Stop loss 7.3 บาท
MTLS* (เป้าพื้นฐาน 40 บาท) ประเมินราคาแกว่งขึ้นทดสอบแนวต้าน 34 บาท แนวรับ 30 บาท (Stop loss 29.5 บาท) ... คาดผลการดำเนินงานปี 2 ปีนี้โตเด่นรับ การผลักดันหนี้นอกระบบ เข้าสู่ในระบบมากขึ้นของภาครัฐฯ
GLOW* (เป้าพื้นฐาน 88 บาท) แนะนำ “ถือรอรับปันผล” … เป็นหุ้นโรงไฟฟ้าที่ปันผลสูง 4.292 บาท/หุ้น (Dividend yield 5.1%) ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 2 พ.ค.นี้
SITHAI (เป้าพื้นฐาน 2.74 บาท) ประเมินรอสัญญาณการทะลุผ่านแนวต้าน 2.06 บาท เพื่อทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 2.16 บาท แนวรับ 2.02 บาท ... ปันผล 0.10 บาท/หุ้น (Dividend yield 5%) ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 3 พ.ค. + ประเมินผลการดำเนินงานพ้นจุดต่ำสุดในปีก่อน อย่างไรก็ดีคาดการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานจะเริ่มเด่นชัดใน 2Q60
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
กลุ่มธนาคารพาณิชย์ น้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาดฯ” ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไรสุทธิรวมของธนาคาร 8 แห่ง (ไม่รวม BAY*) จะเพิ่มขึ้น 10% YoY และ 2.5% QoQ โดยกำไรที่เพิ่มขึ้น YoY มาจากฐานกำไรที่ต่ำของ BBL*, KBANK* และ SCB* ในขณะที่กำไรของธนาคารขนาดเล็กน่าจะออกมาดีจากค่าใช้จ่ายในการกันสำรองที่ลดลง เลือก TISCO* และ KKP* ซึ่งให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง
AOT* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 45.4 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไรสุทธิ 2Q60 = 5.97 พันล้านบาท (+7% YoY, +17% QoQ) จาก i) จำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น 8% YoY ในช่วง High season (จำนวนผู้โดยสารในประเทศเพิ่มขึ้น 12% และผู้โดยสารระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น 5%) ii) รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดให้บริการ terminal ใหม่ที่สนามบินดอนเมืองและภูเก็ต และ iii) อัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นจากค่าเสื่อมราคาที่ลดลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้ --- ยังคงอยู่ที่นัยรับ 1579 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นหรือปิดเหนือนัยรับ 1579 จุด อาจผลักราคาขึ้นในกรอบ 1579-1596 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงปิดต่ำกว่านัยรับ 1579 จุดนั้น อาจทรงราคาลงในกรอบ 1579-1568 จุด
แนวรับวันนี้: 1579/1569 แนวต้านวันนี้: 1589/1595
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]