- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 10 April 2017 17:34
- Hits: 14513
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
คาดดัชนียังมีทิศทางปรับตัวขึ้น จากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้น ในขณะที่มูลค่าซื้อขายอาจเบาบางลง หลังใกล้เข้าสู่ช่วงวันหยุดเทศกาล อย่างไรก็ตามคาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากประเด็นในประเทศ โดยเฉพาะทิศทางของ Fund Flow ที่คาดยังไหลเข้า Emerging Market รวมถึงบ้านเรา ซึ่งต่างชาติยังซื้อสุทธิสะสมต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้คาดยังมีแรงซื้อหุ้นก่อนขึ้น XD ในช่วงเดือน เม.ย. 60
ส่วนทางด้านประเด็นต่างประเทศ อยู่ระหว่างติดตามการโจมตีทางอากาศต่อซีเรียของสหรัฐฯ และท่าทีของรัฐเซีย ว่าประเด็นดังกล่าวจะลุกลามออกไปหรือไม่ ขณะที่คาดยังได้รับปัจจัยกดดันจากความไม่แน่นอนต่อทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรออกมาอ่อนแอกว่าคาด ส่งผลให้ความคาดหวังเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเฟดในช่วงเดือน พ.ค. ลดลง รวมถึงการดำเนินงานนโยบายของปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งในเดือนนี้ร่างงบประมาณฯ จะต้องผ่านสภาคองเกรส เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานราชการของสหรัฐฯ “Shutdown”รวมถึงนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ ซึ่งก่อนหน้านี้มีความคาดหวังในเชิงบวกว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เช่น การปฏิรูปภาษี การผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆ รวมถึงการใช้จ่ายโครงการสาธารณูปโภค ที่มีมูลค่าสูงถึง 1.0 ล้านล้านUSD ในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า
ส่วนทางด้านยุโรป แนะติดตามการปรับลดวงเงิน QE ของ ECB จาก 80,000 ล้านยูโร/เดือน เป็น 60,000 ล้านยูโร/เดือน ตั้งแต่เมย. – ธ.ค.’60 รวมถึงการเลือกตั้งในยุโรป โดยเฉพาะในฝรั่งเศส (รอบแรก 23/4/60 รอบสอง 7/5/60) ซึ่งคาด Sentiment เป็นบวก คาดช่วยลดความกังวลโดยเฉพาะการเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมือง ที่อาจเป็นการจุดกระแสความนิยมต่อนโยบายขวาจัด
อย่างไรก็ตามแนะติดตามประเด็นที่สหรัฐฯ ระบุว่าไทยเป็น 1 ใน 16 ประเทศ ที่ทำให้สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า ล่าสูงสุดในรอบ 3 ปี มูลค่า 18,920 ล้านUSD หรือประมาณ 650,000 ล้านบาท และคาดสหรัฐฯ อาจมีมาตรการตอบโต้ออกมา (เช่น มาตรการด้านภาษี) ภายใน 90 วัน โดยเฉพาะต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน รวมถึงประมง เป็นต้น
ส่วนทางด้านปัจจัยกดดันจากความไม่แน่นอนในการเปิดประมูลของภาครัฐ ซึ่งส่งผลต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น หลัง ครม. เห็นชอบประเด็นการปรับร่างทีโออาร์ใหม่สำหรับรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง และแนะให้จัดทำร่าง TOR ใหม่ เสร็จภายใน 3 เดือน คาดมีความเป็นไปได้ที่จะเปิดประมูลในช่วง 2H/60
SET SET50
1,583.53 +1.41 1,003.26 +3.13
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+/-) ตลาดต่างประเทศ DJIA -6.85, NASDAQ +14.47, S&P -1.95, FTSE +46.17, CAC +13.84 และ DAX -5.83
โดยที่สหรัฐฯ เปิดเผยจำนวนการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นราว 98,000 ตำแหน่งในเดือน มี.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดตั้งแต่เดือน พ.ค. 2016 และต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 180,000 ตำแหน่ง ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐฯ เริ่มมีความอ่อนแอ และยังมีความกังวลหลังเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่ต้องการให้เฟดเริ่มปรับลดขนาดงบดุลบัญชีลงจากระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ หากเศรษฐกิจเป็นไปตามการคาด นอกจากนี้ยังความกังวลเกี่ยวกับการที่สหรัฐฯ ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อซีเรียด้วย
ในขณะที่การหารือระหว่างปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ และปธน.สี จิ้นผิง ในช่วงวันที่ 6–7/4/60 ที่ผ่านมา ยังไม่มีข้อสรุปใดๆ ออกมาในขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปปรับเพิ่มขึ้นจากหุ้นในกลุ่มน้ำมัน หลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้น
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน พ.ค. +US$0.54 อยู่ที่US$52.24 ต่อบาร์เรล สูงสุดในรอบ 1 เดือน หลังจากสหรัฐฯ โจมตีทางอากาศต่อรัฐบาลซีเรีย ในขณะที่แท่นผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 10 แท่นเป็น 672 แท่นในช่วงสิ้นสุดสัปดาห์วันที่ 7 เม.ย. ขณะที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก จะประชุมร่วมกันในช่วงปลายเดือนพ.ค. เพื่อทำการทบทวนข้อตกลงว่า ควรจะขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตออกไปหรือไม่? ซึ่งข้อตกลงเดิมมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1/1/60 และมีกำหนดเป็นเวลา 6 เดือน โดยจะสิ้นสุดกลางปีนี้
P/E (เท่า) P/BV (เท่า)
17.5 1.95
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 38,162.36
สถาบัน 1,528.04
บัญชีหลักทรัพย์ -1,020.24
ต่างประเทศ 475.08
ในประเทศ -982.88
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR และ TKN เป็นต้น
(2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี ’60 เช่น KBANK และ SCBเป็นต้น
(3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น และความต้องการในประเทศที่คาดดีขึ้น เช่น SCC
(5) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากการเปิดขายโครงการในปี’60 ที่โดดเด่น เช่น ANAN และ SPALI เป็นต้น
(6) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาคเอกชน ที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น SQ เป็นต้น
(7) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น และ BANPU ปรับตัวขึ้นตามราคาถ่านหิน
(8) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK
(9) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจขนส่งทางเรือ เช่น PSL คาดได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินที่มีแนวโน้มฟื้นตัว จากการปรับตัวของอุตสาหกรรมเรือเทกอง
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.03 อยู่ที่ 2.37% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.48 อยู่ที่ 12.87
หุ้นแนะนำ : PTTEP
นักวิเคราะห์ : ศักดิ์นรินทร์ ศศานนท์ โทร .02-684-8788