- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 05 April 2017 17:58
- Hits: 15923
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'เลือกซื้อ/ถือต่อไปก่อน'
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ SET Index บวกต่อ 2.96 จุด ปิดที่ 1583.82 โดยมีแรงขายทำกำไรหุ้น Big Cap เป็นรายตัว เช่น SCB, PTTGC, SCC, TRUE, ADVANC, AMATA เป็นต้น ต่างชาติซื้อสุทธิเหลือเพียง 91 ล้านบาท สำหรับปัจจัยสำคัญช่วงนี้ ได้แก่
+ ยูโรโซน : ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนก.พ.
+ สหรัฐ : ยอดขาดดุลการค้าเดือนก.พ.ลดลง 9.6% ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเพิ่ม 1.0%...ติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.ของสหรัฐ, ตัวเลขดัชนี PMI ภาคบริการ และรายงานการประชุม FOMC วันที่ 14-15 มี.ค. รวมถึงผลการพบปะระหว่างทรัมป์กับสี จิ้นผิง
+ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : สินเชื่อใน 1Q60 เติบโตดีขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ด้าน NPL เริ่มเสถียร รายได้ Non-NII ยังขยายตัวได้ และ Valuation ก็จูงใจ โดย Sector P/E ปีนี้ 11 เท่า และ P/BV 1.2 เท่า แนะนำซื้อ KBANK, TMB และ TCAP
+ TASCO : คาดกำไร 1Q60 ทำ Record High จากราคาขายในต่างประเทศเพิ่มขึ้น อุปสงค์ทั้งในประเทศและภูมิภาคเติบโตดี โดยในไทยจะมีงบประมาณซ่อมสร้างเพิ่ม 2-3 หมื่นลบ. คาดอนุมัติใน 2Q60 มาร์จิ้นโดยรวมสูงขึ้นในปีนี้ คาดกำไรโต 46% ปีนี้ แนะนำซื้อ TP 35 บาท
+ AP : คาดกำไรปี 60-61 เติบโต 16% และ 18% ต่อเนื่อง เพราะ Backlog รอโอนมีมากและเปิดขายโครงการใหม่ทั้งแนวราบและคอนโด 18 แห่ง มูลค่า 3.5 หมื่นลบ. ด้าน Valuation ไม่แพง โดยมี P/E ปีนี้ 7.5 เท่า และ P/BV 1.1 เท่า Dividend Yield 4.7% แนะนำซื้อ TP 8.5 บาท
-/+ VNG : กำไร 1Q60 คาดว่าจะลดลง YoY และ QoQ เพราะการขนส่งถูกกระทบในช่วงน้ำท่วมภาคใต้ & ทำให้ราคาวัตถุดิบสูงขึ้น แต่สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติแล้ว คาดกำไร 2Q60 จะฟื้นตัวดีทั้งยอดขายและกำไร ราคาหุ้นอ่อนตัวช่วงนี้จึงเป็นจังหวะซื้อ ให้ TP 16.70 บาท
หุ้นกลยุทธ์ (พื้นฐานดี) แนะนำวันนี้เป็น AP การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดรวมกลับเป็นบวกเล็กๆ แนวต้าน 1590, 1600 ต่ำกว่า 1570 ควร Wait & See หรือลดพอร์ตตาม
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ :
+ ยูโรโซน : ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนก.พ.
สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกในยูโรโซนเพิ่มขึ้น 0.7%MoM และ 1.8%YoY ในเดือนก.พ. ซึ่งดีกว่าเดือนม.ค.ที่ขยายตัว 0.1%MoM และ 1.5%YoY
+ สหรัฐ : ยอดขาดดุลการค้าเดือนก.พ.น้อยลง 9.6% และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเพิ่ม 1.0%
* สหรัฐมีตัวเลขขาดดุลการค้าลดลง 9.6% ในเดือนก.พ. สู่ระดับ 4.36 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะมีตัวเลขขาดดุลการค้าลดลงเป็น 4.48 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ.
* ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.0% โดยขึ้นเป็นเดือนที่ 3 หลังจากเพิ่ม 1.5% ในเดือนม.ค. โดยได้แรงหนุนจากการขยายตัวของอุปสงค์เครื่องจักร และอุปกรณ์ไฟฟ้า
/- สหรัฐ : ประธานเฟดริชมอนด์ลาออก เพราะอาจเปิดเผยข้อมูลลับของเฟดเมื่อปี 2555
นายเจฟฟรีย์ แลคเกอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาริชมอนด์ ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวานนี้ (4 เม.ย.) โดยระบุว่าคำสนทนาของเขาต่อนักวิเคราะห์รายหนึ่งของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในปี 2555 อาจเป็นการเปิดเผยข้อมูลลับเกี่ยวกับทางเลือกในการใช้นโยบายของเฟด ซึ่งเป็นการขัดต่อนโยบายการสื่อสารต่อบุคคลภายนอกของเฟด ที่ห้ามการให้ข้อมูลแก่บุคคลหรือองค์กรที่แสวงหากำไร เพื่อสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปรับขึ้นตามตัวเลขเศรษฐกิจที่ดี
ดัชนี DJIA ปิดที่ 20,689.24 จุด เพิ่มขึ้น 39.03 จุด หรือ +0.19% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,360.16 จุด เพิ่มขึ้น 1.32 จุด หรือ +0.06% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,898.61 จุด เพิ่มขึ้น 3.93 จุด หรือ +0.07% โดยปัจจัยหนุน คือ ตัวเลขขาดดุลการค้าสหรัฐที่ลดลงในเดือนก.พ. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเพิ่มขึ้น การรีบาวด์ของราคาน้ำมันดิบ แต่ตลาดก็ยังไม่คึกคักมาก เพราะนักลงทุนรอดูการพบปะของทรัมป์และผู้นำจีนว่าจะออกมาเป็นอย่างไร รวมทั้งติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.ของสหรัฐ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.8 แสนราย, รายงานตัวเลขดัชนี PMI ภาคบริการ และรายงานการประชุม FOMC ประจำวันที่ 14-15 มี.ค.
+ สัญญาน้ำมันดิบ : รีบาวด์หลังคาดสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะลดลง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 79 เซนต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 51.03 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 1.05 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 54.17 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้นักวิเคราะห์คาดว่าสัปดาห์นี้ EIA จะรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง หลังเพิ่มขึ้นเพียง 900,000 บาร์เรล สู่ระดับ 534 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ก่อนหน้า นอกจากนั้นมีความหวังว่าประเทศผู้ผลิตน้ำมันจะบรรลุข้อตกลงขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตไปจนถึงเดือนธ.ค.60
+ สัญญาทองคำ : ขยับขึ้นต่อ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 4.4 ดอลลาร์ หรือ 0.35% ปิดที่ระดับ 1,258.4 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ :
+ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : คาดกำไร 1Q60 มีโอกาสเติบโตจากการตั้งสำรองฯลดลง
# ลูกค้ารายใหญ่และ SME ของธนาคารพาณิชย์เริ่มขยับ กู้ยืมเงินมากขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เนื่องจากการส่งออกของไทยในช่วง 4Q59-ปัจจุบันมีการฟื้นตัวดีขึ้น (มูลค่าส่งออกช่วงเดือนพ.ย.-ก.พ.ที่ไม่รวมทองคำเติบโตราว 8%YoY) ซึ่ง SME ส่วนใหญ่เน้นส่งออก ด้าน NPL ก็เสถียรขึ้น และการมี Coverage Ratio ที่สูงของธนาคารเพราะตั้งสำรองค่าเผื่อฯไปมาในปี 58-59 ก็ทำให้ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งตั้งสำรองค่าเผื่อฯเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อสินเชื่อลดลงในปีนี้
# ปัจจัยกระตุ้นผลประกอบการของกลุ่มธนาคารปี 60-61 คือ 1. การฟื้นตัวของสินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียม, 2. ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น โดยระยะสั้น Spread จะเพิ่มขึ้นเพราะสินเชื่อซึ่งเป็นขารายได้ส่วนใหญ่อิงดอกเบี้ยลอยตัว แต่เงินฝากที่เป็นขาต้นทุนส่วนใหญ่เป็นเงินฝากประจำ, 3. ตั้งสำรองค่าเผื่อฯน้อยลง และ 4. การซื้อกิจการ (TISCO กำลังทำดีลซื้อกิจการ SCBT) และการขายเงินลงทุนบันทึกกำไร (SCB จะขายธุรกิจประกันออกในปีนี้) เป็นต้น
# แนะนำซื้อ KBANK ราคาพื้นฐาน 208 บาท จุดเด่น คือ มีฐานลูกค้า SME ที่แข็งแกร่งและมี NIM สูงสุดในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ มีการเติบโตของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย และลงทุนระบบดิจิตอลแบงค์กิ้งมาพอควร ทำให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดี
# แนะนำซื้อ TMB ราคาพื้นฐาน 2.67 บาท สินเชื่อปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้ 8-10% เงินฝากขยายตัวได้ใกล้เคียงกัน รายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตดี (ตั้งเป้าโตที่ 10-20%) ด้าน NPL Ratio มีแนวโน้มว่าจะค่อยๆลดลง
# แนะนำซื้อ TCAP ราคาพื้นฐาน 53 บาท โดยธนาคารมีความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น มี Valuation จูงใจ โดยซื้อขายที่ P/E ปีนี้เพียง 8 เท่า P/BV 1 เท่า และคาดว่าจะให้ Dividend Yield กว่า 4%
+ AP (ราคาปิด 7.45 บาท) : คาดยอดขายและกำไรเติบโตดีในปี 60-61
# ยอดขายบ้านแนวราบยังไปได้ดี โดยใน 1Q60 คาดว่าจะขายได้ใกล้เคียงกับ 4Q59 ที่ 2.58 พันล้านบาท ซึ่งเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 2.44 พันล้านบาทเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ถ้าเทียบกับ 1Q59 ยอดขายจะต่ำกว่าเพราะช่วงนั้นมีมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ต้นมี.ค.60 มีการเปิดขายทาวน์โฮม 3 โครงการ มูลค่ารวม 3.42 พันล้านบาท
# สำหรับทั้งปี 60 จะเปิดขายโครงการใหม่ 18 โครงการ มูลค่ารวม 3.5 หมื่นล้านบาท (เป็นแนวราบ 1.5 หมื่นล้านบาท และคอนโด 3 แห่งมูลค่ารวม 2 หมื่นล้านบาท) โดยตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ 2.6 หมื่นล้านบาท (แนวราบ 1.36 หมื่นล้านบาท และคอนโดด 1.24 หมื่นล้านบาท)
# ณ 15 ก.พ.บริษัทมี Backlog 29 พันล้านบาท (รวมของบริษัทร่วมทุน) โดยจะโอนในปีนี้คิดเป็น 39% ของเป้าหมายรับรู้รายได้
# คาดการณ์กำไรสุทธิปี 60-61 เติบโต 16% และ 18% เป็น 3.1 และ 3.7 พันล้านบาท ตามลำดับ ซึ่ง Outperform กลุ่มอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของยอดขาย/รับรู้รายได้ และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุนที่เติบโตสูง แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 8.50 บาท
การเมือง : กำหนดการพระราชทานรัฐธรรมนูญ 6 เม.ย.60... คาดเลือกตั้งประมาณกลางปี 61
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่ารัฐบาลได้เตรียมการพระราชพิธีประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 6 เม.ย. เวลา 15.00 น. ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งรัฐธรรมนูญจะมีผลบังคับใช้ทันทีในวันที่ 6 เม.ย.60 ส่วนการเลือกตั้งทั่วไปจะเป็นไปตามกระบวนการ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองประเมินไว้ราวเป็นกลางปี 61
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]