- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 05 April 2017 17:24
- Hits: 14709
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
คาดยัง Sideway? ภายใต้ที่ยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ๆ คาดอยู่ระหว่างติดตามการประชุมระหว่างผู้นำของสหรัฐฯ และจีน ในวันที่ 6 –7/4/60 ขณะที่คาดยังได้รับปัจจัยกดดันจากความไม่แน่นอนต่อทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ รวมถึงการดำเนินงานนโยบายของปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ โดยในเดือนนี้ร่างงบประมาณฯ จะต้องผ่านสภาคองเกรส เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานราชการของสหรัฐฯ “Shutdown”รวมถึงนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ ซึ่งก่อนหน้านี้มีความคาดหวังในเชิงบวกว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เช่น การปฏิรูปภาษี การผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆ รวมถึงการใช้จ่ายโครงการสาธารณูปโภค ที่มีมูลค่าสูงถึง 1.0 ล้านล้านUSD ในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า
ส่วนทางด้านยุโรป แนะติดตามการปรับลดวงเงิน QE ของ ECB จาก 80,000 ล้านยูโร/เดือน เป็น 60,000 ล้านยูโร/เดือน ตั้งแต่เมย. – ธ.ค.’60 รวมถึงการเลือกตั้งในยุโรป โดยเฉพาะในฝรั่งเศส (รอบแรก 23/4/60 รอบสอง 7/5/60) ซึ่งคาด Sentiment เป็นบวก คาดช่วยลดความกังวลโดยเฉพาะการเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมือง ที่อาจเป็นการจุดกระแสความนิยมต่อนโยบายขวาจัด
ทางด้านประเด็นในประเทศ เริ่มเข้าสู่ช่วงวันหยุดเทศกาล แต่คาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการเข้าซื้อสุทธิของต่างชาติ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับภูมิภาคส่วนใหญ่ ขณะที่เงินบาทคาดยังอยู่ในทิศทางแข็งค่า ภายใต้ประเด็นความไม่แน่นอนของนโยบายสหรัฐฯ ข้างต้นคาดเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ Fund Flow ยังไหลกลับ นอกจากนี้คาดยังมีแรงซื้อหุ้นก่อน XD เช่น SCCC (7.00 บาท 7/4/60) เป็นต้น
อย่างไรก็ตามแนะติดตามประเด็นที่สหรัฐฯ ระบุว่าไทยเป็น 1 ใน 16 ประเทศ ที่ทำให้สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า ล่าสูงสุดในรอบ 3 ปี มูลค่า 18,920 ล้านUSD หรือประมาณ 650,000 ล้านบาท และคาดสหรัฐฯ อาจมีมาตรการตอบโต้ออกมา (เช่น มาตรการด้านภาษี) ภายใน 90 วัน โดยเฉพาะต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน รวมถึงประมง เป็นต้น
ส่วนทางด้านปัจจัยกดดันจากความไม่แน่นอนในการเปิดประมูลของภาครัฐ ซึ่งส่งผลต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น หลัง ครม. เห็นชอบประเด็นการปรับร่างทีโออาร์ใหม่สำหรับรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง และแนะให้จัดทำร่าง TOR ใหม่ เสร็จภายใน 3 เดือน คาดมีความเป็นไปได้ที่จะเปิดประมูลในช่วง 2H/60
SET SET50 SET100
1,583.82 +2.96 1,000.98 +1.59 2,255.67 +3.25
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดต่างประเทศ DJIA +39.03, NASDAQ +3.93, S&P +1.32, FTSE +39.13, CAC +15.22 และ DAX +25.14ภายใต้ปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่ส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน และข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ (1) ตัวเลขขาดดุลการค้า – ก.พ. ลดลง 9.6% อยู่ที่ 4.36 หมื่นล้านUSD ดีกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 4.48 หมื่นล้านUSD และ (2) ยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน – ก.พ. เพิ่มขึ้น 1.0% ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3
อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นอยู่ในกรอบจำกัด และการซื้อขายยังเป็นไปอย่างระมัดระวัง โดยอยู่ระหว่างติดตามการประชุมระหว่างปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ และปธน.สี จิ้นผิง ในวันที่ 6–7/4/60 คาดว่าจะหารือเกี่ยวกับประเด็นการค้า และเกาหลีเหนือ รวมถึงประเด็นลบจากประธานเฟด สาขาริชมอนด์ ประกาศลาออกจากตำแหน่งวานนี้ หลังคำสนทนาของเขาต่อนักวิเคราะห์รายหนึ่งของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในปี’55 อาจเป็นการเปิดเผยข้อมูลลับเกี่ยวกับทางเลือกในการใช้นโยบายของเฟด
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน พ.ค. +US$0.79 อยู่ที่US$51.03 ต่อบาร์เรล อยู่ระหว่างรอ EIA เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบ ซึ่งคาดว่าลดลง และยังได้รับปัจจัยหนุนจากประเด็นที่ประเทศผู้ผลิตน้ำมันหลายประเทศ รวมถึงคูเวต ออกมาสนับสนุนให้มีการขยายการลดกำลังการผลิต คาดถึงสิ้นปี’60
ขณะที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก จะประชุมร่วมกันในช่วงปลายเดือนพ.ค. เพื่อทำการทบทวนข้อตกลงว่า ควรจะขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตออกไปหรือไม่? ซึ่งข้อตกลงเดิมมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1/1/60 และมีกำหนดเป็นเวลา 6 เดือน โดยจะสิ้นสุดในกลางปีนี้
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
17.48 1.94 3.11
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 37,273.47
สถาบัน 1,194.22
บัญชีหลักทรัพย์ 598.52
ต่างประเทศ 83.46
ในประเทศ -1,876.19
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR และ TKN เป็นต้น
(2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี ’60 เช่น KBANK และ SCBเป็นต้น
(3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น และความต้องการในประเทศที่คาดดีขึ้น เช่น SCC
(5) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากการเปิดขายโครงการในปี’60 ที่โดดเด่น เช่น ANAN และ SPALI เป็นต้น
(6) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐและเอกชน ที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น SQ และ UNIQเป็นต้น
(7) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น และ BANPU ปรับตัวขึ้นตามราคาถ่านหิน
(8) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK
(9) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจขนส่งทางเรือ เช่น PSL คาดได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินที่มีแนวโน้มฟื้นตัว จากการปรับตัวของอุตสาหกรรมเรือเทกอง
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัว อยู่ที่ 2.35% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.59 อยู่ที่ 11.79
หุ้นแนะนำ : THANI
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788