- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 03 April 2017 19:00
- Hits: 3600
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'แกว่งมีหลุด 1570 ยังเลือกซื้อ/ถือต่อ'
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ILINK (จากซื้อเป็นถือ)ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวันศุกร์ SET อ่อนลงจากแรงขายทำกำไร ปิดตลาดดัชนี -4.77 จุด อยู่ที่ 1575.11 นักลงทุนต่างชาติและสถาบันในประเทศขายสุทธิ (แต่ไม่มาก) ปัจจัยสำคัญช่วงนี้ ได้แก่
• สหรัฐ : จับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.ศุกร์นี้ คาดเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่ง อัตราว่างงาน 4.7% ส่วนดัชนี PCE ก.พ.ออกมาแล้วที่ +2.1%...ตัวเลขเศรษฐกิจหนุนให้ขึ้นดอกเบี้ย แต่ถ้าเฟดลดงบดุลด้วยการไม่ซื้อพันธบัตรหมดอายุต่อก็อาจไม่ต้องขึ้นดอกเบี้ยถี่มาก
• สหรัฐ : ทรัมป์จะนำร่างงบประมาณ (รวมการเพิ่มค่าใช้จ่าย 3.3 หมื่นล้านUS$ เพื่องานด้านกลาโหม & สร้างกำแพงสหรัฐ/เม็กซิโก) เข้าพิจารณาในสภาคองเครสเดือนเม.ย.นี้...มีความท้าทายว่าจะผ่านหรือไม่ ถ้าไม่ผ่านก็เสี่ยงต่อการ Shutdown หน่วยงานรัฐ
+ ญี่ปุ่น : ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ผลิตรายใหญ่งวด 1Q60 อยู่ที่ +12 เพิ่มจาก +10 ใน 4Q59
-/• ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐและอาจถูกตอบโต้ทางการค้า แต่ยังไม่ชัดเจนว่าสหรัฐจะดำเนินการอย่างไร คาด TUได้รับผลกระทบไม่มากเพราะมีบริษัทในสหรัฐอยู่แล้ว รวมทั้งจะได้ประโยชน์ถ้าทรัมป์ลดภาษีกำไรภาคธุรกิจ แนะนำซื้อ TP : 25 บาท
- ILINK : คาดกำไร 1Q60F จะ -45%YoY และ -31%QoQ เพราะรายได้เคเบิ้ลลดลงจากอุปสงค์ชะลอตัว และส่วนแบ่งกำไรจาก ITELลดลงหลังถือหุ้นลดเหลือ 60% (จากเดิม 100%) เพราะทำ IPO ไปเมื่อก.ย.59 ให้ราคาพื้นฐานใหม่ 18 บาท (ลดจากเดิม 22.30 บาท)
• จัดพอร์ตบนความสมดุลของ Risk & Return (แบ่งเป็น 3 หมวด : หุ้นปันผล, หุ้นมั่นคง และหุ้นเติบโต) และทำ Re-balancing เป็นระยะหุ้นกลยุทธ์ (ที่มีพื้นฐานดี) แนะนำวันนี้เป็น TMB
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดรวมเป็นลบเล็กๆ แนวต้าน 1580-1590, 1600 ต่ำกว่า 1570 ควร Wait & See หรือลดพอร์ตตามสำหรับการ SCAN หุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ SAMTEL, GIFT, BR, KOOL ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน Listคือ KKP, HANA, EPG, ESSO, TSR, AMA, CPN, GFPT, SCP, SRICHA, BANPU, STA, TCAP, DELTA หุ้นแนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะ Take Profit คือ ECL หุ้นหลุด List ได้แก่ ESSO
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ :
+ จีน : เงินหยวนได้รับการยอมรับมากขึ้นในตลาดโลกIMF เปิดเผยว่า ณ สิ้นสุดเดือนธ.ค.2016 เงินทุนสำรองสกุลเงินหยวนของประเทศต่างๆทั่วโลกคิดเป็นมูลค่า 8.451หมื่นล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นสัดส่วน 1.07% ของปริมาณเงินทุนสำรองทั่วโลก...นับเป็นครั้งแรกที่ IMF เปิดเผยรายละเอียดการถือครองสกุลเงินหยวนในทุนสำรองของประเทศต่างๆ จากเดิมที่มีการเปิดเผยรายละเอียดของสกุลดอลลาร์สหรัฐ, ปอนด์, เยน, ฟรังก์สวิส, ดอลลาร์แคนาดา, ดอลลาร์ออสเตรเลีย และยูโร บ่งชี้ว่าเงินหยวนได้รับการยอมรับในตลาดระหว่างประเทศมากขึ้น หลังจีนพยายามปฏิรูปเศรษฐกิจให้อิงกับระบบตลาดโลก
+ ญี่ปุ่น : ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ผลิตรายใหญ่งวด 1Q60 อยู่ที่ +12 เพิ่มจาก +10 ใน 4Q59ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ไตรมาส 1/60 เท่ากับ +12 เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/59 ที่ +10 แต่ต่ำกว่าโพลล์ที่ +15 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นนอกภาคการผลิต (รวมบริการ) +20 ในไตรมาส 1/60 เพิ่มจาก +18 ในไตรมาสก่อนหน้า เป็นไปตามผลโพลล์
• สหรัฐ : หวั่นร่างงบประมาณทรัมป์จะไม่ผ่านการพิจารณาในปลายเม.ย.นี้ ซึ่งอาจนำไปสู่การชัตดาวน์ปธน.ทรัมป์จะเสนอแผนงบประมาณมูลค่า 3.3 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อสภาคองเกรสปลายเม.ย.นี้ โดยจะเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมและสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก-สหรัฐ ซึ่งจำนวนเงินดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณที่จะช่วยให้หน่วยงานราชการของสหรัฐสามารถดำเนินการต่อไปได้ภายหลังเดือนเม.ย อย่างไรก็ตามสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนหนึ่งได้แสดงความกังวลว่า ข้อเสนอของปธน.ทรัมป์อาจส่งผลให้เกิดการชัตดาวน์เนื่องจากพรรคเดโมแครตปฏิเสธที่จะยอมรับข้อเสนอของรีพับลิกัน
• สหรัฐ : การใช้จ่ายผู้บริโภคก.พ.ยังบวกต่อ ความเชื่อมั่นอยู่ในเกณฑ์ดี และเงินเฟ้อ PCE เกิน 2%
# การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเดือนก.พ. +0.1% ลดลงจาก +0.2% ในเดือนม.ค. และต่ำกว่าคาด และหากปรับค่าตามเงินเฟ้อ การใช้จ่ายของผู้บริโภคจะเป็น -0.1% ในเดือนก.พ. หลัง -0.2% ในเดือนม.ค. สำหรับรายได้ส่วนบุคคล +0.4% ในเดือนก.พ.
# ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐอยู่ที่ระดับ 96.9 ในเดือนมี.ค. โดยต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ 97.6 แต่สูงกว่าระดับ 96.3 ของเดือนก.พ.
# ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) +0.1%MoM และ +2.1%YoY ในเดือนก.พ. หลังจาก+0.4%MoM และ +1.9%YoY ในเดือนม.ค.
# ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองการคาดการณ์ GDP Now แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัว 0.9% ในไตรมาส 1 หลังจากมีการเปิดเผยตัวเลขการใช้จ่าย และรายได้ของผู้บริโภคในเดือนก.พ. ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ที่ระดับ 1.0% เมื่อวันที่ 24 มี.ค.60
• สหรัฐ : ประธานเฟดเซนต์หลุยส์คาดถ้าเฟดลดงบดุล ก็อาจชะลอการขึ้นดอกเบี้ยชั่วคราวนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่าเฟดอาจระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นการชั่วคราว เมื่อเฟดเริ่มต้นลดการถือครองพันธบัตร (ปล่อยให้พันธบัตรหมดอายุไปโดยไม่ซื้อใหม่)ซึ่งเฟดมีความพร้อมที่จะเสนอแผนในการลดขนาดงบดุลบัญชีลงจากระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 2H60
• สหรัฐ : จับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.ศุกร์นี้ คาดเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่งวันศุกร์ที่ 7 เม.ย.นี้ สหรัฐจะมีรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของเดือนมี.ค.60 ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่ม 1.8 แสนตำแหน่งหลังจากพุ่งขึ้น 2.35 แสนตำแหน่งในเดือนก.พ. (ซึ่งดีกว่าคาด) อัตราการว่างงานทรงตัวที่ 4.7%
- ตลาดหุ้นสหรัฐ : วันศุกร์ร่วงลงดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 65.27 จุด หรือ 0.31% ปิดที่ 20,663.22 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง5.34 จุด หรือ 0.23% ปิดที่ 2,362.72 จุด ดัชนี Nasdaq ขยับลง 2.61 จุด หรือ 0.04% ปิดที่ 5,911.74 จุดเนื่องจากขาดปัจจัยบวกใหม่ และกังวลมาตรการทรัมป์ที่ดูไม่ราบรื่นนัก
• สัญญาน้ำมันดิบ : แกว่งแคบสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 50.60 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้านสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 13 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 52.83 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะนี้หลายประเทศหนุนให้ขยายเวลาลดปริมาณการผลิตตามข้อตกลงที่จะสิ้นสุดกลางปีนี้ ด้านเบเกอร์ ฮิวจ์ รายงานว่าสัปดาห์ก่อนจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐเพิ่มอีก 10 แท่น สู่ระดับ 662 แท่น ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2558และเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 11 ติดต่อกัน
• สัญญาทองคำ : ปรับขึ้นเล็กน้อยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 3.2 ดอลลาร์ หรือ 0.26% ปิดที่ 1,251.2 ดอลลาร์/ออนซ์ และทะยานขึ้น 8.1% ในไตรมาสแรก
ปัจจัยในประเทศ :
-/• ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐและอาจถูกตอบโต้ทางการค้าประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐ ได้ออกคำสั่ง 2 ฉบับในวันศุกร์ที่ 31 มี.ค.60 เพื่อยกระดับการบังคับใช้กฎหมายด้านการค้าและการแก้ปัญหาขาดดุลการค้า โดยให้คณะทำงานศึกษาภายใน 90 วัน และอาจจะออกมาตรการตอบโต้ทางการค้ากับประเทศเหล่านี้ ซึ่งประเทศที่สหรัฐขาดดุลการค้าเป็นอันดับต้นๆ ได้แก่ จีน (ขาดดุลกับจีน 347 พันล้านดอลลาร์ในปี 59) ตามมาด้วย ญี่ปุ่น, เยอรมนี, เม็กซิโก, ฝรั่งเศส, อิตาลี, อินเดีย, ไทย ส่วนแคนาดาเป็นประเทศที่เกินดุลกับสหรัฐน้อยที่สุด โดยเพิ่งจะเกินดุลการค้าเล็กน้อยในปี 59 จากขาดดุลการค้ากับสหรัฐในปี 58ทางด้านจีน ก็ออกมาเรียกร้องให้สหรัฐทบทวนนโยบายการค้า และระบุว่าการแก้ปัญหาขาดดุลของสหรัฐต้องไม่ชัดต่อกฎเกณฑ์การค้าระหว่างประเทศ
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : ในเบื้องต้นยังไม่ชัดเจนว่าสหรัฐจะตอบโต้ทางการค้ากับประเทศต่างๆ
และไทยอย่างไร แต่ข่าวนี้ก็ทำให้ภาคส่งออกกังวลและเป็น Sentiment ลบต่อการส่งออกของไทย เนื่องจากสหรัฐเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่เป็นอันดับ 1 ของไทยในปี 58-59 โดยสินค้าที่ไทยส่งออกไปสหรัฐมาก คือ 1. ผลิตภัณฑ์ยาง, 2.คอมพิวเตอร์และอิเลคทรอนิกส์, 3. สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร, 4. อาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูปทั้งนี้คาดว่า TU จะได้รับผลกระทบไม่มาก เพราะมีบริษัทอยู่ในประเทศสหรัฐอยู่แล้ว (หลักๆ คือ Chicken of the sea)ขณะเดียวกันจะได้รับประโยชน์ด้วยถ้าทรัมป์ประกาศลดภาษีรายได้ภาคธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในอัตรา 35% โดยหากลดเป็น 25% กำไรสุทธิหลังภาษีจะเพิ่ม 15% ทันที (กำไรก่อนภาษีเท่าเดิม) นอกจากนั้นคาดว่ามาร์จิ้นในปีนี้จะดีขึ้นหลังจากขยับเพิ่มราคาขายได้ และต้นทุนวัตถุดิบทูน่า & แซลมอน มีเสถียรภาพมากขึ้น ยังคงคำแนะนำซื้อ TU ให้ราคาพื้นฐาน 25 บาท
+ TMB (ราคาปิด 2.44 บาท) : แนวโน้มปี 60 ดีขึ้นทั้งเรื่องการเติบโตและคุณภาพสินทรัพย์DBSV ปรับเพิ่มมุมมองบวกที่มีต่อธนาคาร หลังจากได้ประชุมกับผู้บริหารเมื่อเดือนก.พ.60 โดยแนวโน้มปี 60 ดูดีขึ้นสินเชื่อคาดว่าจะเติบโตที่ +8% ถึง +10% โดยขยายในทุกกลุ่มลูกค้า ด้านเงินฝากก็ขยายในอัตราใกล้เคียงกันกับสินเชื่อ ซึ่งดีกว่าปี 59 ที่ -7% รายได้ค่าธรรมเนียมตั้งเป้าขยายตัวที่ +10% ถึง +20% คุณภาพสินทรัพย์มีแนวโน้มว่าจะทรงตัวถึงดีขึ้น โดยคาดว่า NPL Ratio จะลดอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากระดับ 2.5% ในสิ้นปี 59 โดยประเมินไว้ที่2.3-2.5% ในปี 60 เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 60 ขึ้น 12% ทำให้กำไรสุทธิปี 60 ขยายตัว +7.5% จากปีก่อนแนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมายตามปัจจัยพื้นฐาน 2.67 บาท
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]