- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 03 April 2017 18:38
- Hits: 2625
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่แล้ว 'Fund Flow ประคอง SET ปรับขึ้นต่อ'
ดัชนีตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมาแม้เปิดตลาดปรับลงตามตลาดหุ้นภูมิภาคหลังสภาคองเกรสยกเลิกลงมติร่างกฎหมายอเมริกันเฮลธ์แคร์ แต่ด้วยแรงหนุน Fund Flow ที่ยังไหลเข้าต่อเนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า โดยล่าสุดเคลื่อนไหวที่ 34.30 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ดัชนีบ้านเรายังปรับตัวขึ้นต่อ อย่างไรก็ดีเนื่องด้วยปัจจัยในประเทศที่มีทั้งบวกและลบ ไม่ว่าจะเป็นประเด็นสปก. สรุปผลวินด์ฟาร์ม 17 โครงการไม่ผิดกฎหมาย, เทศกาล XD-จ่ายปันผล, การพิจารณาร่าง พรบ. ปิโตรเลียมของ สนช. ที่มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ส่งผลให้ภาพตลาดเคลื่อนไหวผันผวนกรอบแคบและปิดตลาดวันศุกร์ที่ระดับ 1,575.11 จุด (+0.1%WoW) ด้วยมูลค่าซื้อขายเฉลี่ย 39,314 ล้านบาท
ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดหุ้นวันนี้
(+) ราคาน้ำมันดิบ WTI +0.50% มาอยู่ที่ 50.60 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากข่าวที่หลายประเทศสนับสนุนให้มีการขยายเวลาการลดกำลังการผลิต อย่างไรก็ตามวานนี้สหรัฐฯมีการรายงานจำนวนแท่นขุดในสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 10 แท่นสู่ระดับ 662 แท่นซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.58
(+) ผลสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจของญี่ปุ่นประจำงวด 1Q60 อยู่ที่ระดับ +12 เพิ่มขึ้นจากช่วง 4Q59 ที่อยู่ที่ระดับ +10
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ DJIA -65.27 จุด (-0.31%) หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจที่รายงานออกมาอย่างการใช้จ่ายของผู้บริโภคเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 0.1% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% รวมถึงตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มี.ค. ที่อยู๋ที่ 96.9 จุด ต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่คาดไว้
(-) นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิเป็นวันแรกหลังจากซื้อมาต่อเนื่อง 10 วันทำการโดยมียอดขายสุทธิที่ 287 ล้านบาท
(-) ทรัมป์ออกคำสั่งพิเศษเพื่อให้หาสาเหตุที่สหรัฐฯขาดทุลการค้ากับประเทศคู่ค้า 16 ประเทศโดยมีไทยเป็น 1 ในนั้นด้วย
(+/-) ตลาดหุ้นยุโรปCAC-40 +65% DAX +0.46% และFTSE100 +0.63%
(+/-) ค่าระวางเรือ (BDI) ลดลง 27 จุด(-2.04%) มาอยู่ที่ 1,297 จุด
(+/-) ราคาถ่านหินเพิ่มขึ้น 0.95% มาอยู่ที่ 84.15 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน
(+/-) รถไฟฟ้าสายสีเหลืองและชมพูที่กลุ่ม BSR ชนะประมูลเรียมเซ็นสัญญาในเดือน เม.ย. นี้
(+/-) หุ้น D (เดนทัล คอร์ปอเรชั่น) เข้าซื้อขายวันแรกในตลาด MAI หมวดธุรกิจบริการ โดยราคา IPO อยู่ที่ 6 บาท/หุ้น พาร์ 0.50 บาท จำนวนหุ้น IPO 50 ล้านหุ้นและรวมหุ้นทั้งหมดจำนวน 200 ล้านหุ้น
ปัจจัยที่ต้องติดตาม หุ้นเข้า/ออก SET 50 รอบ 1H60 (คาดหุ้นเข้า ได้แก่ GL, THAI, GLOBAL, SPRC, JAS, PTG, SCCC, RATCH และหุ้นออก ได้แก่ TASCO, SAWAD, TTW, WHA, BEC, TPIPL, BCP, MTLS)
การพรีวิวงบกลุ่มธนาคารในช่วงนี้ และการประกาศงบในช่วงหลังสงกรานต์
ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญประจำสัปดาห์ ได้แก่ US ตัวเลขการจ้างงานการผลิตเดือนมี.ค. (3 เม.ย.) ดุลบัญชีการค้า (4 เม.ย.) ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (7เม.ย.) EU ตัวเลขค้าปลีกเดือน ก.พ. (4 เม.ย.)
กลยุทธ์การลงทุน 'เก็งกำไรสั้น'
ประเมินดัชนีวันนี้มีแนวโน้มแกว่งตัวกรอบแคบ แนะนำเก็งกำไรสั้น โดยมองประเด็น EEC จะเป็นประเด็นเด่น จากที่จะมีการประชุมบอร์ด EEC วันที่ 5 เม.ย. และยังคงแนะนำกลุ่มเครื่องดื่มที่ได้โมเมนตัมจากฤดูร้อน สำหรับภาพรวมตลาดเรามองว่าตลาดยังคงมีความเสี่ยงจากการขายทำกำไร แนะนำเก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยเฉพาะเด่น หรือกลุ่มที่ Laggard ตลาด โดยให้ระมัดระวังหุ้นที่ส่งออกไปสหรัฐจากที่มีประเด็นการขาดดุลการค้าของสหรัฐกับคู่ค้า
หุ้นเด่นประเด็นร้อน
MALEE เก็งกำไร
บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโต 10-15% ในปี 60
ได้โมเมนตัมบวกจากช่วง High Season ของธุรกิจเครื่องดื่มในหน้าร้อน
เตรียมขยายธุรกิจสู่ตลาด CLMV และขยายธุรกิจ OEM ในยุโรป
ROJNA เก็งกำไร
ได้ประโยชน์จากที่กระทรวงการคลังมีแนวคิดแก้กฎหมาย Lease hold เพิ่มขึ้นเป็นไม่เกิน 50 ปี เพื่อจูงใจนักลงทุนต่างชาติ
ได้โมเมนตัมบวกจากการประชุมบอร์ EEC ในช่วงกลางสัปดาห์
ราคาเป้าหมายสูงสุดใน IAA Consensus ที่ 7.20 บาท/หุ้น