- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 31 March 2017 17:28
- Hits: 2331
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
ผันผวน? ภายใต้ปัจจัยต่างประเทศที่มีน้ำหนักเป็นลบ แม้ได้รับปัจจัยบวกจากตัวเลข GDP –4Q/59 ของสหรัฐฯ ที่ดีกว่าคาดและสูงกว่าประมาณการครั้งก่อน แต่คาดทำให้เกิดความกังวลมากขึ้นต่อประเด็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายส่งสัญญาณไปในทิศทางเดียวกัน และสนับสนุนให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 3 ครั้ง ในปีนี้ นอกจากนี้คาดปัจจัยกดดันจากความไม่แน่นอนในการดำเนินงานนโยบายของปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะร่างงบประมาณ ที่จะต้องผ่านสภาคองเกรสในเดือนเม.ย. นี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานราชการของสหรัฐฯ “Shutdown”
รวมถึงประเด็นการปรับลดวงเงิน QE ของ ECB จาก 80,000 ล้านยูโร/เดือน เป็น 60,000 ล้านยูโร/เดือน ตั้งแต่เมย. – ธ.ค.’60
ยังแนะติดตามการเลือกตั้งในยุโรป โดยเฉพาะในฝรั่งเศส (รอบแรก 23/4/60 รอบสอง 7/5/60) ซึ่งคาด Sentiment เป็นบวก คาดช่วยลดความกังวลโดยเฉพาะการเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมือง ที่อาจเป็นการจุดกระแสความนิยมต่อนโยบายขวาจัด
ทางด้านประเด็นในประเทศ คาด Sentiment ยังเป็นบวก ทั้งจาก (1) แนวโน้มเศรษฐกิจที่คาดดีขึ้นตามลำดับ ตามมุมมองของ กนง. ที่ล่าสุดมีการปรับเป้าหมาย GDP และส่งออก ในปี’60 เพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิม (2) Fund Flow ไหลกลับเข้ามาต่อเนื่องใน Emerging Marketภูมิภาค รวมถึงไทย ล่าสุดต่างชาติซื้อสุทธิมูลค่าสูงกว่า 10,000 ล้านบาท (รวม Big Lot BJC ประมาณ 5,000 ล้านบาท) ซึ่งส่งผลให้ YTD กลับเป็นยอดซื้อสุทธิสะสม กว่า 6,500 ล้านบาท (3) Window Dressing ซึ่งจะมีการปิดงบไตรมาส 1 ในวันนี้ (31/3/60) และ (4) แรงซื้อหุ้นก่อน XD เช่น SCC (10.50 บาท 4/4/60) และ ADVANC (4.29 บาท 5/4/60) เป็นต้น
ส่วนทางด้านปัจจัยกดดันจากความไม่แน่นอนในการเปิดประมูลของภาครัฐ ซึ่งส่งผลต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น หลัง ครม. เห็นชอบประเด็นการปรับร่างทีโออาร์ใหม่สำหรับรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง และแนะให้จัดทำร่าง TOR ใหม่ เสร็จภายใน 3 เดือน คาดมีความเป็นไปได้ที่จะเปิดประมูลในช่วง 2H/60
SET SET50 SET100
1,579.88 +4.91 1,001.52 +3.89 2,255.19 +8.93
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดต่างประเทศ DJIA +69.17, NASDAQ +16.80, S&P +6.93, FTSE -4.20, CAC +20.60 และ DAX +53.43 หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้าย GDP –4Q/59 ขยายตัว 2.1% สูงกว่าประมาณการครั้งที่ 2 ที่ขยายตัว 1.9% และดีกว่าที่คาดว่าว่าจะขยายตัว 2% และยังได้รับปัจจัยหนุนจากผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ล่าสุด ลดลง 3,000 ราย อยู่ที่ 258,000 ราย แต่สูงกว่าที่คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 247,000 ราย รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นและอยู่ในระดับที่สูงกว่า 50USD เป็นครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์
ขณะที่อยู่ระหว่างติดตามการผลักดันร่างกฎหมายต่างๆ ของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะร่างงบประมาณให้ผ่านสภาคองเกรสภายในเดือนเม.ย.นี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานราชการของสหรัฐ หรือ "ชัตดาวน์" รวมถึงข้อเสนองบประมาณของ ปธน.ทรัมป์ ประมาณ 33,000 ล้านUSD เพื่อเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมและสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก - สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนหนึ่งได้แสดงความกังวลว่า ข้อเสนอของปธน.ทรัมป์อาจส่งผลให้เกิดการชัตดาวน์ เนื่องจากพรรคเดโมแครตปฏิเสธที่จะยอมรับข้อเสนอของรีพับลิกัน
โดยการซื้อขายยังเป็นไปอย่างระมัดระวัง หลังเจ้าหน้าที่หลายคนของ เฟด ออกมาส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ล่าสุดประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ ระบุ GDP สหรัฐฯ มีแนวโน้มขยายตัวมากกว่า 2% ในปี’61 และอัตราเงินเฟ้อกลับสู่การขยายตัวที่ยั่งยืนในระดับ 2% พร้อมเชื่อมั่นว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยหนุนจากเงินยูโรที่อ่อนค่าลง ซึ่งส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มส่งออก
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
17.44 1.94 3.12
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 51,767.28
สถาบัน -2,076.48
บัญชีหลักทรัพย์ -732.48
ต่างประเทศ 10,662.23
ในประเทศ -7,853.27
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR และ TKN เป็นต้น
(2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี ’60 เช่น KBANK และ SCBเป็นต้น
(3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น และความต้องการในประเทศที่คาดดีขึ้น เช่น SCC
(5) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากการเปิดขายโครงการในปี’60 ที่โดดเด่น เช่น ANAN และ SPALI เป็นต้น
(6) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐและเอกชน ที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น SQ และ UNIQเป็นต้น (7) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น และ BANPU ปรับตัวขึ้นตามราคาถ่านหิน
(8) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK
(9) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจขนส่งทางเรือ เช่น PSL คาดได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินที่มีแนวโน้มฟื้นตัว จากการปรับตัวของอุตสาหกรรมเรือเทกอง
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.03 อยู่ที่ 2.42%
(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.12 อยู่ที่ 11.54
หุ้นแนะนำ : BR
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788