- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 31 March 2017 17:06
- Hits: 2390
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: ผันผวน
SET lndex: 1577.79 ตลาดมีแรงขายทำกำไรบริเวณ 1580-1585 จุด หาก SET ยังแกว่งเหนือ 1575 จุด คาดว่ามีแนวโน้มกลับไปทดสอบแนวต้านเดิมบริเวณ 1580-1585 จุก ช่วงบ่ายมองผันผวนในกรอบ 1570-1580 จุด
แนวต้าน : 1580 และ 1585
แนวรับ : 1575 และ 1570
PTT = 388 / 398, TPlPL = 2.56 / 2.66, CPF = 27.25 / 28.50, PTTGC = 73.50 / 74.50, TRUE = 6.65 / 6.85
Green Resources (GREEN TB; THB 1.71) - ซื้อ
แนวต้าน : 1.75 และ 1.80
แนวรับ : 1.70 และ 1.68
ราคาหุ้นฟื้นตัว หลังปรับฐานบริเวณ 1.65 บาท คาดว่าราคามีแนวโน้มปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านเดิมได้
RSI มีแนวโน้มแกว่งขึ้น
แนะนำซื้อ GREEN โดยมีแนวรับที่ 1.70 และ 1.68 และมีแนวต้านที่ 1.75 และ 1.80 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 1.65 ลงไป
Singha Estate (S TB; THB 4.80) - ซื้อ
แนวต้าน : 4.86 และ 4.94
แนวรับ : 4.78 และ 4.76
ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นต่อเนื่องด้วยวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มขึ้น ราคามีแนวโน้มปรับขึ้นต่อหากยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ระดับ 4.80 บาทได้
MACD แกว่งขึ้น
แนะนำซื้อ S โดยมีแนวรับที่ 4.78 และ 4.76 และมีแนวต้านที่ 4.86 และ 4.94 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 4.72 ลงไป
Analysts :
Pornvilai Santusatharom +662 657-9230 - [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
แรงซื้อนักลงทุนต่างประเทศยังหนุนดัชนีต่อ
เมื่อวานนี้ตลาดฟื้นตัวตามที่เราคาดไว้ โดยปิดบวกไป 4.91 จุดหรือ +0.31% ปิดที่ 1579.88 จุด ด้วยปริมาณการซื้อขาย 51,767 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าที่ซื้อขายในระดับ 3.69 หมื่นล้านบาทมาก จาก Big lot หุ้น BJC ที่มีปริมาณการซื้อขาย 110 ล้านหุ้น ที่ราคาเฉลี่ย 47.25 บาท รวมมูลค่า 5,197 ล้านบาท เป็นหลัก โดยเราจะเห็นได้จากเม็ดเงิน fundflow ที่ไหลออกจากตลาดพัฒนาแล้ว (Developed market) อย่างสหรัฐฯ และยุโรป รวมถึงในเอเชียเหนือ ที่ถูกขายทำกำไรออกมา และมีเม็ดเงินกลับเข้ามาซื้อลงทุนในระยะสั้นในตลาดเกิดใหม่ (Emerging market) อย่างตลาด TIp (Thailand, Indonesia & Philippines) โดยนักลงทุนต่างประเทศเมื่อวานนี้ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยไป 10,662 ล้านบาท หากตัดรายการ big lot 5,197 ล้านบาทออกก็ยังคงซื้อสุทธิ 5,465 ล้านบาท หากรวมการซื้อสุทธิ 10 วันทำการติดต่อกันมียอดรวม 20,016 ล้านบาท สอดคล้องกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาต่อเนื่องจากระดับ 35.286 บาท/ดอลลาร์ในกลางเดือนมาอยู่ที่ 34.415 บาท/ดอลลาร์
เราประเมินว่าแรงซื้อของนักลงทุนต่างประเทศจะยังคงซื้ออย่างต่อเนื่องหากตลาดหุ้นในฝั่งสหรัฐและยุโรป (ที่ราคาปรับขึ้นมามากในปีนี้ จน outperform ตลาดหุ้นทั่วโลก) ยังคงถูกขายทำกำไรออกมาต่อเนื่องจากการที่ราคาหุ้นค่อนข้างแพงและมีความเสี่ยงจากนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีทรัมปัอาจจะไม่ได้ผ่านออกมาเป็นร่างกฎหมายได้ง่ายทั้งนโยบาย อเมริกันเฮลธ์แคร์, การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 1 ล้านล้านดอลลาร์และการปรับลดภาษีนิติบุคคล รวมไปถึงความไม่แน่นอนในการสานต่อนโยบายการเมืองหลังการเลือกตั้งในฝั่งยุโรปอาจมีการพลิกขั้วอำนาจได้เหมือนที่ตลาดประหลาดใจกับผลประชามติของชาวอังกฤษที่ต้องการออกจากยูโรโซน (Brexit) ในปีที่แล้ว ซึ่งการเลือกตั้งของฝรั่งเศสรอบแรกในวันที่ 23 เม.ย คงยังไม่มีความผันผวนมากแต่การเลือกตั้งรอบ 2 ในวันที่ 7 พ.ค. คาดว่าจะมีความผันผวนพอสมควร ซึ่งหากมีการพลิกโผจนนำไปสู่การทำประชามติออกจากยูโรโซนของฝรั่งเศส (Frexit) เช่นเดียวกับอังกฤษ ก็อาจทำให้มีแรงขายหุ้นทั่วโลกออกมาในระยะสั้นได้เช่นเดียวกัน
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่กองทุนอาจมีการทำราคาปิดประจำงวดไตรมาส 1/60 หรือ window dressing โดยหุ้นที่เราคาดว่าเป็นเป้าหมายก็ยังคงเป็นหุ้นใน SET50 ที่มีราคาปรับลดลงแรงในระหว่างไตรมาสแรกอย่าง CBG (-18%) CK (-12%) KCE (-12%) CENTEL (-10%) และ BDMS (-8%) ซึ่ง 2 วันที่ผ่านมาตั้งแต่เราแนะนำไปก็เห็นมีแรงซื้อเข้ามาที่ CBG +9.1% และ CENTEL +3.6% โดยเรายังเชื่อว่าในวันนี้หุ้นทั้ง 5 บริษัทซึ่งเป็นหุ้นพื้นฐานดีที่เราแนะนำลงทุนในระยะยาวอยู่แล้วยังน่าจะมีโอกาสฟื้นตัวได้ต่ออีก โดยเราให้ราคาเป้าหมาย CBG ที่ 74 บาท, CK ที่ 34 บาท, KCE ที่ 117 บาท, CENTEL ที่ 49 บาทและ BDMS ที่ 23 บาท
ในเดือนเมษายนมีปัจจัยที่ต้องติดตามคือ 1. การประกาศงบ Q1/17 ของหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ 2. ตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือนของธนาคารแห่งประเทศไทย 3. ความคืบหน้าของการลงมติกฏหมายประกันสุขภาพและการปฏิรูปภาษีของสหรัฐ ประเด็นที่ตลาดให้ความสำคัญคือ การลงมตินโยบายประกันสุขภาพ ความคืบหน้านโยบายการลดภาษีและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน หากยังไม่มีอะไรคืบหน้า ประเด็นดังกล่าวอาจจะเขย่าตลาดหุ้นสหรัฐได้รอบใหม่ ส่วนราคาน้ำมันตลาดมองราคาน้ำมันเบรนท์จะค่อยๆ ซึมตัวลงและคาดยังแกว่งในกรอบแคบ 50+/- ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีแรงกดจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิตและสต๊อกน้ำมันในสหรัฐ รวมทั้ง การลด position Long และเพิ่มการ Short ของบรรดา Hedge fund จาการสำรวจของ ThomsonReuters พบว่าบรรดานักลงทุนยังมีความกังวลเรื่องผลการเลือกตั้งในยุโรป ความล่าช้านโยบายการลดภาษีของสหรัฐ และตลาดหุ้นเริ่มแพง
วันนี้คาดว่าตลาดจะยังเคลื่อนไหว sideway up ต่อ จากแรงซื้อของนักลงทุนต่างประเทศ แต่อาจมีแรงขายทำกำไรสลับออกมาในช่วงปลายตลาด โดยกลุ่มธนาคารและ ICT ที่ outperform ตลาดมามากนับจากต้นปี ยังมองว่ามีโอกาสถูกขายทำกำไรต่อและน่าจะสลับมาเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มพลังงาน (PTT PTTEP TOP PTTGC IVL SGP) หลังราคาน้ำมันปรับขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการรวม 2.62 ดอลลาร์/บาร์เรลหรือ +5.5% ในขณะที่หุ้นที่ปรับตัวขึ้นช้ากว่าตลาด (laggard) ยังคาดว่าจะเป็นตัวเลือกในการเก็งกำไรระยะสั้นต่อ เรายังชอบกลุ่มอาหาร (CPF TU BR) กลุ่มอิเล็กโทรนิคส์ (DELTA KCE HANA SVI) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG MALEE SAPPE) กลุ่มโรงแรมและการท่องเที่ยว (CENTEL MINT ERW AOT) วันนี้มองแนวต้านที่ 1585-1590 จุด ส่วนแนวรับที่ 1570-1574 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร BR IVL CENTEL และ MALEE
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,577.79 จุด ลดลง 2.09 จุด(-0.13%) มูลค่าการซื้อขาย 15,395.03 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับลง โดยมีแรงขายทำกำไรออกมาหลัง SET ไม่ผ่านระดับ 1580 จุด ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้ส่วนใหญ่แกว่งบวก-ลบ เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก หลังตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯและจีนแข็งแกร่ง
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย แกว่งลง ภาพรวมตลาดน่าจะมีการปรับฐานย่อยตามรอบการดีดตัว หลังขึ้นไปทดสอบแนวต้าน1580 จุด แล้วยังไม่สามารถยืนได้ โดยในภาพใหญ่สัญญาณการเก็งกำไรยังดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะถ้ายืนเหนือระดับ1575 จุดได้ต่อเนื่อง โดยปัจจัยหนุนหลักยังคงเป็นการไหลเข้าของเม็ดเงินต่างชาติ หลังจากที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาอ่อนค่า อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตลาดยังไม่มีปัจจัยหนุนเชิงพื้นฐานที่แข็งแรง คาดว่าจะทำให้เกิดแรงขายทำกำไรสลับออกมาในบางช่วงได้ โดยเฉพาะตรงแนวรับ-ต้านสำคัญ โดยแนวต้านแรกจะอยู่ที่ระดับ 1580 จุด และแนวรับ 1575 จุด ระยะสั้นกลับมาใช้กลยุทธ์เล่นรอบทำกำไร คือขึ้นแรงขาย ลงแรงซื้อกลับ
Technical Pick (PM) & Cash Balance...
Green Resources (GREEN TB; THB 1.71) - ซื้อ
Singha Estate (S TB; THB 4.80) - ซื้อ
Cash Balance Preview : คาดหลักทรัพย์ที่มีโอกาสจะติด Cash Balance สัปดาห์ หน้า : AMANAH (กรณีหุ้นแม่ติด ฯ Warrant ทุกตัวของหุ้นนั้นจะติดตามด้วย)
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]