- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 29 March 2017 16:27
- Hits: 1789
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวต้านสำคัญ 1580
SET Index: 1577.55 เคลื่อนไหวในกรอบแคบที่บริเวณแนวต้านสำคัญ 1580 จุด หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากจุดต่ำสุดที่บริเวณ 1530 จุด ซึ่งเราคาดว่า แนวโน้มของ SET Index ในระยะสั้นยังคงเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาลง โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 1580 จุดเป็นจังหวะขายหุ้นออก เนื่องจากโครงสร้างในระยะยาวมีแนวต้านสำคัญที่ 1590 จุด ถ้ายังไม่สามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ แนวโน้มหลักยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1550 และ 1520 จุด
แนวต้าน : 1578 และ 1580
แนวรับ : 1574 และ 1570
GL = 20.00 / 22.50, BANPU = 19.70 / 20.00, PTT = 394 / 398, TRUE = 6.50 / 6.70, INTUCH = 56.00 / 56.50
Demco (DEMCO TB; THB 6.70) – ซื้อ
แนวต้าน : 7.00 และ 7.20 / แนวต้านสำคัญ 7.50
แนวรับ : 6.70 และ 6.60
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น มาทดสอบแนวต้านของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐานเหนือจุดต่ำสุดเดิม
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 50
แนะนำซื้อ DEMCO โดยมีแนวรับที่ 6.70 และ 6.60 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 7.00 และ 7.20 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 6.50 ลงไป
Thanapiriya (TNP TB; THB 3.26) – ซื้อ
แนวต้าน : 3.40 และ 3.60
แนวรับ : 3.26 และ 3.22
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างสูงมาทดสอบแนวต้านของเส้นแนวโน้มขาลงในระยะสั้น ในขณะที่โครงสร้างในระยะยาวฟื้นตัวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ TNP โดยมีแนวรับที่ 3.26 และ 3.22 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 3.40 และ 3.60 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 3.16 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
คาดกนง. คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไม่ส่งผลกับตลาด
เมื่อวานนี้ตลาดปิดบวก 6.22 จุด หรือ +0.40% ปิดที่ 1,576.72 จุด ด้วยปริมาณการซื้อขายเบาบางเพียง 38,903 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างประเทศยังเป็นฝ่ายซื้อสุทธิ 1,675 ล้านบาท ซึ่งเป็นการซื้อสุทธิติดต่อกัน 8 วันทำการ รวม 9,196 ล้านบาท จากการที่ค่าเงินดอลลาร์กลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่องจากความไม่มั่นใจในการผลักดันนโยบายต่างๆ ของประธานาธิบดีทรัมป์ หลังจากที่ส.ส.พรรครีพับลิกันบางส่วนที่ไม่ยอมสนับสนุนร่างกฎหมาย "อเมริกันเฮลธ์แคร์" ซึ่งจะนำมาใช้แทนกฎหมาย "โอบามาแคร์" จนเป็นเหตุให้สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐต้องยกเลิกการโหวตร่างกฎหมายดังกล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ 24 มี.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากเสียงสนับสนุนในพรรครีพับลิกันไม่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดการตั้งคำถามถึงความสามารถของปธน.ทรัมป์ในการเดินหน้าผลักดันนโยบายอื่นๆ ซึ่งรวมถึงการลดภาษี และการใช้จ่ายด้านโครงการพื้นฐาน ตามที่เขาได้เคยให้คำมั่นไว้ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง จากผลดังกล่าวทำให้มีแรงขายทำกำไรในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และมีเม็ดเงินบางส่วนไหลกลับมายังตลาดเกิดใหม่ (Emerging market) ในช่วงนี้
เม็ดเงินที่ไหลกลับมานับจากกลางเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องจาก 35.286 บาท/ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 34.40 บาท/ดอลลาร์ในปัจจุบันหรือคิดเป็นการแข็งค่าขึ้น 2.5% หากค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่าต่อ (จากการที่ผลการประชุมกนง. ในวันนี้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยและตลาดหุ้นพัฒนาแล้วยังคงถูกเทขายทำกำไรต่อเนื่อง) เราก็คาดว่านักลงทุนต่างประเทศจะยังเป็นผู้ซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง ซึ่งก็จะช่วยหนุนดัชนีให้มีโอกาสกลับไปทดสอบระดับ 1590-1600 จุดได้ในต้นเดือนหน้า
อย่างไรก็ตามการเข้าซื้อของนักลงทุนต่างประเทศในช่วงนี้น่าจะเป็นแค่การเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น ดังนั้นหุ้นกลุ่มหลักที่ราคาปรับขึ้นมามากนับ จากต้นปีอย่างกลุ่มธนาคาร (+8.0%) และกลุ่ม ICT (+10.3%) เทียบกับตลาดที่ปรับขึ้นมา +2.2% YTD น่าจะไม่ใช่เป้าหมายในการเข้าซื้อในรอบนี้ แต่เราคาดว่าหุ้นขนาดกลางที่มีราคาปรับฐานลงมาก่อนหน้านี้และเริ่มมี valuation ที่ไม่แพง แต่มี story การฟื้นตัวน่าจะเป็นเป้าหมายการเข้าซื้อมากกว่า โดยกลุ่มที่ว่าประกอบไปด้วย กลุ่มค้าปลีก (BJC CPALL CPN GLOBAL ROBINS) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG MALEE SAPPE) กลุ่มโรงแรมและการท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (CK STEC UNIQ) และกลุ่มอาหาร (BR CPF GFPT TU)
เราคาดว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง) ของธนาคารแห่งประเทศไทยในวันนี้จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ตามที่ตลาดคาดไว้ แม้ว่า IMF จะแสดงความเห็นอยากให้ประเทศไทยปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ตาม อย่างไรก็ตามหากกนง. มีมติออกมาลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายก็จะส่งผลลบกับกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ (ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยหรือ NIM มีแนวโน้มจะลดลง) แต่จะเป็นบวกกับกลุ่มอสังหาฯ (AP ANAN LH SIRI QH SPALI) กลุ่มเช่าซื้อ (MTLS SAWAD) กลุ่มหุ้นปันผลสูง (JASIF, DIF, ADVANC, INTUCH, TVO, SPRC) กลุ่มส่งออก (BR CPF GFPT TU KCE DELTA HANA) จากการที่ค่าเงินบาทจะกลับมาอ่อนค่าลง และกลุ่มโรงแรมและการท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT)
แม้ว่าเราจะเชื่อว่าในไตรมาสนี้ไม่น่าจะมีการทำราคาปิดประจำงวดไตรมาส 1/60 หรือ window dressing แต่สำหรับหุ้นใน SET50 บางบริษัทที่มีราคาปรับลดลงแรงในระหว่างไตรมาสแรกอย่าง CBG (-25%) CK (-13%) KCE (-13%) CENTEL (-13%) และ BDMS (-8%) ก็มีโอกาสที่จะเห็นการทำ window dressing ได้ โดยทั้ง 5 บริษัทเป็นหุ้นพื้นฐานดีที่เราแนะนำลงทุนในระยะยาวอยู่แล้ว โดยเราให้ราคาเป้าหมาย CBG ที่ 74 บาท, CK ที่ 34 บาท, KCE ที่ 117 บาท, CENTEL ที่ 49 บาทและ BDMS ที่ 23 บาท
สำหรับราคาน้ำมันมีแนวโน้มฟื้นตัวในกรอบราคา 48-52 ดอลลาร์/บาร์เรล หากโอเปกมีการขยายระยะเวลาตรึงกำลังการผลิตน้ำมันดิบออกไปอีก 6 เดือนจากกลางปีนี้ไปสิ้นปีแทน โดยคาดว่าจะมีความคืบหน้าในการประชุมรัฐมนตรีน้ำมันของกลุ่มโอเปกในวันที่ 2 เม.ย. นี้ หากราคาน้ำมันดิบสามารถฟื้นตัวขึ้นไปยืนเหนือ 50 ดอลลาร์/บาร์เรลได้ เราแนะนำ ซื้อเก็งกำไร PTT PTTEP TOP PTTGC IVL SGP
เราคาดว่าตลาดในสัปดาห์นี้ยังคงมีแนวโน้ม sideway up ตามแรงซื้อหนุนของนักลงทุนต่างประเทศ แต่ปริมาณการซื้อขายจะเบาบางเนื่องจากขาดปัจจัยหนุนที่เด่นชัด ดังนั้นการลงทุนในช่วงนี้คงเป็นการ selective buy ในรายหลักทรัพย์ที่มี story หนุนหรือราคาปรับลดลงมามากจนมีvaluation ถูกเหมาะกับการเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้น วันนี้มองแนวต้านที่ 1580-1585 จุด ส่วนแนวรับที่ 1568-1573 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร CBG CENTEL SAPPE และ KCE
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,577.55 จุด เพิ่มขึ้น 0.83 จุด (+0.05%) มูลค่าการซื้อขาย18,508.60 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้แกว่งแคบ เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่มาหนุน ด้านตลาดภูมิภาคแกว่งบวกเป็นส่วนใหญ่ หลังดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯแข็งแกร่งขณะที่นักลงทุนยังคงติดตามการดำเนินนโยบายของ"ทรัมป์"
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย แกว่งแคบ ตลาดยังคงได้แรงหนุนจากเม็ดเงินเก็งกำไรเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่ โดยได้ประโยชน์จากการไหลเข้าของเม็ดเงินระยะสั้นจากต่างชาติ หลังจากที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาอ่อนค่า อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตลาดยังไม่มีปัจจัยหนุนเชิงพื้นฐานที่แข็งแรง คาดว่าจะทำให้เกิดแรงขายทำกำไรสลับออกมาในบางช่วงได้โดยเฉพาะตรงแนวรับ-ต้านสำคัญ โดยแนวต้านแรกจะอยู่ที่ระดับ 1580 จุด และแนวรับ1575 จุด หากหลุดก็จะเกิดแรงขายทำกำไร เช่นกัน ระยะสั้นกลับมาใช้กลยุทธ์เล่นรอบทำกำไร คือขึ้นแรงขาย ลงแรงซื้อกลับ เน้นกลุ่มธนาคาร เนื่องจากจะมีปัจจัยหนุนในเรื่องผลการดำเนินงานที่จะประกาศออกมา
Technical Pick (PM) ...
Demco (DEMCO TB; THB 6.70) – ซื้อ
Thanapiriya (TNP TB; THB 3.26) – ซื้อ
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 – [email protected]/ [email protected]