- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 28 March 2017 19:36
- Hits: 1400
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แม้ SET ยังทรงตัวได้ดี แต่ก็ผันผวนพอควร ดังนั้นรอซื้อช่วงอ่อนดีกว่า
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET พยายามแกว่งทรงตัวแคบในช่วงเช้า แต่ยังผันผวนมีทั้งบวกและลบในกรอบจำกัด ก่อนจะมีแรงขายกดดันอีกครั้งในช่วงท้ายตลาดภาคเช้า และตามกดดัน SET ต่อเนื่องในภาคบ่าย ทำให้ดัชนีเริ่มแกว่งตัวด้านลบมากขึ้น และเป็นลบไปจนกระทั่งปิดสิ้นวัน เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคที่อ่อนตัวลงปิดลบกันหมด เนื่องจากยังไม่มีประเด็นบวกใหม่ ขณะที่นักลงทุนบางส่วนยังรอดูการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานเฟดในวันอังคารที่ 28 มี.ค.นี้อีกครั้งว่าจะส่งสัญญาณเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยครั้งถัดไปหรือไม่
แนวโน้มตลาดวันนี้ : แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะปรับตัวลงแรงเกือบ 200 จุดในช่วงแรกของการซื้อขายเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของ ปธน.สหรัฐคนใหม่จะสามารถผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรได้หรือไม่ แต่หลังจากปรับลงแรงแล้วยังมีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุน ทำให้ DJIA ค่อยๆ ไต่ระดับกลับมาเป็นลบน้อยลงจนกระทั่งปิด โดยคาดว่านักลงทุนบางส่วนยังรอติดตามถ้อยแถลงของประธานเฟดที่วอชิงตัน ดีซี ในค่ำวันนี้อีกครั้ง ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้หลายแห่งเปิดฟื้นตัวเป็นบวกได้บ้าง แต่กรอบบวกก็ยังค่อนข้างจำกัด ทำให้ FSS คาดว่า SET อาจจะยังแกว่งทรงตัวขึ้น-ลงในกรอบเดิมต่อเนื่องได้ แต่ช่วงถัดไปยังต้องระวังจังหวะอ่อนตัวลงแกว่งลบ เพื่อสร้างฐานสำหรับการขยับขึ้นใหม่ในช่วงหน้า
กลยุทธ์ : ดังนั้นเรายังแนะนำให้รอเลือกหุ้นทยอยซื้อเพิ่มในช่วงลบต่อไปได้ แต่ส่วนที่ซื้อแล้วยังแนะนำให้เน้นถือต่อเนื่องไว้ดีกว่า
แนวรับ 1568-1566 , 1564-1560 จุด
แนวต้าน 1572-1574 , 1576-1580 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : VIBHA, TSE, AMATA(short)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$403ล้าน นำโดยไต้หวัน US$336ล้าน และไทย US$48ล้าน ขณะที่ไหลออกจากฟิลิปปินส์ US$10ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคหลังเกิดความกังวลต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐอาจล่าช้าลงกว่าเดิม ซึ่งจะส่งผลดีต่อกระแสเงินทุนกลับมาสนใจประเทศเกิดใหม่มากขึ้น
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) หม่อมอุ๋ยค้านตั้งบรรษัทพลังงานแห่งชาติ ประเด็นความไม่แน่นอนเรื่องการตั้งบรรษัทพลังงานแห่งชาติ (NOC) ซึ่งให้อำนาจกับบรรษัทค่อนข้างมาก อาจส่งผลลบต่อจิตวิทยาการลงทุนในกลุ่มพลังงานโดยเฉพาะ PTT ทั้งนี้ จะมีการลงมติในวันที่ 30 มี.ค. นี้
(+) รู้ผลผู้ชนะ 2300MHz ภายใน พ.ค. วานนี้มีเอกชน 6 รายคือ ADVANC, DTAC, TRUE, บ.ไฮมีเดียเทคโนโลยี, บ.โมบายแอลทีอี, บ.ทานตะวันเทเลคอมมูนิเคชั่น ยื่นข้อเสนอกับ TOT จากทั้งหมด 13 รายที่รับเอกสารไปก่อนหน้านี้ คาดรู้ผลผู้ได้รับคัดเลือกภายใน พ.ค. นี้ แม้ตลาดจะคาดหวังสูงกับ DTAC (ราคาพื้นฐาน 30 บาท) เพราะ 2 คลื่น (850MHz, 1800MHz) จะหมดอายุสัมปทานปีหน้า แต่ต้นทุนคลื่นใหม่ที่จะเพิ่มขึ้นยิ่งกดดันผลประกอบการ ยังแนะนำขาย ส่วน ADVANC (ราคาพื้นฐาน 170) บาท แม้เต็มมูลค่าแต่แนะนำถือรับปันผล
(+) กลุ่มไก่ จีน ฮ่องกง ชิลี และอียิปต์กลับไปนำเข้าเนื้อและสัตว์ปีกแช่แข็งจากบราซิลแล้ว แต่กรณีบราซิลมีผลบวกต่อไทยจำกัด ปัจจัยหลักหนุนไก่ส่งออกของไทยปีนี้มาจากความต้องการที่สูงขึ้นของญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย และประเทศอื่นในเอเชีย (ยกเว้นจีน) หลังประสบปัญหาไข้หวัดนกระบาด แต่กำไร 1Q17 ยังไม่ดีเพราะเป็น low season จึงไม่ต้องรีบร้อนซื้อหุ้น ราคาหุ้น GFPT ปรับขึ้นมาจนใกล้เต็มมูลค่าที่ 18.30 บาท แนะนำถือ ส่วน TFG เกินพื้นฐานที่ 5.30 บาท แนะนำขาย มีเพียง CPF ที่มี upside มากสุดจากราคาพื้นฐาน 38 บาท แนะนำซื้อ
(+) ซูเปอร์บอร์ดเผยนายกฯไฟเขียว TOR รถไฟทางคู่แล้ว คาดเปิดประกวดราคาได้ใน 4-5 เดือนหลังจากครม.เห็นชอบ แม้ยังเร็วเกินไปที่จะเก็งกำไร แต่ข่าวนี้ก็ทำให้หุ้นกลุ่มรับเหมาได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนกลับมาบ้าง มีเพียง CK (ราคาพื้นฐาน 40 บาท) ที่เราชอบที่สุดในกลุ่มนี้
(+) PDG ได้ลูกค้าเพิ่มในกลุ่มขวดน้ำผลไม้ ส่วนลูกค้ารายเก่ามีคำสั่งซื้อขวดพลาสติกเพิ่มเพื่อรองรับหน้าร้อน ส่วนการผลิตขวดน้ำมันพืชให้ TVO ทรงตัวใกล้ 4Q16 เราคาดกำไร 1Q17 +13% Y-Y แต่ -27.6% Q-Q เพราะราคา PET ในประเทศเพิ่มขึ้น แนวโน้มรายได้ปีนี้สดใส เพราะได้ลูกค้าใหม่และมีความต้องการเพิ่มขึ้นจากลูกค้าที่เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์จากขวดแก้วเป็นพลาสติก และใน 2H17 จะเริ่มธุรกิจผลิตหลอดพรีฟอร์ม การใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นช่วยชดเชยต้นทุน PET ที่ปรับขึ้นได้ เราปรับกำไรปี 2017-18 ขึ้น 3-6% เป็น +5% Y-Y และ +8% Y-Y ตามลำดับ ปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 5.50 บาทจาก 5.30 บาท แนะนำซื้อ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
28 มี.ค. - เกาหลีใต้: 4Q16 GDP
- สหรัฐ:Yellenกล่าสุนทรพจน์ในงาน The National Community Reinvestment Coalition Annual Conference
29 มี.ค. - ไทย:กนง.ประชุม (ตลาดคาดคงดอกเบี้ยที่ 1.5%)
- สหรัฐ: Pending home sales (ก.พ.)
- อังกฤษ:นายกฯเตรียมประกาศมาตรา 50 ของ Lisbon Treaty
30 มี.ค. - ไทย:ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (ก.พ.)
- สหรัฐ: 4Q16 GDP (ตัวเลขสุดท้าย)
31 มี.ค. - ไทย:ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ก.พ.
- จีน:Manufacturing and Non-manufacturing PMI (มี.ค.)
- ยูโรโซน:เงินเฟ้อ (มี.ค.)
3 เม.ย. - ไทย:อัตราเงินเฟ้อ (มี.ค.), ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ (มี.ค.), Dเข้าเทรด (ราคา IPO 6 บาท)
- จีน:Caixin China PMI Mfg (มี.ค.)
- ญี่ปุ่น: ดัชนี Tankan 1Q17
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนยังปิดลบต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 เนื่องจากนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์ในด้านการปฏิรูปภาษีว่าจะสามารถทำได้สำเร็จ
(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดในลบเช่นกันโดยถูกกดดันหลังทรัมป์ไม่สามารถผ่านร่างกฎหมาย American Health Care ได้สำเร็จ
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับตัวในแดนบวกได้โดยนักลงทุนมองข้ามความผิดหวังหลังจากที่ทรัมป์ไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายสุขภาพได้
(+) ค่าเงินบาทยังแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.30-35.44 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ค. ลดลง 0.24 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 47.73 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนยังไม่มั่นใจว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันจะขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมจากสิ้นเดือน มิ.ย. นี้หรือไม่
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. พุ่งขึ้น 7.20 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,255.70 ดอลลาร์/ออนซ์ จากความล้มเหลวในการพยายามผ่านร่างกฎหมาย American Health Care ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ยังอ่อนค่าต่อเนื่อง
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch