WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRAบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน



ทิศทางตลาด
  
  มีโอกาสปรับลดลง? ตามตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่เช้านี้ ภายใต้ความไม่แน่นอนในการดำเนินงานนโยบายของสหรัฐฯ ซึ่งก่อนหน้านี้มีความคาดหวังในเชิงบวกว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังเสียงสนับสนุนของพรรครีพับลิกันไม่เพียงพอ ทำให้ต้องยกเลิกร่างกฎหมาย “อเมริกันเฮลธ์แคร์”ที่จะนำมาใช้แทน “โอบามาแคร์”ไป
  นอกจากนี้คาดยังได้รับปัจจัยกดดันบ้างจากประเด็นการพิจารณาออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ ที่จะเริ่มกระบวนการอย่างเป็นทางการ ปลาย มี.ค. นี้


  ขณะที่แนะติดตามการเลือกตั้งในยุโรป โดยเฉพาะในฝรั่งเศส (เม.ย. – พ.ค.) ซึ่งคาด Sentiment เป็นบวก หลังผลการเลือกตั้งในเนเธอร์แลนด์ และผลสำรวจล่าสุดในช่วงการหาเสียงในฝรั่งเศส คาดช่วยลดความกังวลโดยเฉพาะการเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมือง ที่อาจเป็นการจุดกระแสความนิยมต่อนโยบายขวาจัด
  ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ คาด Sentiment เป็นบวก โดยเฉพาะFund Flow ภายใต้ความไม่แน่นอนในการดำเนินงานนโยบายของสหรัฐฯ ข้างต้น คาดยังส่งผลให้เงินสหรัฐฯ กลับมาอ่อนค่า คาดเงินทุนไหลกลับเข้า Emerging Market รวมถึงไทย นอกจากนี้ยังมีประเด็น Window Dressing ซึ่งจะมีการปิดงบไตรมาส 1 ในวันที่ 31/3/60 และการประชุม กนง. ใน วันพุธนี้ (29/3/60)


  อย่างไรก็ตามคาดยังถูกกดดันบ้างจากความไม่แน่นอนในการเปิดประมูลของภาครัฐ ที่คาดยังมีผลต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยเฉพาะประเด็นการยกเลิกทีโออาร์รถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง คาดทำให้การประมูลล่าช้าไป 5 –6 เดือน แนะติดตามการประชุม กนง. (29/3/60) 


  ขณะที่ในระยะกลาง – ยาว ยังได้รับปัจจัยหนุนจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่คาดดีขึ้นตามลำดับ ภายใต้ (1) การลงทุนของภาครัฐ ที่ได้แรงขับจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (2) รายได้เกษตรกรที่คาดปรับตัวดีขึ้นตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก และสถานการณ์ภัยแล้งที่ผ่อนคลายลง และ (3) การส่งออกปรับตัวดีขึ้นจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่เริ่มมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น โดย กกร. คาดส่งออกเติบโต 1.0 –3.0% รวมถึงได้รับประโยชน์จากเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า และ (4) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้ามาท่องเที่ยวไทย ซึ่ง ททท. คาดว่าทั้งปี’60 อยู่ที่ 34 - 35 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 32.59 ล้านคน เมื่อปี’59 พร้อมคาดรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มขึ้น 10% จาก 1.64 ล้านบาทเมื่อปี’59

SET SET50 SET100
1,573.51 +4.79 998.25 +5.00 2,245.69 +10.16

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
  (-/+) ตลาดต่างประเทศ DJIA -59.86, NASDAQ +11.05, S&P -1.98, FTSE -3.89, CAC -11.86 และ DAX +24.59 ภายใต้การซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวน หลังสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯยกเลิกการลงมติร่างกฎหมาย "อเมริกันเฮลธ์แคร์" ที่จะนำมาใช้แทนกฎหมายประกันสุขภาพ "Affordable Care Act (ACA)" หรือ "โอบามาแคร์" เนื่องจากเสียงสนับสนุนของพรรครีพับลิกัน ยังไม่มากพอต่อการผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าว ทำให้เกิดความกังวลว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอื่นๆ อาจต้องล่าช้าออกไปด้วย ขณะที่ ปธน.ทรัมป์ ประกาศว่าจะไม่มีการรื้อฟื้นร่างกฎหมายดังกล่าวขึ้นมาอีก โดยจะปล่อยให้กฎหมายประกันสุขภาพ "โอบามาแคร์" มีผลบังคับใช้ต่อไป และหันไปผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอื่นๆ เช่น การปฏิรูปภาษี 
  ทางด้านตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ (1) ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน – ก.พ. เพิ่มขึ้น 1.7% ต่อเนื่องจาก ม.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้น 2.3% และ (2) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต – มี.ค. อยู่ที่ 53.4 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน เช่นเดียวกับดัชนี PMI ภาคบริการ – มี.ค. อยู่ที่ 52.9 ลดลงจาก 53.8 เมื่อก.พ.
  ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยหนุนบ้างจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของยูโรโซน – มี.ค. อยู่ที่ 56.7 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 6 ปี และดีกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 55.8

P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
17.36 1.93 3.14

ที่มา : www.set.or.th

มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 35,671.48
สถาบัน 1,188.27
บัญชีหลักทรัพย์ -402.1
ต่างประเทศ 1,566.48
ในประเทศ -2,352.66

และยังแนะจับตา
  (1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR และ TKN เป็นต้น
  (2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี ’60 เช่น KBANK และ SCBเป็นต้น
  (3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
  
  (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น และความต้องการในประเทศที่คาดดีขึ้น เช่น SCC
  (5) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากการเปิดขายโครงการในปี’60 ที่โดดเด่น เช่น ANAN และ SPALI เป็นต้น
  (6) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐและเอกชน ที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น SQ และ UNIQเป็นต้น    
  (7) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น และ BANPU ปรับตัวขึ้นตามราคาถ่านหิน
  (8) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK
  (9) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจขนส่งทางเรือ เช่น PSL คาดได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินที่มีแนวโน้มฟื้นตัว จากการปรับตัวของอุตสาหกรรมเรือเทกอง

ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.02 อยู่ที่ 2.40%(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.16 อยู่ที่ 12.96
หุ้นแนะนำ : “หุ้นสัมนาเมื่อวันที่ 24/3/60”
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!