- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 24 March 2017 16:17
- Hits: 4776
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
ตามตลาดต่างประเทศ? คาดมีโอกาสปรับขึ้นตามตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่ แม้คาดยังได้รับปัจจัยกดดันจาก (1) ความกังวลว่าอาจเกิดความล่าช้าในการดำเนินงานนโยบายตามที่ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้ หลังมีความขัดแย้งในสภาคองเกรส ซึ่งอาจส่งผลต่อแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เช่น การจ้างงาน และการลงทุนภาคเอกชน เป็นต้น และ (2) ความเป็นไปได้ที่ BOE อาจใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น หลังอัตราเงินของอังกฤษ – ก.พ. อยู่ที่ 2.3 % ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่ก.ย.’56 และสูงกว่าเป้าหมายของ BOE ที่ 2.0 % ขณะที่มีประเด็นการพิจารณาออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ ที่จะเริ่มกระบวนการอย่างเป็นทางการ ปลาย มี.ค. นี้
ยังแนะติดตามการเลือกตั้งในยุโรป โดยเฉพาะในฝรั่งเศส (เม.ย. – พ.ค.) ซึ่งคาด Sentiment เป็นบวก หลังผลการเลือกตั้งในเนเธอร์แลนด์ และผลสำรวจล่าสุดในช่วงการหาเสียงในฝรั่งเศส คาดช่วยลดความกังวลโดยเฉพาะการเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมือง ที่อาจเป็นการจุดกระแสความนิยมต่อนโยบายขวาจัด
ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ (+) Fund Flow ภายใต้ความไม่แน่นอนในการดำเนินงานนโยบายของสหรัฐฯ ข้างต้น คาดยังส่งผลให้เงินสหรัฐฯ กลับมาอ่อนค่า คาดเงินทุนไหลกลับเข้า Emerging Market รวมถึงไทย นอกจากนี้ยังมีประเด็น Window Dressing ซึ่งจะมีการปิดงบไตรมาส 1 ในวันที่ 31/3/60 อย่างไรก็ตามคาดยังถูกกดดันบ้างจากความไม่แน่นอนในการเปิดประมูลของภาครัฐ ที่คาดยังมีผลต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยเฉพาะประเด็นการยกเลิกทีโออาร์รถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง คาดทำให้การประมูลล่าช้าไป 5 – 6 เดือน แนะติดตามการประชุม กนง. (29/3/60)
ขณะที่ในระยะกลาง – ยาว ยังได้รับปัจจัยหนุนจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่คาดดีขึ้นตามลำดับ ภายใต้ (1) การลงทุนของภาครัฐ ที่ได้แรงขับจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (2) รายได้เกษตรกรที่คาดปรับตัวดีขึ้นตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก และสถานการณ์ภัยแล้งที่ผ่อนคลายลง และ (3) การส่งออกปรับตัวดีขึ้นจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่เริ่มมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น โดย กกร. คาดส่งออกเติบโต 1.0 – 3.0% รวมถึงได้รับประโยชน์จากเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า และ (4) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้ามาท่องเที่ยวไทย ซึ่ง ททท. คาดว่าทั้งปี’ 60 อยู่ที่ 34 - 35 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 32.59 ล้านคน เมื่อปี’59 พร้อมคาดรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มขึ้น 10% จาก 1.64 ล้านบาทเมื่อปี’59
SET SET50 SET100
1,568.72 +2.06 993.25 +1.18 2,235.53 +1.83
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-/+) ตลาดต่างประเทศ DJIA -4.72, NASDAQ -3.95, S&P -2.49, FTSE +15.99, CAC +38.06 และ DAX +135.56
หลังสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เลื่อนการลงมติเกี่ยวกับการนำร่างกฎหมาย "อเมริกันเฮลธ์แคร์" มาใช้แทนกฎหมาย "โอบามาแคร์" เนื่องจากเสียงสนับสนุนของพรรครีพับลิกันยังไม่มากพอต่อการผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าว ทำให้เกิดความกังวลว่า อาจส่งผลให้การมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอื่นๆ ของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ เช่น การปฏิรูปภาษี การผ่อนคลายกฎระเบียบ และการใช้จ่ายงบประมาณในโครงการสาธารณูปโภค ต้องล่าช้าออกไป
ขณะที่การกล่าวสุนทรพจน์ ล่าสุด ของ ประธานเฟด ไม่ได้ส่งสัญญาณเกี่ยวกับนโยบายการเงิน รวมถึงไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐเช่นกัน นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยกดดันจากจำนวนผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ล่าสุด เพิ่มขึ้น 15,000 ราย อยู่ที่ 258,000 ราย มากกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 240,000 ราย แต่ยอดขายบ้านใหม่ – ก.พ. เพิ่มขึ้น 6.1% อยู่ที่ 592,000 ยูนิต จาก 558,000 ยูนิต เมื่อ ม.ค.
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป เกิดการเข้าเก็งกำไร หลังปรับลดลงในช่วงที่ผ่านมา และได้รับปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มค้าปลีก
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน พ.ค. -US$0.34 อยู่ที่US$47.70 ต่อบาร์เรล ยังคงได้รับปัจจัยกดดันจากความกังวลต่อภาวะอุปทานส่วนเกิน ทั้งจำนวนสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ล่าสุด ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด และจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งาน เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน
ขณะที่จะมีการประชุมระหว่างรัฐมนตรีน้ำมันของกลุ่มประเทศโอเปก และนอกกลุ่มโอเปก ในวันอาทิตย์นี้ (26/3/60) ที่คูเวต เพื่อประเมินการให้ความร่วมมือของประเทศต่างๆ ในการลดกำลังการผลิตน้ำมัน
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
17.3 1.92 3.15
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 38,378.33
สถาบัน 410.79
บัญชีหลักทรัพย์ 493.41
ต่างประเทศ 395.56
ในประเทศ -478.18
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR และ TKN เป็นต้น
(2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี ’60 เช่น KBANK และ SCB เป็นต้น
(3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น และความต้องการในประเทศที่คาดดีขึ้น เช่น SCC
(5) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากการเปิดขายโครงการในปี’60 ที่โดดเด่น เช่น ANAN และ SPALI เป็นต้น
(6) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐและเอกชนที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น SQ และ UNIQ เป็นต้น
(7) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น และ BANPU ปรับตัวขึ้นตามราคาถ่านหิน
(8) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK
(9) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจขนส่งทางเรือ เช่น PSL คาดได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินที่มีแนวโน้มฟื้นตัว จากการปรับตัวของอุตสาหกรรมเรือเทกอง
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.02 อยู่ที่ 2.42%
(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.31 อยู่ที่ 13.12
หุ้นแนะนำ : BR
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788