- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 23 March 2017 16:56
- Hits: 2698
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดตลาดทิ้งตัวลงแรง ขยับลงทำจุดต่ำสุดของวันที่ 1558 จุด ลดลง จุด เนื่องจากเผชิญแรงขายจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน แบงก์ และสื่อสาร ก่อนที่จะค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นจากแรงซื้อในกลุ่มอาหาร ขนส่ง แต่ยังไม่สามารถกลับขึ้นไปยืนในแดนบวกได้ โดยมีจุดสูงสุดของวันที่ 1569.99 จุด เพิ่มขึ้น จุด ทำให้กรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันอยู่ที่ 11.99 จุด ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1566.66 จุด ลดลง 2.12 จุด (-0.14%) มูลค่าการซื้อขาย 35,245 ล้านบาท
ภาพตลาดวันนี้
ดัชนีวานนี้เริ่มแสดงอาการชะลอตัว หลังจากเผชิญแนวต้านสำคัญ กระโดดลงตั้งแต่เปิดตลาดลงทำ Low ที่ 1558 จุด หลุดเส้นค่าเฉลี่ย 5/25 วัน ก่อนที่จะมีแรงซื้อดีดกลับได้เร็วเช่นกัน จนกลับขึ้นมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยดังกล่าวอีกครั้ง พร้อมกับทำปิดสูงกว่าเปิด แต่ด้วยปริมาณการซื้อขายยังเบาบาง ทำให้ภาพโดยรวมดูเหมือนจะขยับขึ้นต่อได้ แต่มองนวต้านยังจำกัด 1572-1576 จุด ขณะที่แนวรับ 1555-1560 จุด
แกว่งตัวผันผวน – ระวังการชะลอตัว
Support 1540 // 1530 จุด Resistance 1570 // 1580 จุด
พรรณนภา เขมะสุรัตน์ Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110 Tel 02- 6481124
Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
Company Update & News Comment
(-) กลุ่มยานยนต์: ยอดผลิตรถยนต์เดือน ก.พ.2017 ลดลง YoY จากยอดส่งออกที่หดตัว
(+) กลุ่มส่งออกไก่: ได้ผลบวกหลายประเทศชะลอการนำเข้าจากบราซิล
(+) STEC: ราคาที่ปรับตัวลงมาเป็นโอกาสดีในการเข้าซื้อ
ปัจจัยและทิศทางตลาดหุ้นไทย
3 ตัวแปรที่มีผลต่อตลาด(ต่างประเทศ) วานนี้ ลำดับแรก คือ นโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังไม่เป็นรูปธรรมและอาจมีความล่าช้าเกิดขึ้น ถัดมาจะเป็นราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลง และท้ายสุด คือ การแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ Fed ท่านที่สองของสัปดาห์นี้ ยังมีความเห็นว่า Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกสองครั้งในปีนี้ ซึ่งสอดคล้องกับที่ออกมาก่อนหน้านี้
สำหรับเหตุการณ์ก่อการร้ายที่เกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษในคืนที่ผ่านมา คาดไม่มีผลต่อตลาดในวันนี้ เนื่องจาก ความสูญเสียไม่ถึงขั้นรุนแรง
วันนี้ ตลาดจะรอคอยปัจจัยสำคัญ คือ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเตรียมลงมติต่อร่างกฎหมาย "อเมริกันเฮลธ์แคร์" แทน "โอบามาแคร์" ที่กังวลว่าจะมีความขัดแย้งเกิดขึ้นจากการปฎิรูปกฎหมายฉบับนี้ และคืนนี้ ประธานธนาคากลางสหรัฐฯ จะขึ้นกกล่าวสุนทรพจน์ในงานสัมมนาที่ วอชิงตัน
ด้วยความไม่แน่นอนของตลาดจากปัจจัยเสี่ยงหลายตัว อาทิ นโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ กระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังไม่เป็นรูปธรรม การเลือตั้งในยุโรปและ BRExit ยังส่งผลให้นักลงทุนหันเข้าหาสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ อาทิ พันธบัตรรัฐบาล ทองคำ และค่าเงินสกุลที่ปลอดภัย เช่น เงินเยน ขณะที่ การอ่อนค่าของเงินดอลล่าร์ สะท้อนถึงภาพลบของตลาด ค่า Dollar Index รับตัวลงมาต่ำกว่า 100 จุด เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ 7 ก.พ.60 เป็นต้นมา และนี่เป็นผลให้ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ชะลอตัวลง
ราคาน้ำมันดิบ WTI เช้านี้ ซื้อขายที่ $48 เหรียญ แรงกดดันจาก stock น้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่เดินหน้าขึ้นทำ new high ที่ 533 ล้านบาร์เรล หรือเพิ่มขึ้น 4.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา …….. ราคาสินค้าในกลุ่มโลหะ ปรับตัวสูงขึ้นจากการคาดการณ์ว่า demand ของสินค้าในกลุ่มโลหะพื้นฐานยังสูง ขณะที่ราคาสินค้าในกลุ่มเกษตร มีเพียงปศุสัตว์ ที่ราคาขยับสูงขึ้นต่อเนื่อง เป็นผลจากการส่งออกเนื้อของบราซิลที่มีการปนเปื้อนและไข่หวัดนก ซึ่งจะดีต่อผู้ส่งออกอาหารของไทย
ปัจจัยในประเทศ ตัวเลขส่งออก เดือน ก.พ. ที่ลดลง 2.6% YoY และไม่รวมน้ำมัน ลดลง 4.0% ขณะที่ยอดขายรถยนต์ในประเทศเดือน ก.พ. สูงขึ้น 19% YoY และส่งออกรถยนต์ลดลง 6% จะทำให้หุ้นในภาคส่งออกยังไม่ฟื้นตัว ........ อย่างไรก็ตาม ด้วยเม็ดเงิน ที่ยังมีการไหลเข้ามาในตลาดไทย ส่วนหนึ่งมาจาก Reflation Trade ทำให้ตลาดหุ้นไทยจะไม่ร่วงลงไปแรงด้วยแรงขายของนักลงทุนในช่วงนี้
ทิศทางดัชนีฯ ปัจจัยต่างประเทศยังเป็นตัวชี้นำตลาด ซึ่งจะทำให้ดัชนีฯ มีแนวโน้มที่จะผันผวนในกรอบแคบ และมีโอกาสปรับตัวลดลงจากวันก่อน
กลยุทธ์การลงทุน เรายังแนะนำให้เป็น "ถือ" เนื่องจากมองทิศทางตลาดว่าจะเป็น sideway up คือค่อยๆ ปรับขึ้น เพียงแต่มีปัจจัยภายนอกมาคอยถ่วง ทำให้แรงซื้อจะเบาบางลง วันนี้ เรามองว่า ตลาดอาจหันมาเล่นหุ้นที่เป็น Domestic Play หุ้นในกลุ่ม Defensive และหุ้นที่ได้ประโชน์จากการที่ราคน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับต่ำ เป็นต้น .................... ทั้งนี้ หุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิเช่น SCB , ADVANC , AAV ,GFPT , SAMART , CHG , DIF
ประเด็นสำคัญ
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (22 มี.ค.) - SET Index ปิดที่ระดับ 1,566.66 จุด ลดลง 2.12 จุด -0.14% มูลค่าการซื้อขาย 35,245.30 ล้านบาท โดยมีการแกวางไซด์เวย์ในแดนลบและค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นมา เนื่องจากเงินบาทที่แข็งค่า แสดงให้เห็นว่าเม็ดเงินลงทุนยังไหลเข้ามาหลังเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ยังได้จิตวิทยาหนุนจากที่จะมีการทำ Window Dressing ก่อนปิดงบฯไตรมาส 1/60 ในสิ้นเดือนมี.ค.
ตลาดหุ้นต่างประเทศ - ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,661.30 จุด ลดลง 6.71 จุด หรือ -0.03% เนื่องจากการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์อาจมีความล่าช้า และตลาดยังได้รับแรงกดดันจากนยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง -0.4% ปิดที่ 374.03 จุด
ราคาน้ำมันดิบ WTI - สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 20 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 48.04 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้นสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ โดยข้อมูลดังกล่าวได้เพิ่มความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทาพลังงานที่สูงขึ้นในสหรัฐ
เศรษฐกิจสหรัฐ - ยอดขายบ้านมือสองในเดือนก.พ. ได้รับผลกระทบจากราคาบ้านที่พุ่งสูง และสต็อกบ้านที่ลดต่ำลงเป็นเดือนที่ 21 ติดต่อกัน โดยลดลง -3.7% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 5.48 ล้านยูนิต
เศรษฐกิจสหรัฐ - ประธานเฟดดัลลัสหนุนขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ และดำเนินการเพื่อลดงบดุลบัญชีของเฟดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐใกล้แตะระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% และตลาดแรงงานสหรัฐอยู่ในภาวะใกล้มีการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ
น้ำมัน - EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นสูงกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับการรายงานของ API โดยเพิ่มขึ้น 5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
กลุ่ม ICT - กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงศึกษาธิการ ดีแทค ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมเศรษฐกิจผู้ประกอบการในชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเป็นโครงการระยะเร่งด่วนในการส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานราก และเพิ่มโอกาสการสร้างรายได้ให้กับชุมชน
กลุ่ม พลังงาน - สำนักงาน กกพ. คาดว่าแนวโน้มค่าเอฟที ในเดือนพ.ค.-ส.ค.60 มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงขาขึ้นของราคาเชื้อเพลิง โดยเฉพาะราคาก๊าซธรรมชาติและราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งตัวเลขประมาณการค่าเอฟทีในงวดดังกล่าวจะทราบผลภายในกลางเดือนเม.ย. 60 นี้
เศรษฐกิจ- สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงสถิติการค้าระหว่างประเทศของไทยว่าในเดือน ก.พ.60 การส่งออกมีมูลค่า 18,470ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 2.76% เมื่อเทียบกับเดือน ก.พ.59 ซึ่งเป็นการกลับมาติดลบครั้งแรกในรอบปีนี้ หลังจากที่เดือน ม.ค.60 มูลค่าเพิ่มขึ้น 8.83% ส่วนเมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 647,360 ล้านบาท ลดลง 5.3% โดยสาเหตุที่มูลค่ากลับมาติดลบเพราะมีการส่งออกสินค้าพิเศษคืออากาศยานและทองคำรวมกันถึง 13.5% แต่หากหักมูลค่าการส่งออกสินค้าทั้ง 2 รายการแล้ว มูลค่าส่งออกจะเพิ่มขึ้น 8.5% ส่วนหากหักมูลค่าการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมันมูลค่าส่งออกจะติดลบ 4.0% ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 16,860 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 20.36%
กลุ่มยานยนต์- นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธาน และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์เดือน ก.พ.ทำได้ 68,435 คันเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 19.9 % และเพิ่มขึ้นจาก ม.ค.ปีนี้ 19.5 % และเมื่อรวมยอดขาย 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ.) ทำได้ 125,689 คัน เพิ่มขึ้น 15.4 % จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว
กลุ่มสายการบิน- นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ กพท.อยู่ระหว่างเร่งทบทวนและออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่ (AOC Re-certification) ให้สายการบินระหว่างประเทศที่จดทะเบียนในไทยทั้ง 23 รายเพราะการยื่นเรื่องขอให้องค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ(ไอเคโอ) ตรวจสอบซ้ำเพื่อปลดธงแดงประเทศไทยมีเงื่อนไขกำหนดว่าเมื่อ กพท.ยื่นเรื่องให้ไอเคโอตรวจสอบในเดือน มิ.ย. แล้ว สายการบินที่ยังไม่ได้รับ AOC ใหม่ จะต้องหยุดบินในเส้นทางระหว่างประเทศตั้งแต่ 1 ก.ค.60 เป็นต้นไป หรือจนกว่าไอเคโอจะประกาศปลดธงแดง
News Release
JAS ซื้อวันนี้รับปันผลทิ้งทวนก่อนXDพรุ่งนี้ เม.ย.ลุ้นโหวตขายทรัพย์เข้ากองทุน-ปันผลพิเศษ
+ "JAS" วิ่งทิ้งทวนก่อนขึ้น XD พรุ่งนี้ นักลงทุนซื้อวันนี้รับปันผล 25 สตางค์/หุ้น ยีลด์สูง 3% วงการเงินชี้จับตา 27เม.ย.นี้ ผู้ถือหุ้นโหวตอนุมัติขายสินทรัพย์ให้ JASIF มูลค่า 5-7 หมื่นล้านบาท จ่อบุ๊คกำไรพิเศษหมื่นล้านบาท ลุ้นจ่ายปันผลพิเศษ(ข่าวหุ้น)
WHA บุ๊คขายไฟเพิ่ม130MW ปีนี้ขายที่ดินไหลลื่น1พันไร่
+ WHA แกร่งลั่นปี 60 จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบอีก 130 MW ดันกำลังผลิตไฟฟ้าในมือพุ่ง 470 MW มั่นใจฟาดยอดขายที่ดินพุ่ง 1,000 ไร่ ช่วยหนุนบริษัทเติบโต ทุ่มงบลงทุน 7,300 ล้านบาท ขยายธุรกิจโลจิสติกส์-ดิจิตอล-นิคมอุตสาหกรรม(ข่าวหุ้น)
CPF-GFPT-TFGได้ดี ระงับนำเข้าไก่บราซิล
+ 3 หุ้นไก่ "CPF-GFPT-TFG" ตีปีกรับอานิสงส์จีน-ฮ่องกง-สหภาพยุโรประงับนำเข้าเนื้อสัตว์จากบราซิล พร้อมคาดปริมาณผลิตในตลาดโลกลด ดันราคาขายไก่ส่งออกเพิ่มขึ้น โบรกฯเชียร์ "ซื้อ" CPF เป้า 41.80 บาท และ GFPT เป้า 19 บาท(ข่าวหุ้น)
TSR รุกขยายสาขาลาวเปิดฉากบุกตลาดCLMV ยอดขายปีแรก20ล้าน
+ "เธียรสุรัตน์" เปิดฉากบุกตลาด CLMV ส่งเครื่องกรองน้ำ SAFE บุกลาว กดปุ่มเปิด "ทีเอสอาร์ ลาว" สาขาแรกที่นครเวียงจันทน์ วางเป้ายอดขายปีแรกประมาณ 20 ล้านบาท แย้มเล็งขยายตลาดในเมียนมา-เวียดนามเพิ่ม(ข่าวหุ้น)
SUSCOรับผลบวกขยายปั๊ม เร่งยอดขายทะยาน8-10%
+ SUSCO ปั้นยอดขายน้ำมันโตแรง บอส "ชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์" วางเป้าหมายเบื้องต้นมียอดขายน้ำมันปีนี้ โตเพิ่มจากปีก่อน 8-10% เก็บรายได้ 2 หมื่นล้านบาทเข้ากระเป๋า พร้อมตั้งเป้า EBITDA ปีนี้ใกล้เคียงปี 2559 ที่ระดับ 600 ล้านบาท เล็งใช้งบลงทุน 300 ล้านบาท เดินหน้าขยายปั๊มพ่วงศึกษาลงทุนโซลาร์เซลล์(ทันหุ้น)
'HTECH' หุ้นมีสตอรี่เด่น อานิสงส์ฮาร์ดดิสก์โตแรง Q2 จ่อย้ายเข้าเทรด SET
+ HTECH ส่อแววสวยตั้งแต่ต้นเชื่อผลงานปี 60 แรงดีไม่มีตก หลังภาพรวมตลาดชิ้นส่วนฮาร์ดดิสก์โตแรงคำสั่งซื้อจากลูกค้ารายใหญ่ไหลเข้ามาในไทยอื้อซ่าทีมบริหารเร่งผุดโรงงานใหม่คาดแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 ปีนี้ คาดย้ายเข้าเทรดในกระดาน SET ไตรมาส 2 ปีนี้ (ทันหุ้น)
TWPCลุ้นสรุปดีลซื้อกิจการ ติดเครื่องเจาะตลาดCLMV
+ TWPC มั่นใจรายได้ปีนี้โต 8-9% "โฮ เรน ฮวา" เผยเดินหน้าซื้อกิจการต่อเนื่อง แย้มปีนี้ได้ข้อสรุปดีลซื้อธุรกิจอาหารและแป้งมันสำปะหลังเพิ่มขณะที่ยังอยู่ระหว่างศึกษาการตั้งโรงงานแป้งมันสำปะหลังและโรงงานผลิตวุ้นเส้นในเมียนมาและลาว คาดเห็นการลงทุนในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า(ทันหุ้น)
ATP30 คว้างานใหม่ 120 ล. โบรกดีดลูกคิดกำไรพุ่ง 50%
+ ATP30 ราศีเศรษฐีจับรับทรัพย์ลูกค้าต่อสัญญาใหม่ 120 ล้านบาท ผุดบริการเพียบ ฟากผู้บริหารปักธงรายได้ปี 2560 โต 15% ทุ่มงบ 120 ล้านบาท เพิ่มรถรับ-ส่งพนักงานอื้อ ด้านโบรกดีดลูกคิดกำไรปีไก่ทะยาน 50% เชียร์ "ซื้อ" เคาะพื้นฐาน 2.18 บาท(ทันหุ้น)
นักวิเคราะห์ : มงคล พ่วงเภตรา
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด ้านหลักทรัพย์
License No: 001937 Tel: 02-648-1123และทีมวิเคราะห์
ภัทร ภัทรกุลโชติ Tel: 02–6481484 Email: [email protected]