- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 20 March 2017 17:17
- Hits: 2051
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET ยังผันผวนและอ่อนตัวได้ จึงน่ารอซื้อช่วงอ่อนตัวลงก่อนดีกว่า
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET เริ่มผันผวนและมีจังหวะอ่อนตัวลงให้เห็น หลังจากดีดตัวขึ้นแรงวันก่อนหน้า และขยับขึ้นมาเร็วพอควรในรอบสัปดาห์ จากการตอบรับถ้อยแถลงของประธานเฟดที่ส่งสัญญาณว่าเฟดจะยังไม่ได้ขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไปนัก แต่ในช่วงท้ายตลาดยังมีแรงซื้อหนุนให้ดัชนีขยับกลับมาปิดเป็นบวกเล็กน้อยได้
แนวโน้มตลาดวันนี้ : บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้ค่อนข้างไร้ทิศทาง แม้ว่าตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่จะปิดบวก แต่ก็บวกในกรอบที่ค่อนข้างแคบ ส่วนดัชนีดาวโจนส์ยังปิดลบเล็กน้อย ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เริ่มอ่อนตัวลง ขณะที่นักลงทุนยังรอติดตามการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานเฟดในวันที่ 23 มี.ค.นี้ เพื่อมองหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปในปีนี้ ซึ่ง SET ก็ขยับกลับขึ้นมาเร็วพอควรในรอบที่ผ่านมา ทำให้ FSS คาดว่าตลาดมีโอกาสปรับพักตัวลงให้เป็นโอกาสในการเลือกหุ้นซื้อได้อีก อย่างไรก็ตามกรอบลบก็น่าจะยังค่อนข้างจำกัด เพราะไม่มีประเด็นลบใหม่กดดัน รวมทั้งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็เริ่มที่จะทรงตัวได้ดีขึ้น จากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ และการที่ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ในโอเปกและนอกโอเปกบางราย ยังส่งสัญญาณที่จะขยายการปรับลดกำลังการผลิต เพื่อคลายความวิตกเกี่ยวกับภาวะอุปทานพลังงานล้นตลาดต่อไป
กลยุทธ์ : ดังนั้น FSS จึงยังแนะนำให้รอเลือกหุ้นซื้อเพิ่มช่วงตลาดอ่อนตัวลงดีกว่า แต่ส่วนที่ซื้อไว้แล้วยังสามารถเน้นถือเพื่อรอรอบบวกต่อไปได้
แนวรับ 1557-1555 , 1552-1548 จุด
แนวต้าน 1562-1565 , 1568-1573 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : TVO, SAMTEL, TISCO(buy back)
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่น US$915ล้าน นำโดยไต้หวัน US$472ล้าน เกาหลีใต้ US$221ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลเข้า US$45ล้าน ขณะที่ไหลออกจากเวียดนามประเทศเดียว US$12ล้าน แนวโน้มเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าแต่อาจชะลอลงเพื่อติดตามสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปจากการกล่าวสุนทรพจน์ของประธาน Fed ในวันพฤหัสบดีนี้
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) โฟลว์ไหลเข้า EM หลังเฟดขึ้นดอกเบี้ย หลังจากเฟดขึ้นดอกเบี้ย กระแสเงินทุนของต่างชาติเริ่มไหลกลับมาซื้อหุ้น ฟิวเจอร์ส และพันธบัตรในช่วงปลายสัปดาห์ โดยเฉพาะ SET50 Futures ที่ต่างชาติซื้อเป็นปริมาณเพิ่มขึ้นมาก เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว (แข็งค่ามากสุดรองจากเงินวอนเกาหลีใต้) กลับมาอยู่ระดับเดียวกับช่วงก่อนหน้าเฟดขึ้นดอกเบี้ย หุ้นกลุ่มที่ outperform อันดับต้นๆคือกลุ่มไฟแนนซ์ แบงก์ และสื่อสาร ส่วนกลุ่มที่ underperform คือปิโตรเคมี เกษตร และอิเล็คทรอนิคส์ ส่วนสัปดาห์นี้ Flow อาจไหลเข้าไม่เต็มที่เพราะตลาดจับตาประธานเฟดหลายสาขารวมถึง Yellen ที่มีกำหนดพูดถึงเศรษฐกิจตลอดทั้งสัปดาห์
(+) กลุ่มแบงก์ ราคาหุ้นในกลุ่มแบงก์ส่วนใหญ่ปรับขึ้นมาสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปีจน upside เริ่มแคบเมื่อเทียบกับมูลค่าพื้นฐาน ยกเว้น BBL, SCB, TMB ที่ยังมี upside กว่า 10% ปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มแบงก์ระยะนี้คือเงินปันผลที่ส่วนใหญ่ขึ้น XD เดือน เม.ย. ให้ Yield ~2% (ยกเว้น KKP, TISCO ที่ให้ yield 5%) และความหวังผลประกอบการ 1Q17 เราเชื่อราคาหุ้นมีโอกาสขยับขึ้นต่อ แนะนำถือรับปันผล แต่หากซื้อใหม่ แนะนำเพียง BBL (ราคาพื้นฐาน 210 บาท) หลักทรัพย์เดียว
(+) BCH ราคาหุ้นที่ปรับลงมาเกือบ 20% จากจุดสูงสุดของปีนี้ตอบสนองในเชิงลบมากเกินไปเมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐานที่ยังโตต่อเนื่อง ตลาดอาจผิดหวังที่สำนักงานประกันสังคมยังไม่ปรับเพิ่มค่าหัว แต่การให้สิทธิตรวจร่างกายฟรีตั้งแต่ต้นปี เป็นบวกเพราะรพ.จะมีรายได้ส่วนเพิ่มที่มีอัตรากำไรสูงเข้ามาเสริม เราไม่ได้รวมประเด็นนี้ในประมาณการกำไรปีนี้ที่คาดโต 15.6% Y-Y ซึ่งมาจาก WMC ที่มีพัฒนาการดีขึ้นมาก PE ปัจจุบันที่ 38 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 3 ปีที่ผ่านมาที่ 45 เท่า เป็นโอกาสซื้อ ราคาพื้นฐาน 16 บาท
(+) KSL แนวโน้มกำไรจะฟื้นสดใสใน 2Q17 (ก.พ.-เม.ย.) เบื้องต้นเราคาด 600-700 ล้านบาทจากฤดูส่งออกน้ำตาล และมีการเลื่อนรับมอบน้ำตาลมาจาก 1Q17 ซึ่งเป็นราคาขายล๊อตใหม่ที่สูงกว่าปีก่อนราว 30% และจะมีรายการพิเศษต่อเนื่องมาจากไตรมาสก่อน แนวโน้มราคาน้ำตาลโลกยังดูดีเพราะขาดดุลเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน แต่เรามองระมัดระวังมากขึ้นต่อราคาน้ำตาลปีหน้าเพราะเริ่มเห็นสัญญาณผลผลิตอ้อยของโลกเพิ่มสูงขึ้นจากไทย ยังแนะนำซื้อด้วยกำไรปีนี้ที่ Turnaround และปัจจุบันมี PE เพียง 16.7 เท่าและจะลดเหลือ 14.5 เท่าปีหน้า
(0) บ.ย่อยของ EFORL ผิดนัดชำระหนี้ตั๋ว B/E อาจเป็น Sentiment ลบต่อบริษัทที่ระดมทุนด้วยตั๋ว B/E รายอื่น แต่นักลงทุนไม่ควรตื่นตระหนก เพราะเป็นปัญหาเฉพาะตัว แต่หลายกิจการยังมีสภาพคล่องสูงและไม่มีปัญหาทางด้านการเงิน
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
22 มี.ค. - ฟิลิปปินส์:ธนาคารกลาง (BSP)ประชุม
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (ก.พ.)
23 มี.ค. - ไทย:ยอดขายรถ (ก.พ.)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านใหม่ (ก.พ.), Yellen speaks at Community Development Conference
24 มี.ค. - สหรัฐ:คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (ก.พ.)
- ยูโรโซน:Markit Eurozone Composite PMI (มี.ค.)
27 มี.ค. - ไทย:ดุลการค้า (ก.พ.), TOTเปิดรับข้อเสนอ Beauty Contestของคลื่น 2300MHz
28 มี.ค. - เกาหลีใต้: 4Q16 GDP
29 มี.ค. - ไทย:กนง.ประชุม (ตลาดคาดคงดอกเบี้ยที่ 1.5%)
- สหรัฐ: Pending home sales (ก.พ.)
30 มี.ค. - ไทย:ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (ก.พ.)
- สหรัฐ: 4Q16 GDP (ตัวเลขสุดท้าย)
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดทรงตัวโดยยังคงถูกกดดันจากกลุ่มการเงินและการแพทย์ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมรัฐมนตรีคลังและธนาคารกลางของกลุ่ม G20
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ปิดบวกได้เล็กน้อย อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายและรอดูผลการประชุมของรัฐมนตรีคลังและธนาคารกลางกลุ่ม G20 วันนี้
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในกรอบแคบเนื่องจากไร้ปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุน
(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างต่อเนื่องและค่อนข้างเร็ว ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 34.70-34.80 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ขยับขึ้น 0.03 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 48.78 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่เริ่มมีการปรับตัวลงเช้านี้หลังมีรายงานว่ามีการขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯมากขึ้น ขณะที่ Supply จาก OPEC ยังคงที่
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. พุ่งขึ้น 3.10 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,230.20 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์ทีอ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์หลัง FED ยังส่งสัญญาณว่าการขึ้นดอกเบี้ยจะยังค่อยเป็นค่อยไป
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch