WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRAบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน



ทิศทางตลาด
  ระวังแรงขายทำกำไร? หลังดัชนีปรับขึ้นวานนี้ คาดตอบรับบางส่วนต่อประเด็นความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หลังเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามความคาดหมาย และส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้บแบบค่อยเป็นค่อยไป คาดคงเหลืออีก 2 ครั้งในปีนี้ และอีก 3 ครั้งในปี’61 


  แนะติดตามราคาน้ำมันที่คาดยังมีความผันผวน โดยคาดภาพรวมยังถูกกดดันจากภาวะอุปทานส่วนเกินทั้งของสหรัฐฯ และปริมาณการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปก – ก.พ. (ยกเว้นซาอุดิอาระเบีย) ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งคาดส่งผลต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน + / - ตามราคาน้ำมัน
ขณะที่การเลือกตั้งในเนเธอร์แลนด์ – 15/3/60 คาด Sentiment เป็นบวกหลังผลสำรวจล่าสุดคะแนนของนายกฯ คนปัจจุบัน นำพรรคอื่นๆ ซึ่งคาดช่วยลดความกังวลโดยเฉพาะการเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมือง ที่อาจเป็นการจุดกระแสความนิยมต่อนโยบายขวาจัดสำหรับการเลือกตั้งในฝรั่งเศส (เม.ย. – พ.ค.) และเยอรมัน (ก.ย.) ต่อไป


  พร้อมแนะติดตามค่าเงินสหรัฐฯ คาดมีทิศทางแข็งค่า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อราคาสินค้า Commodity ที่มีการซื้อขายในรูปเงินสหรัฐฯ มีราคาลดลง รวมถึงเงินทุนไหลออก จาก Emerging Market รวมถึงไทย และส่งผลต่อราคาหุ้นในกลุ่ม Blue Chip ที่เป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติ

ทางด้านประเด็นในประเทศ ภาพรวมยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ๆ อย่างไร
  ก็ตามกลับมีความผันผวนหุ้นในกลุ่ม Leasing โดยเฉพาะ GL การเข้าลงทุนควรเป็นไปอย่างระมัดระวัง ขณะที่คาดยังได้รับปัจจัยลบจาก Fund Flow ภายใต้แรงขายสุทธิของต่างชาติ อีก 1,325 ล้านบาท และ YTD ยอดขายสุทธิสะสมของต่างชาติ เพิ่มเป็น  13,442 ล้านบาท (MTD ขายสุทธิสะสม 16,125 ล้านบาท) อย่างไรก็ตามคาดได้รับการชดเชยจากสถาบันในประเทศที่ยังมีแรงซื้อสุทธิต่อเนื่อง
ขณะที่ในระยะกลาง – ยาว ยังได้รับปัจจัยหนุนจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่คาดดีขึ้นตามลำดับ ภายใต้ (1) การลงทุนของภาครัฐ ที่ได้แรงขับจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (2) รายได้เกษตรกรที่คาดปรับตัวดีขึ้นตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก และสถานการณ์ภัยแล้งที่ผ่อนคลายลง และ (3) การส่งออกปรับตัวดีขึ้นจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่เริ่มมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น โดย กกร. คาดส่งออกเติบโต 1.0 – 3.0% รวมถึงได้รับประโยชน์จากเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า

SET SET50 SET100
1,557.05 +16.25 986.70 +10.99 2,222.34 +24.94

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
  (-/+) ตลาดต่างประเทศ DJIA -15.55, NASDAQ +0.72, S&P -3.88, FTSE +47.31, CAC +27.90 และ DAX +73.31
ภายใต้ปัจจัยกดดันจากหุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพ หลัง ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ เสนอให้ตัดงบประมาณด้านการวิจัยทางการแพทย์ และเพิ่มกฎระเบียบในการอนุมัติการผลิตยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ 
  อย่างไรก็ตามการปรับลดลงอยู่ในกรอบจำกัด หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจแข็งแกร่ง (1) ตัวเลขเริ่มต้นสร้างบ้าน – ก.พ. เพิ่มขึ้น 3.0%MoM อยู่ที่ 1.29 ล้านยูนิต สูงกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 1.26 ล้านยูนิต และ (2) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ล่าสุด ลดลง 2,000 ราย อยู่ที่ 241,000 ราย สอดคล้องกับที่คาดไว้
  ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ตอบรับต่อผลการเลือกตั้งเบื้องต้นของเนเธอร์แลนด์ ที่ระบุว่า พรรค VVD ของนายมาร์ค รุตเต นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ มีคะแนนนำนายเกิร์ต ไวล์เดอร์ส และยังได้รับปัจจัยบวกจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมเมื่อ 14 – 15/3/60
  ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน เม.ย. -US$0.11 อยู่ที่US$48.75ต่อบาร์เรล ส่วนหนึ่งจากการขายทำกำไร ขณะที่ยังได้รับปัจจัยกดดันจากสมาชิกโอเปกที่ให้สัญญาลดกำลังการผลิตได้ผลิตน้ำมัน 29.7 ล้านบาร์เรล/วัน เมื่อช่วงปลายปี’59 กลับเพิ่มการผลิตน้ำมันสู่ระดับ 29.9 ล้านบาร์เรล เมื่อก.พ. โดยอิรัก สหรัฐอาหรับ-เอมิเรต กาบอง คูเวต กาตาร์ และเอกวาดอร์ เป็นประเทศที่ได้ผลิตน้ำมันเกินโควตาที่กำหนด
  โดยคณะกรรมการตรวจสอบความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิต รวมถึงรัสเซีย จะพบปะกันในการประชุมที่คูเวตในวันที่25/3/60 ก่อนที่จะมีการประชุมกลุ่มโอเปก ในเดือนพ.ค.

P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
17.17 1.91 3.05

ที่มา : www.set.or.th

มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 56,117.78
สถาบัน 5,568.84
บัญชีหลักทรัพย์ -602.97
ต่างประเทศ -1,324.93
ในประเทศ -3,640.95

  และ (4) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้ามาท่องเที่ยวไทย ซึ่ง ททท. คาดว่าทั้งปี’ 60 อยู่ที่ 34 - 35 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 32.59 ล้านคน เมื่อปี’59 พร้อมคาดรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มขึ้น 10% จาก 1.64 ล้านบาทเมื่อปี’59

และยังแนะจับตา
  (1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR และ TKN เป็นต้น
  (2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี ’60 เช่น KBANK และ SCB เป็นต้น
  (3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
  (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น และความต้องการในประเทศที่คาดดีขึ้น เช่น SCC
  (5) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากการเปิดขายโครงการในปี’60 ที่โดดเด่น เช่น ANAN และ SPALI เป็นต้น
  (6) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐและเอกชนที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น SQ และ UNIQ เป็นต้น
  (7) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น และ BANPU ปรับตัวขึ้นตามราคาถ่านหิน
  (8) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK  
  (9) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจขนส่งทางเรือ เช่น PSL คาดได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินที่มีแนวโน้มฟื้นตัว จากการปรับตัวของอุตสาหกรรมเรือเทกอง ขณะที่ดัชนีค่าระวางเรือเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหลัง YTD ลงไประดับต่ำสุดที่ 683 เมื่อกลางก.พ.’60 ล่าสุดอยู่ที่ 1,172 หรือเพิ่มขึ้น ประมาณ 72%

ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี  +0.01 อยู่ที่ 2.52%
(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) 
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.42 อยู่ที่ 11.21

หุ้นแนะนำ : PSL
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์   โทร .02-684-8788

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!